กลยุทธ์สู้หุ้น !! ของคุณ สิปปกร ขาวสอาด

1. เล่นหุ้นอย่างมีแบบแผน              วางแผนการแบ่งเงินลงทุน มีเงินเท่าไร จะเล่นหุ้นหรือจะเก็บออมเท่าไร ศึกษาว่าหุ้นกลุ่มใด หุ้นตัวใดคือเป้าหมาย แบ่งเงินออกเป็น 5 ก้อน และเลือกหุ้นเป้าหมาย 5 ตัวในจำนวนเงินเท่า ๆ กัน ตัวใดขึ้น ปล่อยให้ขึ้นไปเรื่อย ๆ อย่าไปขวางทางการได้เงิน ตัวใดทรง อาจจะขายทิ้งก็ได้ ตัวใดลงให้รีบขายทิ้งทันที เมื่อขายแล้วก็นำเงินไปหาเลือกซื้อหุ้นตัวอื่นแทน
          2. เล่นหุ้นตามแนวโน้มตลาด              หากวันใดหุ้นมีแนวโน้มที่ไม่ดี มีแนวโน้มจะตก จะไม่เล่น ถ้ามีหุ้นอยู่จะขาย ในทางกลับกัน ถ้าตลาดมีแนวโน้มที่สดใส ทิศทางของตลาดมีภาวะจะเดินหน้าได้ดี จึงค่อยขนเงินเข้าไปเล่น อย่าไปเล่นหุ้นตามภาวะแวดล้อมหรือภาวะแรงเชียร์ของคนรอบข้าง
          3. แม้ขาดทุนก็ต้องขาย              ถ้าซื้อแล้วหุ้นตก ไม่ขึ้นไปในทิศทางที่คาดคิดไว้ อย่ารอหวังหุ้นขึ้น ให้ขายทิ้งไปยอมขาดทุน ดีกว่าจะไปติดหุ้น ถ้าหากหุ้นมีแนวโน้มราคาตกไปเรื่อย ๆ การที่เราขายทิ้งไปตั้งแต่แรก จะทำให้ไม่ขาดทุนหรือเสียหายมากนัก แต่ถ้าทนถือไปเรื่อย ๆ ไม่สามารถตัดใจขายได้ อาจจะทำให้การขาดทุนมีเยอะขึ้น
          4. ต้องสงบนิ่งเมื่อสงสัยทิศทางตลาด              บางช่วง ทิศทางของตลาดจะเอาแน่เอานอนไม่ได้ หันหัวจับทิศจับทางอะไรไม่ถูกเลย นักลงทุนต่างรอดูท่าทีซึ่งกันและกัน รวมทั้งการดูหุ้นแบบรายตัว ถ้าหุ้นตัวใด มีอาการเริ่มส่อนิ่งเงียบ ห้ามเข้าไปเล่นเด็ดขาด ไม่ต้องรอรีบาวน์หรือนั่งคาดการณ์ว่าถึงจุดรับควรรับได้แล้ว ถอยห่างดีกว่า จะไม่เสียอะไรเลยแม้แต่น้อย
          5. รอจังหวะอย่างชาญฉลาดและอดทน              ถ้าเราหาโอกาสรอจับจังหวะหุ้นได้ มองรู้จังหวะเข้าออก เราเป็นต่อเขาแน่นอน แต่ปัญหาอยู่ที่ทำอย่างไร เราถึงจะค้นหา มองทิศทางของตลาดได้อย่างถูกต้อง ดังนั้น ถ้าจะเล่นหุ้นให้ได้เงิน ได้กำไร จะต้องเล่นหุ้นช่วงขาขึ้นอย่างเดียว เลือกเล่นหุ้นตามจังหวะ คือสภาพตลาดดีซื้อ ตลาดแย่ขาย เข้าซื้อหุ้นก็ต่อเมื่อมองเห็นจังหวะหุ้นที่น่าจะมีรีบาวน์ โอกาสทำกำไรจะมีมากกว่าขาดทุน
