จดหมายระหว่างลุงขวดและพี่ครรชิต 4

ขออนุญาตนำ จดหมายถึงลุงขวด และ ความคิดเห็นของเพื่อนๆ ให้มาอยู่ติดๆกัน EPISODE 4

จดหมายจาก ครรชิต ไพศาล 8/12/45

ครรชิต wrote:
ลุงขวด และ เพื่อนๆ ที่ แวะมาร่วมวง สนทนาด้วยทุกคน ครับ

หลังจากผม ได้อ่านหนังสือ “เศรษฐีตัวจริง“ โดย ดร. โทมัส เจ สแตนลีย์ แปลโดย คุณ ศิระ โอภาสพงษ์ จบ แล้วตามด้วย “วาทะของ วอร์เรน บัฟเฟทท์ “ โดย คุณ เจเน็ต โลว์ แปลโดย ศ.ดร. เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ แล้วก็ หนังสือ ตีแตก ที่ ดร. นิเวศน์ เขียน ตบท้ายด้วย “เซียนหุ้นพันธุ์แท้” ของ ดร. นิเวศน์ จบ ทั้ง 4 เล่ม แล้ว
เมื่อมีเวลาว่างๆ ผมมานั่งคิด พิจารณาตัวเองดู ว่าตัวผมเอง มีคุณสมบัติ มีสายเลือดทางพันธุกรรม ที่เป็น Value Investor ตามความหมาย ของ ดร. นิเวศน์ หรือเปล่า ก็เลยจะขออนุญาต เล่าให้ เพื่อนๆ ฟังเรื่องของตัวผมเอง ที่ผมคิดว่า ตัวผมเอง ก็มีสายเลือดทางพันธุกรรม เป็น Value Investor เช่นกัน
เรื่อง ที่ 1 ที่ผมลองพิจารณา ดู เรื่องเงินฝากประจำในธนาคาร เรื่องการ อด ออม ผมก็เชื่อว่า ผมเป็นหนึ่งไม่แพ้ใคร เหมือนกัน ตั้งแต่ผมเด็กๆ ในวันที่พ่อพาไป ฝากเงิน ที่ ธนาคารออมสิน ถือกระปุกออมสินไปให้พนังงานทุบกระปุเอาเหรียญออกมานับ แล้วพ่อก็บอก ผมว่า “ออมสิน ออมสิน ออมสิน อดออมไว้กินวันหน้า” นับจากวันนั้น จากวันที่เป็นเด็กเดินเตาะแตะ จนเรียนจบ มีงานทำ ผมก็ อด ออม แบ่งเงินเดือน สะสมตลอดมา ทำงานรับเหมา ได้กำไรมาเท่าไร ก็เก็บเข้าฝากประจำ ได้ค่าออกแบบมาเท่าไร ก็ฝากประจำ ผม กินน้อย ใช้น้อย ค่อยบรรจง จนค่อนข้างไปทางขี้เหนียว ผมไม่เคยพาลูกผมเข้าไปกินห้องอาหาร แพงๆ ผมบอกลูกว่า “อย่าเข้าไปนั่งชูคอ ให้เขา ขูด เอากำไรมากๆเลย กินอาหารธรรมดา ตามประสาชาวบ้านก็พอแล้ว คุณค่าทางอาหารก็เหมือนกัน” บอกลูกว่า “เสื้อผ้า ยี่ห้อ แผงๆ อย่าไปใส่มันนะลูก เสื้อผ้าธรรมดาราคาชาวบ้านๆ ก็พอแล้ว คุณค่าที่แท้จริง ในฐานะ ปัจจัย 4 แค่ปกปิดร่างกาย ก็เท่ากัน” เพื่อสอนให้ลูก อด ออม ประหยัดตั้งเล็กๆ จนบัดนี้ เวลาพาลูกสาวไปเดินซื้อของ พอผมหยิบสินค้า ตัวไหนขึ้นมาดู ถ้าลูกสาวของผม เขาเห็นป้ายราคาก่อนผม เขาจะบอกผมว่า “มันแพงนะพ่อ” ! อ้า แสดงว่า สายเลือดทางพันธุกรรม พันธุ์ ขี้เหนียว ได้รับการถ่ายทอด ไปอีก 1 ชั้นอายุ แล้ว ผมฝากเงินประจำกับธนาคาร ไว้หลายบัญชี จาก ตั้งแต่ดอกเบี้ย 12% - 13% บ้างบัญชี มันเพิ่มจาก เงินต้น 600,000 บาท ดอกทบต้นขึ้นมาเป็น ล้านสี่ ล้านห้า ข้อนี้ ก็น่าจะเป็นคุณสมบัติของ “Value Investor” “Chairsholder” ได้ ผมคิดว่าตัวผมเป็น คนอื่นจะว่าเป็นหรือเปล่าก็ไม่รู้
เพื่อนๆ ครับ แต่มาเดี๋ยว ดอกเบี้ยมันค่อยๆ ต่ำลงๆ จนเดี๋ยวนี้ 2% มันช่างสร้างความน้อยเนื้อต่ำใจ ให้กับคนที่ ถูกสอนมาให้อดออม และเชื่อมั่น กับระบบการออมเงิน ฝากประจำกับธนาคาร หัวอก คนออม เหมือน ถูกทรยศ จากระบบธนาคาร หัวอก ผู้อดออม ที่ซื่อสัตย์ ต่อระบบธนาคาร เหมือนน้ำท่วมปาก ไม่มีปากไม่มีเสียง เขาจะให้เท่าไรก็ต้องเอา ไม่เคยคิดที่จะลุกขึ้นมาเรียกร้อง ดอกเบี้ยขึ้นกันเลย ไม่เหมือนสหภาพแรงงาน ที่เรียกร้องแต่จะขึ้นค่าแรงลูกเดียว ไม่เห็นจะลดค่าแรงบ้าง คนมีเงินออมน่าจะมีการรวมตัว เป็นสหภาพคนอดออมบ้าง นะ จะได้รวมกันเรียกร้อง ดอกเบี้ยขึ้น เพราะเราคนแก่ ออมเงินไว้กินยามแก่ มันไม่พอกินแล้ว เราอุตสาห์ เอาเงินของเราไปฝาก ให้ ธนาคารบริหาร เพื่อมีส่วนเหลือ มาจ่ายเป็นดอกเบี้ย ให้เราพอกินยามแก่ แต่เขากลับไปทำให้เกิดหนี้เสีย เลยผลกรรมก็ตก มาอยู่ที่ ผู้มีเงินออม ที่ อด ออม ตลอดมาจนอายุใกล้จะ 50
ดอกเบี้ย 2% แถมหักภาษี ดอกเบี้ยอีก 15% ของดอกเบี้ยรับ เหลือ ดอกเบี้ยรับจริงๆ 2 * .85 = 1.7% ปีนี้ ถ้าอัตราเงินเฟ้อ 3% นำอัตราเงินเฟ้อ ไปลบออกจาก ดอกเบี้ยรับ เหลือดอกเบี้ยรับ จริงๆ 1.7 – 3 = -1.3% ตายละหว่า นี้เราจนลงนะนี้

พูดให้ฟังง่ายขึ้น ถ้าผมมีเงินอยู่ 1 ล้านบาท ถ้า นำไป เทียบกับ ลด (ผมสะกด ว่า ล โอะ ด) ป้ายแดง โคโต๋เต๋ รุ่น สำรี 1 คัน ในวันนี้ สมมุตว่า มันอยู่ที่ 1 ล้านเช่นกัน แต่เราไม่ซื้อ เพราะเราเป็นคน อด ออม เรานำไปฝากประจำกินดอกเบี้ย 2% รับจริง 1.7% พอสิ้นปี เงินต้นพร้อมดอกเบี้ยรับ รวมกัน เป็น 1,017,000 บาท แต่ราคาเจ้า ลด โคโต๋เต๋ ป้ายแดง รุ่น สำรี ที่เราเคยไปดูราคาไว้ มันไปที่ 1,030,000 บาทเสียแล้ว นี้เรายิ่งจนลงทุกวันใช่ไหมนี้ แล้วถ้าเป็นเวลา 5ปี ผมคำนวณ ในลักษณะ อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก คงที่ 2%รับจริงหลังหักภาษี 1.7% และ อัตราเงินเฟ้อ คงที่ 3%
เงินฝากใน บ.ช.ฝากประจำของผมจะกลายเป็น 1,087,939.50 บาท ราคาเจ้า ลด โคโต๋เต๋ ป้ายแดง รุ่น สำรี มันไปอยู่ที่ 1,159,274.00 บาท

