บทเรียนที่ 4 : วัฎจักรของกราฟ

เวลาทำการในตลาด forex
ตลาด Australian Dollar (AUD) เวลาเปิดตรงกับประเทศไทยเวลา 5.00 – 13.00 น.
ตลาด Japanese Yen (JPY) เวลาเปิดตรงกับประเทศไทยเวลา 7.00 – 14.00 น.
ตลาด Euro (EUR) เวลาเปิดตรงกับประเทศไทยเวลา 13.00 – 21.00 น.
ตลาด Swiss Franc (CHF) เวลาเปิดตรงกับประเทศไทยเวลา 13.00 – 21.00 น.
ตลาด British Pound (GBP) เวลาเปิดตรงกับประเทศไทยเวลา 14.00 – 22.00 น.
ตลาด US Dollar (USD) เวลาเปิดตรงกับประเทศไทยเวลา 19.00 – 3.00 น.
ค่าของสกุลเงินมักจะมีธรรมชาติในตัวมันเองให้เห็นเสมอๆ
การเกิด Cycle วงจรของรอบกราฟ มีธรรมชาติให้เห็นทุกๆ เวลา (TF)
การฝึกมองธรรมชาติของแต่ละสกุลเงิน จะทำให้เข้าใจการวิ่งของค่าเงินนั้นๆ
และจะเข้าใจการหยุดนิ่งว่าทำไมถึงนิ่ง การวิ่งคือการเกิดแนวโน้ม
การนิ่งสวิงไปมา ก็คือไม่มีแนวโน้ม (sideways)
จุดที่น่าสนใจของการมองหาจังหวะเข้าเทรดนั้นสำคัญมากๆ โดยจะแบ่งเป็นรอบที่น่าสนใจเป็น 3 รอบด้วยกันใน 1 วัน
โดยมี 2 รอบที่มักจะวิ่งแรงๆ และมีแนวโน้มเหมาะกับการเทรดเสมอๆ
คือช่วงรอบ 13.00–17.00 และช่วงรอบ 19.00–22.30 โดยประมาณ กราฟราคามักจะวิ่งและมีแนวโน้ม
ส่วนอีก 1 รอบ ที่วิ่งก่อนตลาด US Dollar จะปิดคือรอบ 12.00 – 1.00 น.
(แต่การเคลื่อนไหวของราคาบางวันก็ไม่วิ่ง บางวันก็วิ่งแรง) รอบนี้โดยทั่วไปจะไม่สำคัญเท่า 2 รอบแรก
เวลาที่กราฟราคามักจะวิ่ง ดูได้จากเวลาการเปิดและปิดตลาดของแต่ละสกุลเงินชนกัน และอยู่ในโซนเดียวกันมักจะมีแรงซื้อแรงขายเข้ามามาก สรุปแล้วเวลาที่เหมาะกับการเทรดจะอยู่ระหว่าง 13.00 – 23.00 น. ของโซนตลาด EUR GBP USD
สามตลาดนี้มักจะเป็นตัวการสำคัญของการวิ่งและมีแรงซื้อขายเข้ามามาก โดยจังหวะการเข้าเทรด มักจะนิยมเล่นเป็นรอบ ๆ ไปคือรอบ
- เวลา 13.00 – 17.00 โดยประมาณจะวิ่งหนึ่งรอบแล้วถึงมีการพักตัวของกราฟ (ราคาไม่วิ่งไปไหนมาก)
- อีกหนึ่งรอบ ช่วงรอบ 19.00 – 23.00 แล้วถึงเกิดการพักตัวของกราฟ (ราคาไม่วิ่งไปไหนมาก)
ความสัมพันธ์ของแต่ละสกุลเงินที่นิยมเทรดกัน เริ่มจาก
- EUR/USD เรียกกันย่อๆ ว่า EU ถ้า EU ดีดตัวแรง มักจะดึง EJ ไปตามทิศทางเดียวกันด้วยเสมอ ๆ
- GBP/USD เรียกย่อๆว่า GU ถ้า GU ดีดตัวแรง มักจะดึง GJ ไปตามทิศทางเดียวกันด้วยเสมอ ๆ
- EUR/GBP เรียกย่อๆว่า EG ถ้า EG ดีดตัวแรง จะเห็น GU วิ่งตรงข้ามกับ EG เสมอ ๆ
- USD/JPY เรียกย่อๆว่า UJ ถ้า UJ ดีดตัวแรง จะเห็น EJ และ GJ ไปตามทิศทางเดียวกันด้วยเสมอ ๆ
(โดยเฉพาะถ้า EU และ GU อยู่ในช่วงกราฟนิ่ง ๆ (sideways) แต่ UJ มีแรงวิ่งมาก มักจะดึง EJ และ GJ ไปแรง ๆ เสมอ ๆ)
