Basic trading strategy

1. รู้นิสัยตัวเอง

หาตัวเองให้พบให้เร็วที่สุดแล้วอย่าโกหกตัวเอง ยิ่งพบเร็วยิ่งเสียน้อย

คน เราเล่นหุ้นสั้นยาวไม่เหมือนกัน บางคนวันนึงซื้อขายหลายรอบ บางคนซื้อแล้วเก็บไว้เป็นปี ให้พวกนึงไปเล่นอีกแบบนึงก็คงทรมานใจตาย หาความสนุกอะไรกับการเล่นหุ้นไม่ได้ เพราะฉะนั้นขอให้หาตัวเองให้เจอเร็วๆว่าตนเองถนัดแบบใด

1.1 สำหรับคนเล่นสั้นมากๆหรือพวก day trader ต้องยอมรับความจริงว่าเสี่ยงมากเช่นกัน มันเป็นวิธีเทรดที่ยากที่สุด เรียนรู้เพื่อเอาชนะมันได้ยากที่สุด ถ้าเปลี่ยนตัวเองไม่ได้ก็ต้องมาศึกษาเรื่อง technical analysis อย่างหนักที่สุด เอาให้แม่น เอาให้ advance เลย ไม่มีทางอื่นสำหรับคนเล่นแบบนี้ เมื่อรู้กราฟทะลุปรุโปร่งแล้วจึงมาหัด swing trade strategy วันนึงหุ้นมันจะสวิงได้ 2-4 รอบ ต้องเรียนรู้ที่จะจับจังหวะมันให้ได้ ต้องเรียนรู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุด เมื่อไหร่ถึงจะมีโอกาสสู้ชนะ ยิ่งเล่นสั้นยิ่งต้องใช้ความอดกลั้นสูงอย่างที่สุด มีวินัยอย่างที่สุด

สำหรับ day trader

- ห้ามเล่นมั่ว
- ห้ามเสี่ยง
- เวลาพลาดแล้วหลงจังหวะสวิงของหุ้น ต้องหยุดแล้วถอยออกมาตั้งหลัก อ่านเกมส์ให้ขาดก่อนจึงจะกลับเข้าไปใหม่ได้ ห้ามหน้ามืดตามัวคิดเอาคืนเป็นอันขาด เวลาได้ก็ห้ามหลงระเริงลำพองใจ

ถ้าทำตามนี้ไม่ได้ ห้ามเดย์เทรด ทำไปก็เท่ากับเอาเงินไปยกให้เจ้าเปล่าๆ

และ ถึงที่สุดก็ต้องยอมรับชะตาชีวิตตนเองว่าโดยรวมแล้วเราจะได้น้อยกว่าชาวบ้าน คนที่เดย์เทรดเก่งๆแล้วอยู่ได้ ไม่ใช่เพราะเขาได้เยอะ แต่เป็นเพราะเขาเสียน้อย เวลาเสียเขารู้จักที่จะหยุดยั้งไม่ให้เสียมากได้ เพราะธรรมชาติเดย์เทรด ต่อให้เป็นมือดีๆ ตอดกินได้สิบทีถึงเสียทีนึง แต่ในทีที่เสียถ้าพลาดกลับตัวไม่ทันล่ะจะเสียหนักมากมายจนคืนไอ้ที่กินมาได้ ไปจนหมด เพราะฉะนั้นคนที่อยู่ได้คือคนที่เวลาเสียแล้วเสียไม่หนัก อาศัยหากินตอดจ้าวได้ไปวันๆ

ถ้าคุณเล่นสั้น แต่ได้สลับเสีย คุณไม่ใช่เดย์เทรดเดอร์ ผมแนะนำให้คุณไปเล่นป๊อกเด้ง ...ชีวิตจะเลวร้ายน้อยลง