ราคาเจ้า ลด โคโต๋เต๋ ป้ายแดง รุ่น สำรี นี้มันแปลก ตราบใดที่มัน อยู่ในบริษัท ราคามันขยับขึ้น ไปเรื่อย ตามอัตราเงินเฟ้อ แต่พอเราไปถอย มันออกมาขับ ราคามันกลับ ลด ลง ลด ลง สมชื่อ ที่ผมตั้งให้มันเลย แถมค่าน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุง ที่ยิ่งใช้มันก็ยิ่งเสื่อมลงไปทุกวัน ยิ่งถ้าซื้อ เจ้า ลด ราคาแพงๆ มาขับโชว์ เฉยๆ แค่เพียงจะให้คนอื่นเห็นว่า “ฉันก็มีขับนะ” มันก็ยิ่งไม่น่าทำเลย ในทางกลับกัน ถ้า เราสามารถใช้มันเป็นเครื่องจักร ในการ ทำ มาหากิน มันก็คุ้มนะ เพื่อนๆ ภรรยาผมเขา ถอย ฮอนด้า ซิวิค ออกมา ตอนนั้นรู้สึก จะ ห้าแสนกว่าๆ มาใช้ ในการวิ่งขายประกันชีวิต รายได้ จากการขายกรมธรรม์ประกันชีวิตของเมียผม ทั้งที่เขาขายเองและค่าบริหารตัวแทนของเขา รวมกัน ผมดูจากใบหักภาษี ณ ที่จ่าย ปี 2544 ที่ บริษัทออกให้ ที่เขานำมาให้ผม เพื่อนำมารวมกับรายได้ของผม คิดภาษีรวมกัน เพื่อเสียภาษีปลายปี เขามีรายรับ จากค่าคอมมิชชั่น รวมทั้งสิ้น 1,402,216.26 บาท ภาษี หัก ณ ที่จ่าย 228,515 บาท มันมากกว่า ค่าเช่าบ้าน บวก ค่าออกแบบระบบฟ้าไฟ ที่ วิศวกร แก่ๆ อย่างผมนั่งทำงานเล่นๆ เป็นงานอดิเรก อยู่ที่บ้าน ถึงเกือบ 3 เท่าตัว นั้นหมายความว่า ใน 5 ปี ที่เขา ถอย ฮอนด้า ซิวิค ออกมาใช้เป็นเครื่องจักร ช่วยในการปั๊มเงิน มันก็ให้กลับมาเกินคุ้มแล้ว

กลับมาเรื่องดอกเบี้ย ถ้าดอกเบี้ยมัน อยู่ ระดับ 2% หรือ ถูกกดต่ำลง เหลือใกล้ 0% ยาวนาน เป็นเวลา 10 ปี เหมือนในญี่ปุ่นเป็นอยู่ จะเป็นอย่างไร สำหรับ คนที่ถูกสอนมาตั้งแต่ เด็ก ๆ ว่า “ออมสิน ออมสิน ออมสิน อดออมไว้กินวันหน้า” อย่าง ผม และ เพื่อนๆ ทุกท่าน
จาก วาทะ ของ วอร์เรน บัฟเฟทท์ ที่ผมชอบที่สุด

" ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี มีกำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ ในเวลาที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ และ ถือมันไว้ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดี"

บัดนี้ ธุรกิจเงินฝากประจำ ของผม ไม่ได้เป็นธุรกิจที่ดีเสียแล้ว

ผมเลยตัดสินใจ มาลงทุน เป็น Chairsholder ( ผมขออนุญาต ใช้คำนี้แทน ผู้ถือหุ้นที่ ซื้อหุ้นเก็บไว้รับปันผล แล้วถือมันไว้ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดี นั่งแล้วไม่ยอมลุก ตลอดไปนะครับ) ผมเริ่มต้นใหม่ เมื่อ ก.พ. 45 ปีนี้ ผมได้ถอนเงินปิดบัญชีเงินฝากประจำ ทั้งหมดของผม แล้วนำเงิน มาสร้างพอร์ตลงทุน ตามแนวทางที่ ปรมาจารย์ Value Investor วอร์เรน บัฟเฟทท์ สอนไว้

ผมลงทุน 3,000,000 บาท กระจายการลงทุน ในหุ้น ที่มีประวัติดี ตลอด 5 ปี ที่ผ่านมา มีผลประกอบการ เสมอต้นเสมอปลาย จำนวน 20 ตัว เพื่อความ เสถียรภาพ ของ พอร์ต โดยทำประกันภัยไว้กับ ประกันภัยศรีอยุธยา AYUD ซึ่งผมแต่งตั้งให้เป็น กัปตันพอร์ต ราคาหุ้นในพอร์ตลงทุนของผมตอนนี้ มัน กลายมาเป็น 3,735,325.00 ในวันนี้ วันที่ 6 ธันวาคม 2545 และ ผมจะได้รับเงินปันผล ในปีหน้า ประมาณ 10% คือ 373,532 บาท ผมก็จะนำเงินปันผลนั้นมา

" ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี มีกำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ ในเวลาที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ และ ถือมันไว้ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดี"

ถึงมันจะดูไม่มากสำหรับ นักเก็งกำไร ที่ประสบความสำเร็จ จริงๆ บ้างคนทำได้ แต่ผมไม่เคย ต้องขายหุ้นทิ้ง เพราะต้อง ทำใจ ตัดขาดทุน เลย
มีอยู่บ้าง บางตัวที่ผมขาย ออกไป ทั้งๆที่อยากเก็บไว้ แต่ผมไปเห็น อีกตัว ที่ผมชอบกว่า ผมไม่บอกว่าดีกว่า แต่ ผมชอบกว่า เช่น ผม ซื้อ BAT-3K ไว้ที่ 24 บาท และ ซื้อ METCO ที่ 87.5 บาท เมื่อ 11 ก.พ. 45 แต่พอผม ไปเปิด งบดุล ของ FE ดูงบดล ดูปันผล ดูว่าใครเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ สวยมาก ผมเลยชอบ อยาก เป็น Chairsholder แต่ เงินสด ออมในธนาคาร ของผม เปลี่ยนมาอยู่ในหุ้นพื้นฐานดี หมดแล้ว ผมจึงต้อง ตัดใจ ขาย BAT-3K ราคา 29 บาท และ METCO ราคา 94 บาท เมื่อ 1 เม.ย. 45 ทั้งๆที่ไม่อยากขาย ยังเสียดายอยู่จนบัดนี้ (ถ้าผมถืออยู่จนถึง 6 ธ.ค. 45 BAT-3K ราคา 39.25 เพิ่ม 59.55% จากราคาชื้อ 24 ,METCO ราคา 143 เพิ่ม 63.42% จากราคาซื้อ 87.5)

เพื่อ เอาเงินไป ซื้อ FE ที่ราคา 150 บาท ก่อนประกาศปันผล เมื่อ FE ขึ้น XD 15 บาทต่อหุ้น ราคาที่ Mr. MARKET เสนอขาย หลังวัน XD อยู่ที่ 130 บาท ผมก็เลยซื้อเพิ่ม เมื่อ 6 เม.ย. 45 ทำให้ ราคาเฉลี่ย อยู่ที่ 146 บาท มาถึง 6 ธ.ค. 45 ราคาอยู่ที่ 169 บาท เพิ่ม 15.04% ในกรณีนี้ผมคิดว่า ผมสอบผ่าน แต่เกรด ต่ำไปนิดหนึ่ง เพราะถ้าช่วงที่ผมอยากได้ FE เป็นจังหวะที่ผมมี เงิน ออมเหลืออีก ผมก็คง ยังมี BAT-3K และ METCO อยู่ใน พอร์ต

ผมได้เห็น พลัง อมตะวาจา ของ วอร์เรน บัฟเฟทท์ แล้ว ที่ว่า
" ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี มีกำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ ในเวลาที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ และ ถือมันไว้ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดี"
หุ้นทุกตัวที่ผม เป็น Chairsholder อยู่ เมื่อ ประกาศ XD แล้ว ราคาลงไปนอนพักผ่อน อยู่นิ่งๆ ข้างล่างแล้ว ประกอบกับ ถ้าผมมีเงินสดเหลือ อยู่ในธนาคาร ผมก็จะ ซื้อเพิ่มทันที โดยไม่เคยสนใจ SET index ผมสนใจแต่ มูลค่าของสินทรัพย์ ของบริษัท ที่ผมจะ ซื้อเพื่อ เป็น Chairsholder เท่านั้นว่า ต่ำกว่า มูลค่าที่แท้จริงหรือไม่ (เพราะผมเชื่อโดยสนิทใจว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง จะต้องไปสู่ค่าที่แท้จริงของมัน เหมือน HYDROMETER ที่ลอยอยู่ในของเหลวแต่ละชนิด) เพื่อให้พอร์ต ของผมโตขึ้นเรื่อยๆ
ลุงขวด และ เพื่อนๆ ผมได้เคยเล่าให้ฟังแล้วว่า ผมเคยผิด ผมเคยโง่ ผมเคยไม่มีความรู้ จึงเข้าไปเล่นหุ้นแบบเก็งกำไร ทั้งๆ ที่ไม่รู้จัก วิธีศึกษา พื้นฐาน ฐานะการเงิน ของบริษัท ในตลาดหลักทรัพย์ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้ว ว่าจะหาข้อมูลเหล่านั้น ได้ จากที่ไหน แถมผม ยังโชคดี มี ดร. นิเวศน์ เป็นเพื่อนรวมรุ่น ที่ประสบความสำเร็จ ใน ฐานะ Value Investor มาแล้ว โดยบริหาร พอร์ตลงทุน ส่วนตัว ที่มีมูลค่า เป็นตัวเลข 9 หลัก ซึ่งผมสามารถขอคำปรึกษาได้ ตลอดเวลา
ผมจึงกล้า ที่จะเดินตามแนวทางของ ดร. นิเวศน์ เพื่อนผู้รู้ของผม
และ จะ ดำเนินการลงทุน ในแนว ทาง Value Investor ตลอดไป เวลาคงเป็นตัวพิสูจน์ ว่า ผิด หรือ ถูก

เขียนถึง ตอนนี้ ก็ให้ นึกถึง บทเพลง ของ หนุ่ม เสือ ธนพล ศิลปิน GRAMMY ที่แต่งไว้ใน ภาพยนตร์ เรื่อง 15 ค่ำ เดือน 11 ที่เขียนไว้ตอนหนึ่ง ว่า

“ อย่าฟังคำคน อย่าสนใจใคร อย่าเปลี่ยนแนว ผู้แน่แน่ว คือ.. ผู้ชนะ”