- EU มักจะวิ่งไปทางทิศเดียวกับ GU เสมอๆ โดยเฉพาะถ้าสองตัวนี้วิ่งไปแนวโน้มเดียวกันจะสังเกตุเห็นว่าวันนั้นตลาดจะเล่นง่าย
เพราะเกิดแนวโน้มที่ชัดเจน และจะไปดึงให้สกุลอื่นๆ มีแนวโน้มที่ชัดเจนตามด้วยเสมอ ๆ
ธรรมชาติของการวิ่ง มักจะเห็นการวิ่งระหว่างช่วงท้ายชั่วโมง กับ ต้นชั่วโมงเสมอๆ
มักจะวิ่งตอนปลายนาที ระหว่างนาทีที่ 45 ถึงต้นชั่วโมงช่วง 15 นาทีแรก
และมักจะไปหยุดวิ่ง (พักตัว) ช่วงระหว่างนาทีที่ 25-40 ของในหนึ่งชั่วโมงโดยประมาณ
การวิ่งของสกุลเงินแต่ละตัวนั้น โดยเฉลี่ย 1 สัปดาห์ 5 วันของการเทรด มักจะวิ่งโดยมีแนวโน้มและจับจังหวะไม่ยาก
ประมาณ 2-3 วันต่อสัปดาห์แค่นั้น ที่เหลือส่วนใหญ่จะเป็นช่วงสวิงไปๆ มาๆ นิ่งๆไม่ไปไหน
ฉะนั้นในหนึ่งสัปดาห์ ต้องวางแผนและมองภาพรวมให้ออกก่อนเสมอ ๆ
ใน 1 เดือนนั้นจะมีให้เทรดทั้งหมด 4 สัปดาห์ ช่วงต้นเดือนมักจะเล่นยากเสมอๆ (กราฟไม่ค่อยไปไหน)
ส่วนช่วงกลางเดือนมักจะมีจังหวะไม่ยาก และปลายเดือนก็มักจะเล่นไม่ยากเช่นกัน
ต่อไปก็มาดูกันว่าธรรมชาติของการวิ่งระดับ 1m 5m 15m 30m 1h 4h 1d เป็นอย่างไร
ดูธรรมชาติการวิ่งของกราฟ จากจุดเริ่มต้นของเทรนด์ ไปจนถึงสุดทาง ว่าวิ่งเท่าไหร่
ดูธรรมชาติของเวลา ว่ากราฟใช้เวลาวิ่งจากช่วงเริ่มต้น ไปจนสุดเทรนด์ กินเวลานานเท่าไหร่
- ฝึกดูจังหวะพักตัว ว่ากราฟมักจะพักตัวที่เวลาไหน นาทีที่เท่าไหร่
- ฝึกดูว่าจังหวะไหนเหมาะสมกับการเข้าไปเล่น จังหวะไหนควรรอ
ธรรมชาติของเวลาและการขึ้น การลง มักจะเกิดซ้ำ ๆ ให้เห็นบ่อย ๆ (โดยมองหลักความน่าจะเป็นควบตามกันไป)
เริ่มต้นฝึกสังเกตธรรมชาติของกราฟระดับ M1
โดยเฉลี่ยระดับการวิ่งของกราฟที่ 1 นาที วิ่งได้ตั้งแต่ 5 -120 จุดโดยประมาณ
ต้องดูให้ออกก่อนว่าแนวโน้มที่เกิดขึ้นเป็นแบบใหญ่ แบบเล็ก แบบย่อย
ต่อหนึ่งรอบการวิ่ง ระยะเวลาการวิ่งของกราฟโดยเฉลี่ย จะอยู่ระหว่างสิบนาทีขึ้นไป
แต่ไม่เกินสองชั่วโมงต่อหนึ่งรอบการวิ่งของแนวโน้มใหญ่ เล็กและย่อย
เริ่มต้นฝึกสังเกตธรรมชาติของกราฟระดับ M5
โดยเฉลี่ยระดับการวิ่งของกราฟที่ 5 นาที วิ่งได้ตั้งแต่ 20 -100 ต้นๆ โดยประมาณ
ต้องดูให้ออกก่อนว่าแนวโน้มที่เกิดขึ้นเป็นแบบใหญ่ แบบเล็ก แบบย่อย
ต่อหนึ่งรอบการวิ่งระยะเวลาการวิ่งของกราฟโดยเฉลี่ย จะอยู่ระหว่างครึ่งชั่วโมงขึ้นไป
แต่ไม่เกิน 3-4 ชั่วโมงต่อหนึ่งรอบการวิ่งของแนวโน้มใหญ่ เล็กและย่อย
เริ่มต้นฝึกสังเกตธรรมชาติของกราฟระดับ M15
โดยเฉลี่ยระดับการวิ่งของกราฟที่ 15 นาที วิ่งได้ตั้งแต่ 30 จุดถึง 200 จุดโดยประมาณ