1.2 พวกเล่นสั้นหรือเล่นตามรอบ - กลุ่มนี้ก็ต้องแม่นในเทคนิคัลเช่นกัน อย่างน้อยก็ต้องดูเทรนด์ให้เป็น ดูออกว่าช่วงไหนเทรนด์เข้าไม่เข้า ธรรมชาติหุ้นมันจะวิ่งเป็นรอบๆ ถ้าเอารอบเล็กรอบนึงก็ประมาณ 2-4 สัปดาห์ แล้วจะมีพักปรับฐานซักประมาณครึ่งนึง(ของทั้งระยะทางและเวลาที่มันวิ่งมา) แล้วค่อยวิ่งต่อ มันจะวิ่งไปได้อย่างนี้ไม่ค่อยจะมีเกิน 3-4 รอบ แล้วก็ซึมยาวรอจนกว่าจะมือะไรใหม่ๆมาเปลี่ยนพื้นฐาน ถ้าเปลี่ยนเป็นดีขึ้นก็วิ่งต่อ ถ้าเปลี่ยนเป็นแย่ลงก็กลับเป็นเทรนด์ลง ซึ่งก็จะลงไปในลักษณะคล้ายๆกับตอนขึ้นคือลงเป็นรอบๆเช่นกัน

รอบนึง หุ้นส่วนใหญ่มันจะวิ่งได้ 10-20% ปรับฐาน 5-10% โดยทั่วๆไปตลาดมันจะออกมาประมาณนี้ยกเว้นมีเหตุผิดปกติอะไรมาผสมโรง เพราะฉะนั้นเป้าหมายที่คนเล่นรอบตั้งเป้าได้คือได้กำไรรอบนึง 10% ซึ่งก็จะอยู่ที่ประมาณเดือนนึง ปีหนึ่งๆจะมีอย่างนี้โดยเฉลี่ยแล้วแค่ 3-6 เดือน ฉะนั้นเป้าหมายที่ practical คือกำไรปีละ 30% ดูเหมือนเล่นแบบนี้จะง่ายที่สุดและปลอดภัย แต่ส่วนใหญ่กลายเป็นไม่...เพราะ

- ไปฝืนเทรนด์ ถ้ารักจะเล่นรอบต้องยึดเทรนด์เป็นหลัก ห้ามฝืน ห้ามสู้ในเวลาที่ไม่ควรสู้ ถ้าพลาดแล้วต้องถอยฉากออกมาตั้งหลักทันที ห้ามดื้อ ห้ามอมหุ้น เวลาที่เล่นได้คือเวลาที่หุ้นวิ่งเท่านั้น พอมันปรับฐาน-ขาย พอวิ่งต่อ-ซื้อ พอมันปรับฐาน-ขาย พอมันลง-ถือเงินสด อย่างนี้ไปเรื่อยๆ เล่นอย่างนี้จะเสี่ยงน้อยที่สุด อย่าไปทะลึ่งสู้ตอนมันปรับฐาน อย่าสู้กับเทรนด์ลง(อันนี้ไม่นับพวกเล่นอย่างอื่นนะ) ถ้าไม่แน่ใจว่าตอนนี้เทรนด์อะไรให้กำเงินสด อย่าเพิ่งไปยุ่ง หุ้นน่ะไม่ใช่มะม่วง มันมีให้เราซื้อเสมอ

- เล่นเร็วไป ยังอ่านไม่ออก ยังไม่แน่ใจว่าอะไรเป็นอะไรก็ไปทะลึ่งซื้อซะแล้ว เวลาขายก็ดันรีบขาย เสี่ยงทั้งทีแทนที่จะกินคำโตกลายเป็นต้องมาตอดเล็ดตอดน้อย แล้วพอพลาดไอ้ที่ได้มาก็หายหมด อันนี้เป็นปัญหาที่เจอบ่อยที่สุดของมือใหม่

- เล่นช้าไป อันนี้มักจะเจอตอนหุ้นปรับตัว ก็ต้องกลับไปที่เทรนด์อีกนั่นแหละ ดูให้ออก ถ้าดูไม่ออกก็เอากำไรไว้ก่อน อย่าไปหวังลมๆแล้งๆว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็คงขึ้น เล่นหุ้นไม่ใช่แทงหวย มันอยู่ที่เราไม่ได้อยู่ที่โคนต้นไม้