แถมท้ายอีกนิด สำหรับเพื่อนๆ ที่ยังไม่มีความรู้ เรื่องสิทธิพิเศษ ทางภาษี สำหรับ บุคคลธรรมดา ที่ได้รับเงินปันผล จาก บริษัทมหาชนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เราสามารถ นำมาขอ เครดิตภาษี คืน จาก รัฐบาล ได้อีก

มันเป็นอย่างนี้ ครับ จะเล่าให้ฟัง เมื่อ บริษัท มี กำไร จากการทำการค้า ก็จะถูกหักภาษีนิติบุคคล 30% ฉะนั้น เหลือ กำไรหลังหักภาษี 70% ที่บริษัท จะนำมาจ่ายเป็นปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ดังนั้น เครดิตภาษีที่รัฐจะคืนให้ คือ 3/7 ของเงินปันผลที่เราได้รับ (หรือประมาณ 42.9%) และภาษี ที่ถูกหัก ณ ที่จ่าย 10% (รวมเป็น 52.9% ของเงินปันผล) นำมารวมเป็นรายได้ของบุคคลธรรมดา จากนั้นจึงคิดคำนวณภาษีรายได้บุคคลธรรมดา จากยอดเงินปันผล รวมกับ เครดิตภาษีที่ได้รับคืนมา

ดังนั้นนักลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดา ที่เสียภาษีบุคคลธรรมดา ด้วยอัตราสูงสุดในระดับ 10% หรือ 20% ก็จะได้ประโยชน์มากในกรณีนี้ ผมคิดว่า มนุษย์เงินเดือนธรรมดาๆ คงจะได้รับประโยชน์จากเครดิตภาษีคืน ในกรณี รับปันผล นี้ ทำให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่แท้จริง ที่เราได้รับนั้น สูงไปกว่า ที่บริษัท ประกาศจ่ายปันผลจริง

( ขอขอบคุณ คุณ เฟยหง ที่เขียนอธิบาย ให้ความรู้แก่ ผม ไว้ใน หนังสือ “ลงทุนใน หุ้นเงา” ถ้าเป็นไปได้ ถ้าคุณ เฟยหง ได้ผ่านเข้ามาเห็นข้อเขียนนี้ ผมอยากทราบ ชื่อ และ นามสกุล จริงๆ ของคุณ เฟยหง เพื่อผม จะได้ คบเป็น เพื่อนด้วยความจริงใจ อีกคน และลุงขวด ด้วยนะครับ ยังไม่ได้บอกผมเลย )

ก็เลยอยากเล่าสู่กันฟัง เผื่อจะมีประโยชน์ ต่อเพื่อนๆ คนใดคนหนึ่งบ้าง นะครับ

รัก เพื่อนๆ ทุกคน


จดหมายจาก ลุงขวด 8/12/45
ลุงขวด wrote:
บังเอิญ เปิดเจอกระทู้ ภาค 4 เสนอข้อเขียนอันมีประโยชน์มาก.....หนังสือทั้ง 4 เล่ม ผมมีไว้ 3 เล่ม ขาด เศรษฐีตัวจริง ยังไม่มีครับ......ส่วน วาทะของ Warren Buffett ยังอ่านไม่จบ เลือกอ่านบางตอนไปบ้างแล้ว.........ผมเข้าใจเลือกหุ้นก็ จาก ตีแตกของ ดร นิเวศน์เหมือนกัน......และเคยฟัง ท่านพูดหลายงาน ตรงใจกับผมมาก ที่ไม่ถูกใจก็คือ.....ซื้อไว้แล้วไม่ยอมขาย รอและยินดีกับตัวเลขที่เพิ่มขึ้น ทุกปี.......ระดับเลขลงทุน 9 หลัก และ บอกว่า จะทำให้ถึง 10 หลัก เอาพันล้านให้ได้.......ผมว่า ท่านคง ทำได้ ระดับ ได้เรียน ดร. ปริญญาเอกเมืองนอก แสดงว่า มีฐานะดี เป็นฐานอยู่แล้ว

คุณ ครรชิต กับผม คง คล้าย ๆ กัน ดิ้นรน ด้วยตัวเอง....ผมเลือกเรียนพาณิชย์เพราะต้องการรีบทำงานหาเงิน....จึงรู้คุณ ค่าของเงิน ว่า เป็นสิ่งสำคัญ....

ผมก็ใช้ชีวิตแบบ คุณ นั่นแหละ ค่อนข้างตระหนี่ ไม่มีเครื่องประดับสวย ๆ แพง ที่แพงสุดในตัว ก็ นาฬิกา rolex แบบสายเงินและทองตรงกลาง ที่ส่วนใหญ่เขาใช้กัน ราคาซื้อมา แปดหมื่นบาทเองครับ รถก็ซื้อแบบช่วยญาติซื้อ เพราะเขามี showroom ขายรถอยู่.....ไม่ใช่รถ benz นะครับ.......รถคันก่อน ใช้ 14 ปีได้ เป็น เปอร์โย 505 ที่ซื้อรถตัวถังใหญ่หน่อย เพราะ ต้องรับรองฝรั่งที่มาติดต่อเรา......แต่จริง ๆ แล้ว ไม่ค่อยได้ใช้รถเท่าไหร่ โดยเฉพาะตอนนี้ เพราะชอบนั่งรถไฟฟ้า bts มากที่สุด.........คนบ้าหุ้น ไม่ค่อยมีเงินสดเหลือ และ มักตระหนี่ แบบ เขาพูดและเขียนกันจริง ๆ

คุณครรชิต เริ่มต้นแบบ นักลงทุนจริง ๆ นั่นแหละ ถูกต้องแล้ว แต่ถ้าใคร เรียนรู้และเก่งในทางเทคนิค ผมว่า ก็น่าจะเล่นลงทุนสัก 70% และ อีก 30% ก็เล่นเก็งกำไร เพื่อความสนุก ก็น่าจะมีเหตุผลดีนะครับ.......ตอนนี้หุ้นลงทุนบางตัวของผมมีสภาพคล่องดี ขึ้น เราก็เอามาขายตอนเขาลากขึ้นมา และ ถ้าลงก็ซื้อกลับ.......อย่างเช่นตอนนี้ ผม มี มาบุญครอง 128000 หุ้น วันก่อนเขาลากขึ้นไป แถว 35.50-36 บาท ผมขายไป 28000 หุ้น ตั้งใจเก็บตัวนี้ไว้แสนหุ้นก็พอ ไม่ขายอีกและไม่ซื้ออีกถ้าจะขึ้นไป......ตอนนี้ลงมา 35 ผมก็ทะยอยซื้อคืน ที่ 35 และ 34.75 ได้คืนมา 4000 หุ้นแล้ว......แต่ถ้าตัวนี้จะขึ้นไป ผมก็ไม่ตาม เพราะตั้งใจถือจำนวนเท่านั้น....แต่ถ้าลงก็ซื้อคืนเพื่อความสนุกเท่านั้นเอง ......ตอนนี้ยอดลงทุนผมอยู่ 8 หลัก อีก 4 ปีคงได้ถึง 9 หลัก........เห็นว่า หุ้น น่าจะไปได้ถึง ปี 2004 หลังจากนั้น ถ้าดอกเบี้ยขึ้นก็คงต้องถ่ายไปเป็นฝากบ้าง........แนวทางเศรษฐกิจที่กด ดอกเบี้ยให้ต่ำ ผมว่าเป็นสิ่งที่ถูกแล้ว เพราะ มันจะเกิดการหมุนเวียน เอาเงินมาลงทุนหรือซื้อทรัพย์สิน ที่ดินบ้าน หุ้น......สร้างการบริโภคในประเทศ......เราจะได้มีงานทำ เศรษฐกิจเดินได้.......ผมว่า ดอกเบี้ยคงต่ำอีกหลายปี..........ตอนดอกเบี้ย 15-16% ผมยังนึกเลยว่าคนเราไม่ต้องทำงานกันแล้ว ฝากเงินเอาดอกเบี้ยกันหมด

เรื่องเคลมภาษีเงินปันผล ผมว่าต้องศึกษา เพราะเป็นสิทธิของเราที่จะเอาคืน ผมพึ่งเข้าใจและเคลมภาษีคืนเมื่อ 4 ปีหลังนี้เอง มีปีหนึ่งผมคำนวณผิดไป (น้อยไป) ทางสรรพากรก็แก้ไขให้ ให้เพิ่มมาอีก และมีอีกปี ผมเอาปันผลของ ifct ไปลง ปรากฎว่าเคลมไม่ได้ เขาหักออก ต้องสังเกตุดี ๆ ด้วย ว่า ภาษีนั้นจะเคลมได้ไหม.......ปีนี้แปลก egcomp ว่า ภาษีที่หักปี 45 นี้ เคลมภาษีไม่ได้.....แต่ปีก่อน ๆ ผมดูแล้ว ก็เคลมได้....ยัง งง อยู่ ว่าทำไมปีนี้เขาไม่ให้ไปเคลมภาษี

ใจจริง อยากให้ความรู้และประสบการณ์ต่าง ๆ แต่ยังไม่อยากจะบอกชื่อจริง นะครับ ต้องขอโทษ ด้วย ผมพบกับอาจารย์ในงานสัมมนา ปลายเดือนที่แล้ว ผมยังเสียมารยาทเลยครับ ไม่ได้ให้นามบัตรอาจารย์ณัฐวุฒิ.....ต้องขอโทษ อาจารย์ณัฐวุฒิเรื่องนี้ด้วย

เงินกำไรจากหุ้น แล้วเอามาลงทุนในหุ้นต่อ นั่นแหละเป็นสิ่งที่ดีที่สุด บางคนเล่นหุ้น ได้เงินจากหุ้น ก็ไป ซื้อ รถ ซื้อบ้าน ใช้จ่ายอย่างพุ่มเฟือย.....เพราะมันได้มา ง่าย ตอนตลาดขาขึ้นนะครับ ......โบรคต่าง ๆ ก็ให้ของขวัญกันเรื่อย ให้ สร้อยทอง เลี้ยงโต๊ะจีน ไม่รู้จักประหยัดกัน มันก็เลยเป็นแบบนี้แหละครับ.....บางคนเป็นหนี้เป็นสิน สมบัติที่หามาได้ก็หมดตัวไปเลย.....ถ้ารู้จักลงทุนในสิ่งที่จำเป็นก็ไม่ เป็นไร นี่ มีรถ คันหนึ่งไม่พอ ต้องเอาอีกคัน มีบ้านหลังหนึ่งไม่พอ ต้องเอาบ้านตากอากาศด้วย......ผมว่าคิดผิดนะ โดยเฉพาะบ้านตากอากาศ หรือ ห้องชุดชายทะเล มันเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ สู้ไปเสียค่าห้องโรงแรมยังคุ้มกว่า เป็น ไหน ๆ.......