          6. เล่นหุ้นไม่เกิน 5 ตัว             กำหนดจำนวนหุ้นที่จะเล่น ไม่ควรเกิน 5 ตัว เพราะจะได้ติดตามได้ง่าย และถ้าหากตลาดเกิดแพนนิคขึ้นมาจะได้ขายทัน เลือกซื้อหุ้นเอาแต่ตัวเด่น ๆ เลือกเฟ้นมาอย่างดี เอาแค่ 2-3 ตัวก็พอแล้ว คนที่เขาเล่นหุ่นแล้วร่ำรวยจากหุ้นจริง ๆ เขามีหุ้นอยู่ในพอร์ต 2-3 ตัวเท่านั้น ขออย่างมากไม่เกิน 5 ตัวนะครับ
          7. กำไรขายช้า-ขาดทุนขายเร็ว              คนส่วนใหญ่ พอมีกำไรแล้วรีบขาย แต่พอขาดทุน จะไม่ยอมขาย เก็บไว้จนการขาดทุนเพิ่มมากขึ้น ทนแบกหุ้นได้ตั้งนาน พอราคาดีดตัววิ่งมาใกล้กับราคาที่ติดก็รีบขายไป ดังนั้น เปลี่ยนใหม่ ถ้าหุ้นที่เลือกซื้อมีกำไร ปล่อยให้กำไรเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งแนวโน้มของทิศทางตลาดเริ่มจะตกลงมา จึงค่อยขาย แต่ถ้าหากขาดทุนหรือภาวะของตลาดเป็นชาลง ให้รีบขายทิ้งไปทันที
          8. อย่าทำกำไรให้เป็นขาดทุน              เมื่อซื้อหุ้นแล้วมีกำไร เราอยากได้มันมาก ๆ ขึ้นไปอีก กำไรบางหนึ่งไม่พอ ขอ 2 บาท 3 บาท 4 บาทไปเรื่อย ๆ แต่พอหุ้นขึ้นไปจนเกิดอาการหักหัว แล้วยังไม่ขาย เกิดอาการเสียดาย จนในที่สุด กำไรที่ได้ ก็กลายเป็นลดน้อยลงไป จนกลายเป็นขาดทุนและติดหุ้นในที่สุด ดังนั้น เมื่อทำกำไรได้ในระดับที่ตั้งใจไว้ ถ้าเกิดอาการหักหัวลง ก็ต้องขายทำกำไร ณ จุดนั้นทันที
          9. หุ้นซึม...ห้ามเล่น             ในจังหวะที่ตลาดหุ้นซึมกับตลาดหุ้นที่ปรับตัวในทิศทางเป็นขาลง ห้ามเล่นเด็ดขาด เพราะจะเป็นการเสียเวลา หากว่าเห็นวอลุ่มเกิดขึ้นเพียงเบาบาง การนิ่งของตลาดหุ้น ควรต้องมาพิจารณาว่า เป็นการนิ่งเพื่อปรับฐานขึ้น หรือเป็นการนิ่งเพื่อลงต่อ กรณีแบบนี้ให้หยุดเลย อย่าได้เข้าไปเล่นหรือหาตัวหุ้นซื้อ ไม่ต้องใจกล้า ไม่ต้องทำตัวเป็นแนวหน้าเพราะในอดีตที่ผ่านมา แนวหน้าเขาตายกันหมดแล้ว
         10. ซื้อหุ้นต่ำ...ขายหุ้นสูง             นักเล่นหุ้นที่คิดว่า จะซื้อหุ้นได้ในราคาที่ต่ำสุด หรือจะขายหุ้นได้ในราคาที่สูงสุด ถือว่าเป็นการเพ้อเจ้อที่สุด จริง ๆ แล้วทำแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ คนที่อยากขายหุ้นในราคาที่สูงสุด จะยังคิดว่าจุดนั้นราคายังไม่สูง ตรงนี้ยังไม่สูง ยังไม่ขาย สุดท้ายหุ้นก็ตกลงมาจนขายไม่ได้กำไรเลย หรือการซื้อหุ้น ด้วยหวังรอรับซื้อของถูก แต่เมื่อหุ้นมีการเด้งกลับขึ้นไป ก็ไม่สามารถซื้อได้ จะเสียเวลาเล่นหุ้นและไม่สามารถทำรอบกับหุ้นได้

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