เล่นรอบปกติจึงอยู่ที่รอบละ 2-4 สัปดาห์ เดือนนึงจะกลับมากำเงินสดหรือบางคนใช้วิธีปรับพอร์ต(ในกรณีพอร์ตใหญ่ มากๆ)แค่ครั้งสองครั้ง ปีๆนึงบางทีก็ถือหุ้นแค่ครึ่งปื ไอ้พวกที่(ตรากตรำทน)ถือหุ้นได้ทั้งกะปีสีกะชาติหรือซื้อๆขายๆมันเรื่อย เปื่อยทุกวันนั้นจึงไม่ใช่พวกเล่นรอบ

พวกนี้จัดได้อยู่ในกลุ่มเดียว ...คือเล่นมั่ว

1.3 พวกถือยาว ยาวเป็นหลายๆปีนะ ไม่ใช่ถือมาแค่เดือนสองเดือนแล้วมาบอกว่ายาวแล้ว...ไอ้บร้า

กลุ่มนี้ต้องศึกษา vi ครับ ผมไม่ค่อยถนัดเล่นแบบนี้ รู้อย่างเดียวแต่ว่าเล่นวิธีนี้เป็นวิธีที่ได้เงินเป็นกอบเป็นกำที่สุด


2. เปลี่ยนนิสัยตัวเอง

หลัง จากรู้นิสัยตัวเองแล้ว ถ้าพบว่านิสัยนั้นมันเสี่ยงเกินไป มันทำให้เราเสียหาย ก็ให้ฝึกฝนเปลี่ยนซะ อย่างนิสัยเล่นสั้นๆ ผมเชื่อว่าพวกเดย์เทรดเดอร์นี่ที่เป็นอย่างนั้นเพราะถนัดอย่างนั้นจริงๆนี่ มีน้อยมาก ไอ้ที่จะเล่นมันจนเชี่ยวชาญใช้เป็นอาชีพได้คงมีไม่เท่าไหร่ ส่วนใหญ่พวกเดย์เทรดเดอร์ที่ผมเจอคือพวกนิสัยเสียซะมากกว่า

รู้ว่า เสียแล้วก็แก้ไขซะ แก้ไม่ได้ก็ควรเลิก ย้ายบ้านไปอยู่ชายแดนเขมร เข้าบ่อนทุกวันชีวิตยังอาจจะดีกว่า ถ้าเลิกไม่ได้ก็ให้ทำใจรับสภาพซะว่าเราจะเอาเงินมาถลุงกับไอ้นิสัยเสียๆของ เรานี่ได้อีกเยอะ

แล้วก็อย่าได้ดูถูกอาซิ่มที่เช้ามาก็ไปเล่นตามห้อง ค้า จิ่มโน่นจิ้มนี่ไปเรื่อยทั้งวัน ผมเคยเจอมาแล้ว ป้าทั่นเปิดกราฟที 5 หน้าต่าง ตอดจ้าวมันได้ทุกวัน วันละ 2-3 พัน พอได้ครบก็เลิก ไม่มีเล่นต่อ บอกจะไปซื้อกับข้าว ...โคตรมหาเทพปลอมตัวมาในร่างยัยซิ้ม