ผมยังไม่ได้อ่านหนังสือของคุณเฟยหงเลยครับ เห็นเขาเคยจัดสัมมนา คนเล่นหุ้น......ลองถามในพันทิพย์ดู ก็คงทราบมังครับ

เช่นกัน รัก และหวังดี กับนักลงทุนทุกท่าน


จดหมายจาก ธิติพล 8/12/45
ธิติพล wrote:
สวัสดีครับพี่ครรชิต วันนี้พักผ่อนขอปิดสมองเรื่องหุ้นซักวันครับ

ผมแอบไปเห็นโฉมหน้าพี่มาแล้วล่ะ ที่เวบของรุ่นวศ.56 เพิ่งจะรู้ว่านอกจาก ดร.นิเวศน์ ยังมี ดร.ยรรยง เต็งอำนวย คนเก่งตัวจริงในวงการอินเตอร์เน็ตอีกท่าน (ผู้อ่านท่านอื่น..ไม่ใช่หมอฟันยรรยงนะครับ) ผมไม่รู้จักท่านเป็นการส่วนตัวนะครับ แต่สมัยเรียนก็ได้ยินชื่อเสียงเป็นระยะๆ

..ลืมบอกไปอย่าง ผมจบตรีที่เกษตรฯนะครับ แล้วมาต่อที่จุฬา ยังพอเรียกว่าเป็นชาวปราสาทแดงได้หรือเปล่าครับ

วันนี้ไปเดินที่ถนนสีลมมาครับ เห็นเด็กนักเรียน ACC แต่งชุดนักเรียนมาขายขนมเค้ก หน้าตึก CPF เห็นแล้วดีใจ โรงเรียนนี้สอนให้เด็กรู้จักทำมาหากินจริงๆ เคยอ่านหนังสือพ่อรวยสอนลูก เค้าว่าโรงเรียนสอนให้นักเรียนเป็นลูกจ้าง คงจะใช้ไม่ได้กับ ACC ซะแล้ว เห็นน้องๆเค้าขายของขยันขันแข็งดูน่ารักกว่าน้องๆที่เดินช้อปปิ้งเป็นกอง คือน่ารักในกริยานะครับไม่ใช่หน้าตา ^_^

เดินไปเห็น คุกกี้เตยหอมก็อร่อยครับ แต่ผมชอบเม็ดมะม่วงหิมพานต์กับชาเขียว อร่อยกว่า UFM กับ S&P อีกครับ ถ้าเข้าตลาด MAI ผมจะจองคนแรก แต่ตอนนี้เห็นเพรซิเดนท์เบเกอรี่จะเข้าตลาด เก็บเงินรอจองอยู่ครับ...อ้าวจบเรื่องหุ้นจนได้


จดหมายจาก ครรชิต ไพศาล 8/12/45
ลุงขวด wrote:
คุณ พี่ ลุงขวดครับ ผมชนะ ความขี้เหนียว พี่แล้ว หนึ่ง อย่าง คือ ผมไม่ ใส่เครื่อง ประดับ ใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ ว่า สร้อย แหวน นาฬิกา ไม่ชอบ มันเกะกะ รำคาญตัว ยกเว้น แวนตา ถ้าไม่ใส่ ทำงานไม่ได้ เรื่องเวลา ก็ไม่ค่อยได้ดู บ่อยนัก ด้วยความขี้เหนียว ผมเลยขอดู จากคนอื่น อย่างตอนสมัย หนุ่ม ๆ ยังไม่มีเมีย อยากดูเวลา ก็ ดูว่ามีสาวๆ สวยๆ อยู่ใกล้ๆ แล้วก็ เรียบๆ เคียงๆ เข้าไปถ้า "น้องๆ เวลาอะไร แล้วครับ" สาวหันมามองหน้า สงสัยคงนึกในใจว่า "คนอะไร จน จนนาฬิกาก็ไม่มีใส่" แล้วก็บอกเวลาให้ผม ผมยังใช้วิธีนี้อยู่ แต่ตอนนี้แก่แล้ว ถามใครก็ได้ ไม่ต้องเลือกแล้ว ว่าจะต้องเป็น สาวๆ เพื่อนๆ จะเอาวิธีผมไปใช้บ้างก็ได้ ไม่สงวนสิทธิ์ ครับ ยิ่งแก่เข้า ไปไหน มาไหน คอกลมแขนสั้น กางเกงขาสั้น ลองเท้าแตะ ก็ไป ได้แล้ว ทั่วเมือง สบายตัวดี

เรื่อง ขาย บ้าง เมื่อ หุ้น ถูกปั่นราคา ขึ้นไปสูงกว่าที่ มัน ควรจะเป็น เช่น PPPC มันปันผล กลางปี 2 บาท ปลายปี 4 บาท รวมเป็น 6 บาท ราคาที่ 60 บาท พอมีเหตุผล ดันปั่นขึ้นไปถึง 75 บาท ผมก็ มีขายบ้าง เหมือนกัน แต่ตอนนี้ซื้อคืนกลับมา เท่าจำนวนเดิมแล้ว ครับ ยังเป็น Chairsholer อยู่

เรื่องเคลม ภาษี ไม่ได้ เพราะมี BOI ได้รับการส่งเสริม รัฐไม่ได้เก็บภาษีมาตั้งแต่ต้นแล้วหรือเปล่า ครับ

น้อง ธิติพล ถึงเข้า ตอนเรียน ตรี หรือ เรียนโท ก็เราชาวปราสาทแดง เหมือนกัน ผมไม่ยอมนะ มาแอบดูผมตอนผมไม่ได้ระวังตัว ต้องแจ้งความ ให้ตำรวจจับ

แล้ว น้อง ธิติพล ไปได้ ที่อยู่ Web-site มาจากไหน ครับ

ACC นี้ ผมรู้สึกว่า เขาสอนเด็กวิธี นี้มานานแล้วนะ ต้องถาม ลุงขวด วันก่อน ลุงขวด บอกว่า จบ อัสสัมชัญพาณิชย์ ใช่ไหมครับ ลุง

ผมลืม บอก น้อง ธิติพล ไป ยังมีคนดังในวงการเงิน รุ่นผมอีกคนหนึ่ง รศ.ดร. ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา เจ้าของรายการ MONEY TALK รายนี้ ก็เป็น Value Investor พันธุ์แท้เหมือน ดร. นิเวศน์ ขนาด พอร์ตลงทุน และตัวที่ถือ ใกล้เคียง กัน


จดหมายจาก ลูก หลานผู้ด้อยปัญญา 8/12/45
ลูก หลานผู้ด้อยปัญญา wrote:
เรียน คุณ ครรชิต และลุงขวด ครับ ผมเป็นรุ่นลูกครับ พึ่ง 30 ปี จบ วศบ. จาก มข. ทำงานมาแล้ว 6 ปีครับ อยู่บ เอกชน ตอนนี้พอมีเงินเก็บบ้างก็เปิดพอร์ต ลงทุนครับ มาได้อ่านบทความ คุณพ่อครรชิต กับ คุณลุงขวด เสวนากันก็ทำให้ ลูกตั้งคำถามกับตัวเองว่า
1. ถ้าลูกทุน หุ้นพื้นฐานดี รอปันผล เราต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ ตอนนี้เราก็มีแค่นี้เอง(นิดเดียว เงินสะสมของมนุษย์ เงินเดือน)
2. เก็งกำไร โดยดูทางเทคนิค หากขาดทุนก็ถือว่าซื้อเวลา แต่ถ้ามีกำไร (เช่นถือ VNG ตอน 7 บาทกว่า ตอนนี้ 12 บาทกว่า) ก็ถือว่าได้คืนในส่วนที่เคยเสียไปแถมมีกำไร
3. ในหนังสือ พ่อรวยสอนลูกลงทุนได้บอกไว้ว่า การอดออมเป็นการลงทุนที่ต้องใช้เวลาเหมือนซื้อหุ่นรอปันผล (ผมคิดเอง) แต่บางทีเราต้องซื้อเวลา(เก็งกำไรขาดทุน)เพื่อการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนเร็ว ขึ้นโดยใช้เวลาน้อยลง
ลูกยัง มาคิดอยู่ว่าเรามันไม่มีเป็นหลักล้าน เราเล็กอยู่จะไปลงทุนรอปันผลคงใช้เวลามาก
คุณพ่อกับคุณลงช่วย Comment ผมทีครับ
ลูก หลาน ผู้ด้อยปัญญา


จดหมายจาก ธิติพล 8/12/45
ธิติพล wrote:
สวัสดีครับลุงขวดและพี่ครรชิต

เห็นพอร์ตของพี่ๆ แล้วบอกตรงๆว่าทะเยอทะยานครับ ผมยังทำงานกินเงินเดือนน้อย ก็ค่อยๆ เก็บหุ้นแทนฝากธนาคารเท่านั้น หว้งว่าทั้งการสะสมการลงทุนในหุ้น วันหนึ่งจะไล่พอร์ตของพี่ๆทันสักวันหนึ่ง

ผมขอเก็บตำรา "ขอคุยกับลุงขวด" ทุกเล่มไว้นำทางเป็นเครื่องนำทางนะครับ ผมคิดว่าผมเป็นคนเก็บออมนะครับ มีสองสิ่งที่กล้าใช้คิดว่าคุ้มเสมอ คือเรื่องสุขภาพกับการศึกษา(ในและนอกระบบ)ครับ เพราะคิดว่าทั้งสองเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับตัวเรามากที่สุด

ตั้งแต่ได้ทั้งสองท่านเป็นครูที่มีจิตวิญญาณของนักลงทุน เข้าใจดีกว่าอ่านเองอีกมากครับ หวังว่าจะได้พบกับพี่ๆสักครั้งครับ ขอขอบคุณจากใจจริงครับ

พี่ครรชิตครับ ผมค้น website จาก www.google.com ครับ กรอก keywords ลงไปนิดหน่อยถ้ามีก็ได้เจอครับ แต่ผมไม่เห็นชื่อ รศ.ดร.ไพบูลย์นะครับ

แล้วมีใครพอทราบมั้ยครับว่า หุ้นเบเกอรี่ให้จองเมื่อไหร่ อยากได้หุ้นที่ผมอุดหนุนเค้าเป็นประจำน่ะครับ


จดหมายจาก ครรชิต ไพศาล 8/12/45
ครรชิต wrote:
ใน ความคิดว่า ของผม การลงทุน คือ การประกอบการของบริษัท สินทรัพย์ ของ บริษัท ที่เพิ่มขึ้น ก็มาจาก กำไรในการประกอบการ เมื่อเราลงทุนในบริษัท รายได้ก็ควรจะมาจาก ปันผล ครับ

ทุกอย่างต้องอาศัยเวลา

แต่ถ้า เราอยากจะได้มากและได้เร็วนั้น เงินที่ได้มา มันเป็นเงิน ที่เราไปหักหลังผู้ถือหุ้นรายอื่นที่หลงเข้ามาซื้อหลังเรา ที่หวังจะรวยเร็วเหมือนกับเรา ด้วยความโลภ และในไม่ช้า คนที่ถูกหลักหลังอาจกลายมาเป็นเรา ถึงเวลานั้นเราถึงจะรู้สึก ว่ามันเจ็บ ในความคิดของผม ถ้า น้อง ต้อง การเร็ว มันก็กลายเป็นเก็งกำไร ในตลาดหุ้น มันไม่ใช่ ลงทุนในตลาดหุ้น มันเข้าใกล้ การพนัน ซึ่งพี่ ก็เคย ผ่านมาแล้ว เจ็บมาแล้ว เข็ดแล้ว

น้องลอง ลงไปอ่านเรื่อง ที่พี่เขียนมาคุย กับ ลุงขวด มาตั้งแต่ ต้น ที่เขียนคุยกันมา 4 ตอนแล้ว

แล้วจะรู้ว่าทำไมความคิด ของ พี่ จึงเป็นอย่างที่พี่บอกน้อง

และ พี่ขอแนะนำน้อง ให้ไปอ่าน หนังสือ ทั้งสี่เล่ม ที่พี่แนะนำ “เศรษฐีตัวจริง“ โดย ดร. โทมัส เจ สแตนลีย์ แปลโดย คุณ ศิระ โอภาสพงษ์ จบ แล้วตามด้วย “วาทะของ วอร์เรน บัฟเฟทท์ “ โดย คุณ เจเน็ต โลว์ แปลโดย ศ.ดร. เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ แล้วก็ หนังสือ ตีแตก ที่ ดร. นิเวศน์ เขียน ตบท้ายด้วย “เซียนหุ้นพันธุ์แท้” ของ ดร. นิเวศน์ ให้จบแล้วพิจารณาด้วยปัญญา ไม่ใช่ด้วยความโลภ แล้วน้อง น่าจะเข้าใจ และ ใจเย็นๆ

รัก และ หวังดี


จดหมายจาก LOSO 8/12/45
LOSO wrote:
ได้ติดตามอ่านมาหลายกระทู้แล้ว
ตั้งแต่EPISODE1-4
ประสบการณ์ที่นํามาถ่ายทอดนี่สุดยอดเลยครับ

ผมคิดว่าสไตล์การลงทุนแบบนี้น่าจะลงหลักปักฐานได้มากขึ้นเรื่อยๆครับ
ผมว่าต่อๆไปหุ้นพื้นฐานดี มีปันผล ที่ตอนนี้สภาพคล่องอาจจะน้อยสักหน่อย ในภายหน้าสภาพคล่องน่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ ถ้าคนเปลี่ยนสไตล์การลงทุนมาลงทุนกันแบบนี้มากขึ้น
และต่อไปหุ้นแบบนี้ที่ราคายังundervalueอยู่มากๆ
ผมว่าราคาน่าจะปรับตัวขึ้นจนใกล้ราคาพื้นฐานของมันจริงๆ จากการที่คนลงทุนแบบนี้กันมากขึ้นหรือเปลี่ยนสไตล์การลงทุนมาเป็นแบบนี้กัน


แต่ผมว่าโบรกเกอร์ก็เป็นสาเหตุหนึ่งของการที่คนส่วนใหญ่เล่นหุ้นแบบซื้อซื้อขายขายและเน้นลงทุนในหุ้นที่มีสภาพคล่องสูงๆ

ผมยังไม่เห็นโบรกไหนออกบทวิเคราะห์ของหุ้นFE
P-FCB OCC MATI TRหรืออื่นๆอีกมากมาย
ถ้าโบรกออกบทวิเคราะห์หุ้นพวกนี้เยอะๆหน่อย
สภาพคล่องจะมา ราคาจะใกล้ความจริงมากขึ้น

เวลาลูกค้าจะสั่งซื้อหุ้นพวกนี้ มาร์ยังถามอีกนะว่า
" เอาแน่หรือพี่ ซื้อยากนา แต่ขายโครตยากเลยพี่ "

ผมว่าหลายคนอาจเคยเจอแบบว่าสั่งซื้อแล้ว
มาร์ไม่รู้จักแถมบอกว่าว่า " มีหุ้นตัวนี้ด้วยหรือพี่ "

ก่อนจบขอแซวลุงขวดหน่อยแล้วกัน
ด้วยความอิจฉาน่ะครับ
เห็นว่าพอร์ตเลข8หลักแล้วหรือครับ
สงสัยว่าจะเป็นแบบนี้หรือปล่าว
99,xxx,xxx บาท
ขอให้ไป9หลักไวไวนะครับ


จดหมายจาก ธิติพล 8/12/45
ธิติพล wrote:
ลุงขวดและพี่ครรชิตครับ ได้โปรดรับการคารวะด้วยครับ

คารวะอาจารย์สอนชีวิต
-----------------------
สอนตำรา หาใช่ ใส่ใจศิษย์
สอนชีวิต เหนือตำรา เล่มหนาไหน
สอนศิษย์ศักย์ ศึกษา อาจารย์ได้
สอนสิ้นสาย ถ่ายทอดสิ้น วิญญาณครู


จดหมายจาก Interruption 8/12/45
Interruption wrote:
“shareholder not chair”


จดหมายจาก ปรัชญา 8/12/45
ครรชิต wrote:
พี่ครรชิต-ลุงขวด
อ่านกระทู้นี้แล้วประทับใจมากครับ
ดีใจที่พี่ครรชิต ถือFE ตั้งแต่150รับปันผล15บาท
ต้นทุนเหลือ135บาทเลขสวยจริง ส่วนผมซื้อเติมเข้าไปเรื่อยๆต้นทุนผมสูงกว่า6บาท แต่ถือหุ้นไว้6หมื่นกว่าหุ้น เพราะบังเอิญกองทุนทิสโก้โยนใส่เลยรับมาเต็มๆ
พักบัญชีรับเงินปันผลปีก่อน กองทุนทิสโก้ถือ1แสน6หมื่นกว่าหุ้น พักบัญชีปีหน้าเดือนเมษารับรองเหลือไม่ถึงแสนแหงๆหากไม่มาลากเอาของกับ รับรองผมไม่ขายสักหุ้นเดียว แต่ลงก็จะรับอีก 15บาทเห็นๆไม่ไกลยิ่งเฟลไลน์ถ่ายโฆษณามิสทีน
ฟาร์อีสโฆษณาคาราบาวแดง ผมเหล่ปันผล6หลักแล้วครับ

อย่าว่าผมเว่อร์นะครับไว้คอยดูพักสมุดโอนหุ้นปันผลแล้วถ้าไม่มีอย่างว่านี้ด่าผมได้เต็มที่เลยครับ)

อ่านแล้วได้ความรู้จากพี่ครรชิต-ลุงขวด-คุณธิติพล
เปิดตาให้ได้เห็นภาพกว้าง แลรอบรู้เพิ่มขึ้นฉลาดขึ้นเยอะครับ

แต่ยังทำแบบพี่ครรชิตได้ไม่หมด
ความโลภ ยังมีบางวันยังเล่นเน็ต บางตัวยังเล่นสั้นเล่นยาว บางครั้งก็เป็นนักลงทุน1นาที ยังทำใจไม่ได้ครับ
พอตร์ผมก็คล้ายลุงขวดครับ หุ้นปันผล70%
หุ้นเน็ต15-20% อีก10%ไว้รับหุ้นที่ตกแรงไว้เผื่อเด้ง
หรือเผื่อที่ตั้งยันไว้เขาแกล้งโยนใส่ตอนปลายตลาด