3. เทคนิคัลคือการเล่นกับจังหวะเวลา

เรา ซื้อเมื่อควรซื้อ ขายเมื่อควรขาย ราคาเท่าไหร่ไม่เกี่ยวเลยครับ กำไรก็ดี ไม่กำไรก็ดี (แต่ขาดทุนนั้นไม่ค่อยจะดี) ถ้าระบบเราถูกต้อง ผลดีมันจะตามมาเอง จากประสบการณ์ผมแบ่งคนเล่นเทคนิคัลเป็น 3 พวก พวกแรกคือดูแท่งเทียน(รวมทั้งไอ้เส้นทั้งหลายที่แปลงมาจากมัน) สองคือพวกดูกระแสเงิน สามคือพวกดูคลื่น ทั้งหมดจะซื้อเมื่อตอนหุ้นกำลังจะขึ้น ย้ำตามอีกดอกตอนมันยืนยันการขึ้นแล้ว ส่วนอีกดอกเก็บไว้เผื่อเหลือเผื่อขาด จะใช้ตามไม้สุดท้ายหรือใช้แก้สถานการณ์ยังไงก็ตามแต่ ทั้งหมดล้วนเล่นกับการกลับตัวเข้าเทรนด์ เวลาซื้อขายไม่มีใครสนราคา ถ้ามันควรซื้อ แพงก็ซื้อ ถ้ามันควรขาย ถูกก็ขาย

ผมไม่เคยเห็นคนเล่น เทคนิคคนไหนบอกเราจะซื้อหุ้นตรงราคานี้เพราะมันถูกแล้ว แล้วจะไปขายตรงนั้นเพราะได้ราคาดี หุ้นนะไม่ใช่ปลาสลิด...บร้า

เล่น หุ้น...ห้ามเดาราคาเอาเองว่ามันควรเท่าโน้นเท่านี้เป็นอันขาด ผมเห็นใครเดาราคาผมรู้เลยไอ้นี่มั่ว(อันนี้ไม่เกี่ยวกับแนวต้านแนวรับนะ ครับ) หลักๆของการซื้อขายเลยคือ

- ซื้อเมื่อหุ้นขึ้น ยิ่งขึ้น ยิ่งมั่นใจว่าขึ้นยิ่งซื้อ (เฉลี่ยซื้อขาขึ้น) คนที่เล่นซื้อตอนมันลงนี่คือคนเล่นมั่ว ยิ่งลงยิ่งถัวเฉลี่ยซื้อขาลง แล้วก็ติดหุ้น ก๊ากกกกกกกกกก

- ขายตอนมันเริ่มลง มั่นใจว่าลงแน่ยิ่งต้องขายให้หมด (เฉลี่ยขายขาลง) ผมเห็นแมงเม่าชอบทำตรงข้าม คือไปขายตอนมันขึ้น ขายแล้วก็มาบ่นว่าทำไมชั้นเป็นหมูอู๊ดๆ ...ก็หมูเอง เดินลงหม้อเอง ไม่ได้มีใครเค้าเอาปืนไปจ่อเร้ย

- ผิดจังหวะ ให้เปลี่ยนทันที ถ้ารู้ว่าพลาดต้องยอมทันที อย่าดื้อ ผมมีนิสัยเสียอยู่อย่าง คือซื้อแล้วต้องเขียว เขียวเท่านั้น ซื้อแล้วดันแดง แม้แต่ช่องเดียวผมก็ขาย เวลาขาย ขายแล้วต้องลง ถ้าเราขายแล้วมันดันขึ้นต่อผมตามซื้อ แพงกว่าเดิมก็ซื้อ ผมถือคติพอร์ตผมห้ามมีสีแดง ...เกลียดมาก ผมถือว่านี่เป็นการฝึกตัวเองอย่างหนึ่ง เหมือนนักกีฬาเล่นแล้วต้องชนะ ฝึกให้เคยชินกับการเล่นเพื่อการชนะ ไม่ใช่แดงแจ๋ทั้งพอร์ตมันทุกวี่ทุกวันจนหดหู่และเคยชินกับการแพ้ ...ไม่ดีอย่าทำ

มือใหม่อาจจะไม่ต้องเขี้ยวขนาดผมก็ได้ แต่ควรฝึก ฝึกอย่างนี้จนเราเคยชินกับจังหวะของหุ้น ต่อไปถ้าซื้อทีไรก็เขียว ขายทีไรมันก็ลงต่อ เป็นอย่างนี้ซักอย่างน้อย 4 ครั้งใน 5 ครั้งจึงจะถือว่าเริ่มใช้ได้