อย่างไรพี่ครรชิต อย่าลืมต่อ EPISODE5นะครับจะได้ตามไปอ่านอีก

โชคดี มีความสุข สำหรับคนล่าฝันทุกคนครับ


จดหมายจาก aric 9/12/45
[quote="aric"]สาระเยี่ยมครับ...
แต่กระผมจะขอฝากหนังสืออีกหัวหนึ่งครับ
พ่อรวยสอนลูก เล่ม 1 2 และข้ามไปอ่านเล่ม4 เลยครับ
มีข้อคิดที่ดีมากสำหรับ นักลงทุนครับ
ขอบคุณครับ [/b]

จดหมายจาก ครรชิต ไพศาล
ครรชิต wrote:
คุณ Interruption ผมขอยืนยัน ว่าผม ต้องการ เขียนว่า Chairsholder ครับ เพราะ ผมบัญญัติ ศัพท์ ใหม่ ซึ่งในวง สนทนา ของเรา คำนี้ หมายถือ ผู้ที่ เข้าซื้อ หุ้นแล้วเก็บ รอ รับปันผล นั่งรอรับปันผล แล้วไม่ยอมลุกขึ้น ไม่ยอมสละเก้าอี้ให้คนอื่นเข้ามานั่ง หวังว่า คุณ Interruption คงเข้าใจความหมาย ของคำ Chairsholder นะ ครับ.. รัก

น้อง LOSO ครับ หุ้นดี ก็คือ หุ้นดี สภาพการซื้อ-ขาย จะน้อยอยู่ดี เพราะ จะมี นักลงทุนประเภท Chairsholder เท่านั้นที่ เข้าซื้อ และ พี่ ก็อยากให้มัน อย่างนั้นตลอดไป ไม่ต้องการ พวก Sharesholder ที่ คอยหลักหลัง เพื่อนผู้ร่วมเป็นหุ้นส่วนด้วยกัน เข้าไปยุ่งเกี่ยวใน หุ้นพวกนี้ และ นี้คือเหตุผล ที่ พี่ อยากรู้จักชื่อ จริง นาม สกุล จริง ของน้องๆ เพื่อนๆ ทุกคน ที่คุยด้วย พี่เป็นคนจริงใจ ชอบยืนอยู่ในที่สว่าง ให้คนเห็นหน้า รู้จักตัว ถ้าน้อง อยากเห็นหน้าตาของพี่ ก็เข้าไปเยี่ยมชม ได้ที่ http://eng56.hypermart.net/cgi-bin/chat.cgi น้อง ธิติพล เขาแอบไปดูมาแล้ว จะแจ้งให้ตำรวจไปตามจับตัวอยู่ ข้อหา ถ้ำมอง

พวกโบรเกอร์เขาไม่ชอบ พวกเราชาว Chairsholder เพราะเขาได้ ค่าคอมมิชชั่น น้อย เอาแต่ซื้อเก็บไม่เอาหุ้นมา หมุน ให้เขากินค่า คอมมิชชั่น เขาจะไม่เชียร์ หุ้นดี เขาจะเชียร์แต่หุ้นพื้นฐานแย่ ให้เก็งกำไรกัน เขาก็ได้ คอมมิชชั่น มาก เวลาเราไปถามหา หุ้นดี เขาก็ว่า มีด้วยหรือ หุ้นนี้ เขาไม่รู้จัก เพราะฉะนั้นพวกเราชาว Chairsholder ต้องเป็นคน ใฝ่รู้ หาอ่านหนังสือให้มากๆ เข้าไป ดาวน์โหลด งบดุลของ บริษัทมาพิจารณาเอง อย่าไปฟัง คำวิเคราะห์ ของนักวิเคราะห์ของบริษัท ที่ไม่มี พอร์ตลงทุนที่ประสบความสำเร็จ ระดับ 9 หลักขึ้นไป เป็นของตัวเอง แต่มาบอกให้ ระดับ 6 หลัก 7 หลัก 8 หลัก อย่างพวกเราเดินตามเลย

เขียนถึง ตอนนี้ ก็ขอร้องเพลง ของ หนุ่ม เสือ ธนพล ศิลปิน GRAMMY ที่แต่งไว้ใน ภาพยนตร์ เรื่อง 15 ค่ำ เดือน 11 ให้ฟังอีกสักครั้ง

“ อย่าฟังคำคน อย่าสนใจใคร อย่าเปลี่ยนแนว ผู้แน่แน่ว คือ.. ผู้ชนะ”

… รัก น้อง LOSO

น้อง ปรัชญา .. มีหุ้นดีอยู่ ตั้ง 60,000 หุ้น ปีหน้า เงินปันผลออกแล้ว พี่ มีเงินสดเหลือ พี่จะเขียนจดหมาย มาขอ ลูกหุ้น จากน้อง ในราคากันเอง ประสา พี่ น้อง หวังว่าน้องจะเบ่งให้พี่มาเลี้ยง เพิ่มบ้างนะครับ พี่ จะเลี้ยง ลูกหุ้นพันธุ์ดี ให้เจริญเติบโต ไม่ทิ้งขว้าง ให้ กลายเป็น ลูกหุ้น “MID ROAD”

ที่บอกว่า หุ้น FE ของพี่ มันลูกหุ้น เพราะตอนนี้พี่มีอยู่ เพียง 1100 หุ้นเท่านั้น เพราะมีเงินซื้อ เท่านั้น อุตสาห์ ยอมตัดใจ ขายสมบัติแสนรัก BAT-3K กับ METCO เพื่อรวบรวมเงิน มาซื้อ FE …. น้อง ปรัชญา .. อย่าลืมนะ เงินปันผลออกปีหน้าออก พี่ ขอ ลูกหุ้นพันธุ์ดี จากน้อง …รัก

น้อง ธิติพล .. ดร. ยรรยง เขาไม่ได้ ทำ รูปของ ดร. ไพบูลย์ ไว้ สงสัยจะไม่มี รูปถ่าย ..รัก


จดหมายจาก ศริชน 9/12/45
ศริชน wrote:
ผม เคยดูรายการ "Money Talk" เห็น ดร. ไพบูลย์ ท่านแหย่ ดร. นิเวศน์ ที่มาร่วมรายการ ผมสันนิษฐานว่า คงจบวิศวะ จุฬาฯ รุ่นเดียวกัน และวันนี้ผมก็ได้รับคำตอบ ( เวลาลงทุนซื้อหุ้นทำไมมันไม่เป็นอย่างนี้ว่ะ) กรุณาเล่าอีกครับ ติดตามอ่านอยู่ครับ


จดหมายจาก พี่เอง 9/12/45
พี่เอง wrote:
ผมถามคุณๆหน่อย เคยได้ยินชื่อหมอฟันยงค์ไม๊
ซึ่งมีportใหญ่กว่าดร.นิเวศน์เป็นสิบๆเท่า
ผลกำไรต่อปีมากกว่าหลายเท่า

คุณรู้จักจอร์จ โซรอสไหม
และคุณรู้จักตลาดหุ้นแบบไทยๆดีแค่ไหน
ที่เอ่ยมาเพียงแต่บอกว่ายังมีอีกมุมหนึ่งที่พวกคุณพยายามลืมมันไป

สำหรับน้องหน้าใหม่ มีสไตล์การลงทุนอยู่หลากหลาย
ไม่มีอะไรดีกว่ากัน สำคัญต้องเลือกให้เหมาะกับลักษณะของตัวเรา


จดหมายจาก fat boy 10/12/45
fat boy wrote:
....ขอคุยกับคุณลุง.. คุณอาทั้งหลายครับ
ได้พังเรื่องราวขอคุณลุงคุณอาทั้งหลายแล้ว ก็อยากขอถ่ายทอดขอความเรื่องราวของตัวเองให้ฟังบ้าง ปัจจุบันผมอายุ 28 ปี ทำงานกินเงินเดือนอยู่ ขอนแก่น บอกแล้วว่าอยู่ใกล้คุณ ปรัชญา นิดเดียว ทำงานกินเงินเดือนประจำ รายได้แค่ 10,000 บาท/เดือนเท่านั้น
ผมได้เข้ามาลงทุน ครั้งแรกด้วยเงิน 50,000 บาท อีกหนึ่งอาทิตย์ ผมขายได้กำไร 3,000 บาท ผมรู้สึกว่าดี แต่ทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ผมเห็นหุ้นบ้างตัววิ่งขึ้นเป็น 10% หรือ 50% ในวันเดียว ( Warrant) ผมเริ่มหันมาเก็งกำไร จากเงินลงทุนเริ่มต้น 100,000 บาท วงเงิน 100,000 บางวันผมเทรดได้ 1,500,000 หมุนถึงขั้นเก็งกำไรรายวินาที ไม่ถึง 18 เดือน เงินหมด ไม่เหลือแม้แต่เศษหุ้นสักตัวติดพอร์ต คงเหลือไว้แต่หนี้สินรวมประมาณ 800,000 บาท ดอกเบี้ย/เดือน 8,000 บาท มันเกินกำลังของผมมาก คุณลุง..คุณอา คงนึกภาพ ผีพนันตัวใหญ่ที่ไม่ยอมแพ้ โดนเท่าไรก็ยังลองเล่น แต่ยังดีผู้มีพระคุณของผมยื่นมือมาช่วยไว้บ้าง ส่งเงินช่วยเหลือให้ เดือนละ 7000 ผมนั่งมองตัวเลขทั้งหลาย แล้วคาดได้เลยว่าถ้ารายได้ผมไม่เพิ่มขึ้น ผมต้องใช้หนี้ถึง 12 - 15 ปีทีเดียว แต่ผมคงต้องชดใช้ตราบเท่าที่ยังมีชิวิต เสียดายที่บทเรียนนี้ควรจะเข้าใจตั้งแต่ 100,000 บาทของตัวเอง ไม่ใช่หมดจนกู้มาอีก 800,000 ยังไงก็ตามผมยังไม่เลิกยังไม่ยอมแพ้ ผมสัญญา ว่าในชีวิตนี้ผมต้องกลับมากำไร ได้เงิน 100,000 บาทคืนจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยตืนได้ทั้งหมด ถ้าผมมีเงินเก็บสักหน่อย ผมจะทยอยเก็บหุ้นที่อยู่ UNDER VALUE ไว้แม้จะทีละ 3 - 5000 ซึ่งไม่คุ้มค่าคอม เพราะ ดอกเบี้ยที่ผมจ่ายอยู่ระดับ 1%/เดือน ประมาณ 13/ปี ถือหุ้นชั้นดีบางตัวเงินปันผลก็เกินแล้ว
เอาละอยากฟังส่วนที่ประสบความสำเร็จไหมครับ.....ผมหวังว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 10 ปี จะมีโอกาสมาเล่าให้ฟัง ยังไงก็ขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ไว้ด้วย
....จากนักเก็งกำไร 1คนจาก 999,999 คนที่ล้มเหลว ...ที่ไม่ใช่ 1 ในล้านอย่าง โซลอส หรือคุณหมอฟัน ยรรยง


จดหมายจาก Golded Stock 10/12/45
Golden Stock wrote:
ใน วันที่คุณ fat boy ซื้อขายสูงสุด 1,500,000 บาทต่อวันจากเงินที่มีอยู่จริง 100,000 บาท เท่ากับว่าคุณต้องเสียค่าคอมฯ 4,012.50 บาท คิดเป็น 4.01 % ต่อวัน เท่ากับว่าคุณต้องทำกำไรในวันนั้นให้ได้มากกว่า 4.01 % ไม่อย่างนั้นก็ขาดทุน ซึ่งผมว่าค่อนข้างยากนะครับ


จดหมายจาก ธิติพล 10/12/45
ธิติพล wrote:
เอาใจช่วยคุณ fatboy นะครับ ล้มแล้วลุกได้ครับ

พี่ครรชิตครับ สงสัยว่าจะจัดต้องจัด "ขอคุยกับลุงขวด" เป็นประจำแล้วล่ะครับ มีประโยชน์จริงๆ


จดหมายจาก ปรัชญา 10/12/45
ปรัชญา wrote:
ขอบคุณครับพี่ครรชิต อีก2วันจะสกดลอยตามไปดู
ที่คุณธิติพลตามดูมา ตอนนี้ผมกำลังฟังเพลงคนล่าฝันของคาราบาวอยู่ครับ FEของพี่ไม่ใช่ลูกหุ้นหรอกครับ
ต้นทุน135ตอนนี้175-176กำไรเกือบ30%แล้วครับ
ส่วนผมตั้งใจถ้าอ่อนก็จะซื้อเพิ่ม แต่จะไม่ไล่ราคาเพราะกองทุนทิสโก้เขาคุมเกมส์ รอเขาหมดของก่อนค่อยคิดอีกที รอเช็คสัดส่วนผู้ถือหุ้นงวดสิ้นปีอยู่ครับ

คุณtatboyครับ
กว่าจะมาถึงวันนี้ผมว่าทุกคนก็ได้บทเรียนชีวิตมาเยอะๆกันทั้งนั้น ใครอายุมาก(ลุงขวด-พี่ครรชิต)ก็จะมีประสพการณ์สูง คุณยังเป็นคนหนุ่มอนาคตยังอีกไกล ขอให้โชคเข้าข้างคนดีตลอดไปครับ


จดหมายจาก ลุงขวด 10/12/45
ลุงขวด wrote:
คุณ fat boy ครับ มีเงิน แสนบาท เทรดได้ถึง ล้านห้าแสน นี่ มัน เก็งกำไรเห็น ๆ เลยครับ.....นั่นต้องระดับเซียนเหนือเมฆที่สามารถดูกราฟเป็นรายนาที แบบนี้ โบรคเกอร์ชอบมาก.......ผมว่าเล่นแบบนั้นมันอันตราย พอได้ ได้หลักพันบาท ..เวลาติด cut loss ไม่ทัน ก็เสียระดับ แสนบาท หรือ หลายหมื่นบาท........คนเก่งแบบเล่นเป็นรายนาที ผมว่า เขาต้องมีกลุ่มเล่นกัน หรือ ชำนาญมากถึงจะทำได้..........ผมเล่นมา 13 ปียังไม่สามารถทำได้เลย.....ถ้าเงินออมและเงินที่ออมต้องคิดว่าไม่ต้องการ ใช้เป็นสมบัติอย่างหนึ่ง.....ก็ ให้ เปลี่ยนเป็นถือหุ้นแทน........ซื้อสมบัติที่เป็นหุ้น อนาคตในปีสองปีหน้านี่ มันจะมีค่ามากกว่าฝากธนาคารผมแน่ใจมาก เลือกหุ้นให้ดี ก็ แล้วกัน


จดหมายจาก ออม 9/12/45
ออม wrote:
หลัง จากฟังท่านเหล่านี้คุยกัน เลยอยากสมัครเป็น value invester ด้วยคนค่ะ เพราะทำงานประจำอยู่ไม่มีเวลาติดตามหุ้นทุกฝีก้าว พอร์ตก็ขนาดกะจ้อยเหลือเกิน แต่พยายามสะสมเงินเดือนไว้ลงทุนค่ะ เล่าประวัติแรกๆ นะคะ เข้าตลาดมาช่วง ต.ค.44 เพราะมีเพื่อนแนะนำ และก็เห็นว่าเป็นโอกาสที่หุ้นตกต่ำ ประกอบกับเรียน MBA อยู่ด้วยเลยคิดว่าไหนๆ ก็ลงทุนเรียนแล้ว เราต้องได้อะไรกลับไปบ้างซิ ปริญญาตรีก็บัญชีอีกด้วยยังไงก็ไม่กลัวอยู่แล้ว ช่วงแรกๆ ตลาดก็ดีๆ ทุกอย่างเป็นใจลงทุนหุ้นตัวไหนก็กำไรไป(เกือบ)หมด ช่วงแรกก็ลงทุนแบบกล้าๆ กลัวๆ เลือกแต่ตัวช้าๆ อึด ๆ ประเภทกลุ่มพลังงาน อาหาร ชิ้นส่วน สื่อสาร ที่เค้าเรียก Defensive Stock อะไรทำนองเนี่ยค่ะ (ตอนนั้นสื่อสารยังไม่เน่าขนาดนี้นะคะ) แต่หลังๆ ชักไม่ทันใจบวกความมั่นใจว่าหันไปเล่นกลุ่มอสังหา ไฟแนนซ์ วอร์แรนต์ บ้างดีกว่า แต่โชคร้ายที่คิดได้ตอนช่วงปลายขาขึ้นแถว 400 กว่าจุดจนลงมาแถว 330 จุด ก็ประเภทรับไปรับมา รอเด้ง ติด ขาย คัดลอท สารพัด สุดท้ายประเมินผลทั้งปีจากกำไรประมาณ 200,000 เหลือซัก 70,000 ประมาณเนี่ยค่ะ เฮ้อยังโชคดีไม่เหลือศูนย์หรือขาดทุน เอาเป็นว่าปีนี้เลยตั้งใจจะเริ่มใหม่ วางแผนเสียดิบดีเลยก็ว่าจะลงทุนหุ้นปันผลซัก 60 เก็งกำไรซัก 30 และเก็บเงินสดไว้ 10 อ่านดูคล้ายๆ แนวคุณปรัญชาเลยเนี่ย แต่ปรากฎว่าผ่านไป 2 เดือน(ขึ้นปีที่ 2ที่ลงทุน) ไอ้ส่วนที่ทำกำไรคือหุ้นปันผล ส่วนเก็งกำไรเนี่ยประเภทได้ทีละพันขาดทุนทีเป็นหมื่น ชักแย่แล้ว ลืมบอกไปว่าดูเทคนิคไม่เป็นค่ะ เก็งกำไรส่วนใหญ่จะมั่ว เห็นช่วงนี้เค้าฮิตก็ตามติดไปด้วย สรุปแล้วเลยขาดทุน unrealize loss อยู่นิดหน่อยค่ะ ก็เลยจะมาขอร่วมก๊วน แวลู อินเวสเตอร์อย่างจริงจังค่ะ

เลยอยากถามว่า ปกติถ้าถือหุ้นที่เราคิดว่าดี จ่ายปันผลเสมอมา งบการเงินสวยปิ๊ง แม้ช่วภาวะสงคราม เศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำ เกิดภาวะเงินฝืดหรืออะไรทำนองนี้ จะมีผลกระทบกับราคาหุ้นที่เราถือหรือเปล่าคะ เพราะยังไม่เคยเจอภาวะแย่ๆ แบบนั้น ถ้าช่วง Set ขาลงเนี่ย หุ้นเหล่านี้แข็งกว่าตลาดมาก แถมยังทำกำไรให้คนถือชื่นใจอีกต่างหาก
ช่วยชี้แนะด้วยค่ะจะได้ลงทุนอย่างสบายใจ และก็ขอรบกวนอีกอย่างนะคะ ถ้าพี่มีข้อมูลปันผลย้อนหลังว่าหุ้นแต่ละตัวจ่ายปันผลเท่าไร (บาทต่อหุ้น) เอาปีล่าสุดก็ได้ค่ะ เพราะพยายามหาอยู่โดยเข้าไป Download งบการเงินมาดูหมายเหตุว่าจ่ายปันผลไปเท่าไร ซึ่งช้ามากว่าจะได้ครบ 400 กว่าตัวสงสัยหมดความพยายามเสียก่อนค่ะ จะได้เอาไปเทียบดูว่าราคายังน่าสนใจหรือเปล่า ถ้าเราหวัง Div. ัyield ไม่ต่ำกว่า 8% ค่ะ
ขอบคุณทุกท่านค่ะ pmonthanun@hotmail.com