เทรดหุ้นทุกครั้งคือความเสี่ยง เพราะฉะนั้นเสี่ยงทั้งทีแล้วต้องได้ให้คุ้ม อย่าไปยอมมันง่ายๆ สู้ๆ

- สำหรับคนที่ชอบอ้างว่าไม่ขายไม่ขาดทุนนั้นคือคนเสียสติ

ไอ้ แดงๆที่มันอยู่ในพอร์ตคุณนั้นน่ะคุณเอาเงินซื้อมามั้ย หรือเอาหอยขมไปแลกมา ถ้ามันเป็นเงินแล้วมันจะไม่ขาดทุนได้ยังไง แน่จริงคุณก็เอาไปขายให้มันไม่ขาดทุนให้ดูหน่อยดิ ...จะบ้าเรอะ ขาดทุนอยู่ทนโท่แทนที่จะเอาเงินไปต่อกำไรจากตัวอื่นมาชดเชยที่ขาดทุน กลับมาปล่อยเงินจมปลักอยู่กับหุ้นเน่าๆที่หาอนาคตอะไรไม่ได้ แล้วก็มาอ้างว่าเงินเย็น ไม่ต้องรีบใช้

ไม่กล้าขาย ดื้อไม่ยอมรับความจริง ...มันก็แค่นั้น ถ้าเย็นจริงก็เอาเงินที่จมอยู่ในพอร์ตเน่าๆทั้งหลายนั่นมาให้ยืมหน่อยดิ แล้วเดี๋ยวตอนคืนจะไปซื้อมันกลับมาคืนให้ ...เอาปะ รักนักก้อ เอิ๊กกก


4. ความมั่นใจคือพื้นฐานของการทำกำไร

เมื่อซื้อ ต้องมั่นใจซื้อ

เมื่อขาย ต้องมั่นใจขาย

ไม่ ใช่กล้าๆกลัวๆซื้อ ตาลีตาลานขาย ตัดสินใจกับเงินก้อนล่ะเป็นหมื่นเป็นแสนด้วยอารมณ์โลภหรือกลัวมันถูกมั้ยละ นั่น ถ้าครั้งไหนที่คุณจะคีย์ซื้อคีย์ขายแล้วยังมีอาการตื่นเต้น ยังมีใจเต้นตุ๊บๆ มีเหงื่อซืมฝ่ามือ ก็ให้ถอยออกมาตั้งสติ ถามตัวเองนี่กรูกำลังลงทุนหรือกำลังจั่วไพ่กันแน่ฟระ

...จะบ้าเรอะ จะซื้อจักรยานให้ลูกซักคันยังดูแล้วดูอีก หาร้านที่มันถูกๆ บริการหลังการขายดี นี่จะซื้อหุ้นตัวนึงอย่างน้อยก็ต้องมี 2-3 หมื่น ดันหลับหูหลับตาจิ้ม จิ้มแล้วบางทียังมีมาภาวนานะ ได้ดีไม่ได้ดี ...ไม่เอา cancel ดีฝ่า ขายแล้วยังมีอาการทุรนทุราย ...ชั้นทำถูกรึป่าวนี่

นี่ มันเสี่ยงเซียมซีแล้ว ...ไม่ใช่เทรดหุ้น ลองสังเกตุตัวเองดูดิ ว่าเวลาที่เราเทรดแบบนั้น สติสตังเราแจ่มใสอ่านตลาดออก 100% รึป่าว เล่นแบบนั้นเรามักได้หรือมักเสีย ...คนเล่นหุ้นเป็นน่ะ เขาชัวร์ ชัวร์ก่อนเทรด เทรดอย่างมั่นๆ ฟันกำไรนิ่มๆ ขาดทุนก็จำไว้ ...ก็เท่านั้น เอิ๊กกก