จดหมายจาก ธิติพล 9/12/45
ธิติพล wrote:
ทั้งขนาดพอร์ตและประสบการณ์คุณมากกว่าผมเยอะ ผมเล่นมาได้ไม่กี่เดือนเองครับ มิบังอาจสั่งสอน

ผ่านผมไปดีกว่าครับ


จดหมายจาก ครรชิต ไพศาล 9/12/45
ครรชิต wrote:
ไปหาซื้อหนังสือ ที่ ผมแนะนำให้อ่าน มาอ่านให้ จบ หลายๆ เที่ยว เอาให้ถึง ขนาด นอนยังฝันเห็น โดยเฉพาะของ ปรมจารย์ วอร์เรน บัฟเฟทท์

และท่อง วาทะ ของ วอร์เรน บัฟเฟทท์ ที่ผมชอบที่สุด

" ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี มีกำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ ในเวลาที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ และ ถือมันไว้ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดี"

เป็นคาถา ยามจะซื้อหุ้น แล้วคุณจะ ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ แผ่นดินจะไหว สหรัฐจะรบกับอีรัก ก็ช่างเขา
ขออย่างเดียว อย่ามารบที่บ้านเราก็แล้วกัน หุ้นดี ก็ยังเป็น หุ้นดี อยู่ดี

ดูสิ วิกฤต กันกี่ครั้งแล้ว หุ้นที่ดี จริงๆ มันก็ยัง เป็นหุ้น ดี จริงๆ อยู่นั้น เอง เช่น TF TR

สิ่งที่น่ากลัวที่ สุด ในความเห็นผม คือ การกระทำ ด้วยความไม่รู้ กระทำโดยขาดปัญญากำกับ ใช้ความโลภเป็นหางเสือแห่งชีวิต น่ากลัวกว่าวิกฤต ภายนอกตัวเรา
:
จดหมายจาก ปกรณ์
ดูข้อมูล ได้จากหนังสือทิศหุ้นของ บล.กรุงศรี ays
โดยสมัครเป็นลูกค้า จะได้เอกสารนี้ จะเทรดหรือไม่ก็ได้ ไม่มีปัญหา ส่งให้ทุกเดือน ดีพอสมควร


จดหมายจาก ปีเตอร์ ชาง 10/12/45
ปีเตอร์ ชาง wrote:
ดูชื่อหนังสือให้ดีๆนะครับ เขาชื่อ "ทิศหุ้น" นะครับ ไม่ใช่ "ติดหุ้น"
ถ้าดูผิดเล่ม อาจจะซื้อหุ้นผิดตัวนะครับ 5555


จดหมายจาก ลุงขวด 10/12/45
ลุงขวด wrote:
อ่าน ที่บอกมา ใน นั้นมีคำตอบอยู่แล้ว "ส่วนที่กำไรคือหุ้นปันผล ฯลฯ ในภาวะสงครามหรือถูกกระทบจากวิกฤต ต่าง ๆ คิดว่า หุ้นทุกตัวก็คงต้องลงเหมือนกันหมด แต่การลงของหุ้นปันผล จะลงไม่มาก เพราะ ขาดสภาพคล่อง ผู้ถือหุ้นที่เป็น real value investors จะไม่ทิ้งหุ้นออกมากเท่าไร.......ถ้าเป็นผม ก็จะซื้อสะสมเพิ่มเสียอีก.........พื้นฐานอีกอย่างถ้าดูงบการเงินเป็น ก็ไป พิจารณาดู ว่าเป็นอย่างไร ยังดีเหมือนเดิมไหม อุตสาหกรรมของกลุ่มนั้นจะโดนกระทบหรือเปล่า มูลค่าควรจะเป็นในตัวหุ้นนั้นเท่าไร ...ยิ่งพวกราคาต่ำกว่า Book Value แล้ว ให้รีบซื้อเก็บไว้เลย (จะได้สบายใจในส่วนหนึ่งว่าได้ถูกกว่าเจ้าของเดิมเสียอีก).....มีหุ้นหลาย ตัวในตลาดเป็นแบบนี้.......หา หา ดู เอา ใน เวปตลาด www.set.or.th ใน listed company ซึ่งมีประโยชน์มาก สำหรับ นักลงทุนทั้งหลาย......ขอให้โชคดีในการลงทุนครับ


จดหมายจาก ออม
ออม wrote:
ขอบคุณทุกคำแนะนำดีๆ ค่ะ ได้ข้อมูลตามที่ต้องการเลยค่ะ

หนังสือ 4 เล่มที่คุณครรชิตบอก ตั้งใจจะซื้อมาอ่านค่ะ ความจริงติดตามบทความของ ดร.นิเวศน์ ในกรุงเทพธุรกิจเป็นประจำพอทราบแนวคิดของท่านบ้าง ส่วนหนังสือแปลอีก 2 เล่ม วาทะของวอร์เรน บัฟเฟทท์ เคยแต่หยิบมาพลิกๆดู แต่ไม่ได้ซื้อค่ะ และเศรษฐีตัวจริงก็ยังไม่เคยเห็นเลย สงสัยต้องเข้าร้านหนังสือบ้างแล้วเรา

วันนี้คงเป็นวันหยุดของใครหลายคน แต่ที่ทำงานเราไม่รักประชาธิปไตยเล้ย จึงต้องมาทำงาน แถมวันที่ 30 ให้หยุดโดยใช้วันลาพักร้อนอีก รักบริษัทจริงๆๆ


จดหมายจาก Golden Stock 10/12/45
Golden Stock wrote:
สังเกต ว่าระยะนี้คุณลุงขวด เริ่มจะดังระดับประเทศแล้วนะครับ อ่านดูแนวทางการลงทุนของคุณลุงขวด ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก แต่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

ก็ขอให้คุณลุงขวดมีสุขภาพแข็งแรงในปีใหม่ที่จะมาถึงนี้รวมถึงปีอื่นๆ เพื่อจะได้เป็นตัวแบบที่ดีของนักลงทุนรุ่นน้องได้ไปนานๆ ครับ


จดหมายจาก ลุงขวด
ลุงขวด wrote:
ขอบ คุณเป็นอย่างมากครับ ที่ คุณ Golden Stock มาอวยพรให้ในนี้ พรใดที่ให้มา ก็ ขอให้ คุณGolden Stock ได้รับ เช่นกัน ........เห็น คุณ Golden Stock ไม่ได้ ตอบกระทู้เลยนะครับ เพื่อน ๆ น้อง ๆ ตามหาอยู่ อย่างไรถ้าว่างก็กรุณาแสดงความคิดให้ด้วยนะครับ ผมตามอ่านและชื่นชมในความคิดของคุณ Golden Stock เสมอ


จดหมายจาก ปรัชญา 10/12/45
ปรัชญา wrote:
คุณออมครับ ผมว่าแนวคิดของลุงขวดจะคงเส้น
คงวากว่าคนอื่นๆรวมผมด้วย

เรื่องหาข้อมูลหุ้นย้อนหลัง ผมเข้าเซ็ทเทรด หาไม่ค่อยเจอครับ

ส่วนผมหาข้อมูลพื้นฐาน เงินปันผล งบการเงิน รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ และข่าวอื่นๆ

ผมดูที่เว็บ เกียรตินาคินครับ ดูบริษัทที่สนใจ แล้วก็ปริ้นท์ไว้สัก5ปี ที่บริษัทที่เราสนใจแล้วมาเปรียบเทียบเอาครับ หากไม่ได้เป็นสมาชิกเกียรตินาคินก็ต้องเข้าเว็บ บ ล ทรีนิตรี้ มีทุกบริษัทจดทะเบียนรวมทั้งบริษัทที่ออกจากตลาดแล้ว เลือกวันปิดสมุดวันโอนหุ้นเพื่อรับเงินปันผลเราจะรู้ว่าใครมีหุ้นเพิ่มขึ้น และใครขายหุ้นเหลือน้อยลงครับ

การถือหุ้นปันผลก็ต้องดูอดีตและคำนวนเผื่ออนาคตครับ
ดูปันผลย้อนหลัง4-5ปี แบบเดียวกับท่านดร.นิเวศน์สอนครับ แล้วก็มาดูความพอใจของเราว่าทนไหวไหมกับสภาพของหุ้น ถ้าดูเผื่ออนาคตก็ต้องระวังเกี่ยวกับต่างประเทศว่าสงครามจะเกิดไหม ธุรกิจอะไรที่แข่งกันตาย โดยเฉพาะพวกสื่อสาร หรืออิเล็กทรอนิคส์อะไรประมาณนี้ล่ะครับ ขอบคุณที่ให้เกียรติผมเสนอความคิดเห็น คุณLOSO-คุณHOTก็ดีครับเคยเตือนผมอย่าพึ่งเฉลี่ยแฟนซี หากไม่ได้2คนนี้เตือนผมคงอ้วนไม่มีเงินเหลือไว้เล่นตัวอื่น ยังคิดถึงท่านทั้ง2อยู่ครับ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