เราสังเกตุกับตัวเอง ทุกครั้งที่เราเทรด ถ้าเรามั่นใจ เรากำไรเกือบทุกครั้ง ถ้าเราไม่มั่นใจ ผลคือ 50:50 เราจึงได้บทเรียนจำขึ้นขมองเลย

...ไม่มั่นใจ ห้ามเทรด


5. การจัดการเงิน สำคัญไม่น้อยกว่าการอ่านตลาดออก

ที นี้ความมั่นใจมันจะมีได้มันก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นในตัวเองว่าเรารับมือ ได้ทุกสถานการณ์มั้ย ถ้าเราแทงแบบหมดหน้าตัก เกิดผิดพลาดขึ้นมา เราเอาอยู่รึเปล่า เหตุผลนึงที่คนเล่นหุ้นเป็นเขาเทรดอย่างมั่นใจมาก เพราะเขามีกลยุทธในการเทรด ไม่ใช่แทงได้เสีย...ได้เสีย แล้วก็มีสิทธิเดินใส่เกงลิงตัวเดียวกลับบ้าน ...เล่นอย่างนั้นมันจะเอาความมั่นใจมาจากไหน (ยกเว้นคุณเมายา)

เบสิ คเลยคือแบ่งเงินเป็น 3 ก้อน มีทัพหน้า ทัพกลาง ทัพหลัง ทัพหน้าใช้โจมตี ทัพกลางใช้กระหน่ำเลยเวลาได้เปรียบ ทัพหลังใช้หนุนเพื่อชัยชนะเบ็ดเสร็จหรือใช้แก้ไขสถานการณ์เผื่อบางสิ่งไม่ เป็นไปตามแผน อย่างน้อยจึงต้องมี 3 ทัพ ไม่ใช่ทุ่มตีมันทีเดียวหมดทั้งตัว เกิดพลาดมาอะไรจะเหลือ ...ใช่ปะ

อันนี้คือพื้นฐานของ DSM ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้ แต่ก็ไม่ใช่ไปแบ่งยิบย่อยเกินอย่างที่หลายคนเข้าใจผิดนะ การเฉลี่ยซื้อ เฉลี่ยขายไม่ได้หมายความให้คุณซื้อทีนึง 10 ตัว เผื่อกำไร 7 ขาดทุน 3 ...อันนั้นคือเหวี่ยงแหมั่วแล้ว เล่นไปทั้งชาติก็ไม่ได้กำไรเป็นน้ำเป็นเนื้อ สำหรับปอดเล็กๆ มีหุ้นแค่ 2-3 ตัวก็พอ(อย่างมากไม่ควรเกิน 5) ขอให้อ่านให้ขาดว่าตัวไหนเป็นอย่างไร อยู่ในระยะไหน

แล้วพอร์ตแค่ไหนล่ะถึงจะถือว่าเล็ก ต่ำล้านผมถือว่าเล็ก ให้เล่นง่ายๆไว้ก่อน เกินกว่านั้นจึงควรมีระบบจัดการซับซ้อนขึ้นไปอีกระดับ(สำหรับคนเล่นปลอดภัย อาจต้องเริ่ม hedging) แล้วเล็กสุดที่พอจะเล่นได้ควรจะแค่ไหน ...จริงๆแค่ไหนก็เล่นได้แหละ แต่ถ้าคิดจากค่าคอมขั้นต่ำวันละ 50 แล้วเราอยากแบ่งพอร์ตออกเป็น 3 ทัพดังกล่าว เทรดทีละทัพไปกลับใน 1 วันไม่ควรจะต่ำกว่าสามหมื่นสาม(ไม่งั้นเสียดายค่าคอม) ทัพนึงก็หมื่นเจ็ด ดังนั้นอย่างน้อยพอร์ตเล็กสุดจึงควรจะอยู่ที่ 5 หมื่น น้อยกว่านี้เล่นแล้วอึดอัด ...เสียเปรียบเค้าเกินไป จะเล่นหุ้นควรมีเงินเย็นเก็บเท่านี้ในการเริ่มจ้า

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