ต้องดูให้ออกก่อนว่าแนวโน้มที่เกิดขึ้นเป็นแบบใหญ่ แบบเล็ก แบบย่อย
ต่อหนึ่งรอบการวิ่งระยะเวลาการวิ่งของกราฟโดยเฉลี่ย จะอยู่ระหว่างครึ่งชั่วโมงขึ้นไป
แต่ไม่เกินหนึ่งวันต่อหนึ่งรอบการวิ่งของแนวโน้มใหญ่ เล็กและย่อย
เริ่มต้นฝึกสังเกตธรรมชาติของกราฟระดับ M30
โดยเฉลี่ยระดับการวิ่งของกราฟที่ 30 นาที วิ่งได้ตั้งแต่ 50 จุดถึง 400 จุดโดยประมาณ
ต้องดูให้ออกก่อนว่าแนวโน้มที่เกิดขึ้นเป็นแบบใหญ่ แบบเล็ก แบบย่อย
ต่อหนึ่งรอบการวิ่งระยะเวลาการวิ่งของกราฟโดยเฉลี่ย จะอยู่ระหว่าง 1 วันขึ้นไป
แต่ไม่เกิน 5 วันต่อหนึ่งรอบการวิ่งของแนวโน้มใหญ่ เล็กและย่อย
เริ่มต้นฝึกสังเกตธรรมชาติของกราฟระดับ H1
โดยเฉลี่ยระดับการวิ่งของกราฟที่ 1 ชั่วโมง วิ่งได้ตั้งแต่ 100 จุดถึง 600 จุดโดยประมาณ
ต้องดูให้ออกก่อนว่าแนวโน้มที่เกิดขึ้นเป็นแบบใหญ่ แบบเล็ก แบบย่อย
ต่อหนึ่งรอบการวิ่งระยะเวลาการวิ่งของกราฟโดยเฉลี่ย จะอยู่ระหว่าง 2 วันขึ้นไป
แต่ไม่เกิน 6 วันต่อหนึ่งรอบการวิ่งของแนวโน้มใหญ่ เล็กและย่อย
เริ่มต้นฝึกสังเกตธรรมชาติของกราฟระดับ H4
โดยเฉลี่ยระดับการวิ่งของกราฟที่ 4 ชั่วโมง วิ่งได้ตั้งแต่ 200 จุดถึง 2,500 จุด โดยประมาณ
ต้องดูให้ออกก่อนว่าแนวโน้มที่เกิดขึ้นเป็นแบบใหญ่ แบบเล็ก แบบย่อย
ต่อหนึ่งรอบการวิ่งระยะเวลาการวิ่งของกราฟโดยเฉลี่ย จะอยู่ระหว่าง 5 วันขึ้นไป
จนถึงหนึ่งเดือนต่อหนึ่งรอบการวิ่งของแนวโน้มใหญ่ เล็กและย่อย
เริ่มต้นฝึกสังเกตธรรมชาติของกราฟระดับ D1
โดยเฉลี่ยระดับการวิ่งของกราฟที่ 1 วัน วิ่งได้ตั้งแต่ 500 จุดถึง 3,500 จุด โดยประมาณ
ต้องดูให้ออกก่อนว่าแนวโน้มที่เกิดขึ้นเป็นแบบใหญ่ แบบเล็ก แบบย่อย
ต่อหนึ่งรอบการวิ่งระยะเวลาการวิ่งของกราฟโดยเฉลี่ย จะอยู่ในระหว่าง 1 เดือนขึ้นไป
จนถืง 4 เดือนต่อหนึ่งรอบการวิ่งของแนวโน้มใหญ่ เล็กและย่อย
การฝึกดูธรรมชาติของกราฟ สามารถบอกได้ว่า
- จังหวะไหนควรเข้าเทรด
- จังหวะไหนควรหยุดรอ
- จังหวะเวลาไหนมักจะเกิดการพักตัว
เพื่อนำไปต่อยอดกับการวิเคราะห์กราฟตามขั้นตอนต่าง ๆ ที่แนะนำมาก่อนหน้านี้
(โดยใช้หลักความน่าจะเป็นควบตามไปด้วย)
นอกจากนี้ยังทำให้เข้าใจถึงระดับการวิ่ง และระดับการใช้เวลาของการขึ้นลงของกราฟในแต่ละช่วงเวลา (timeframe)
และทำให้รู้ว่า ในทุกช่วงเวลามักจะมีรอบการขึ้น และรอบการลงให้นักลงทุนได้เทรดเสมอ ๆ
เมื่อเจอ sideways ก็ควรรอจังหวะให้เป็น เพราะมีรอบการขึ้นการลงให้เห็นเสมอ ๆ ในทุก ๆ ช่วงเวลา
จะสังเกตุเห็นได้ว่าในช่วงเวลาที่ยาวขึ้น ระดับแนวโน้มก็มักจะกินเวลานานขึ้น ระดับการวิ่งของราคาก็มากขึ้นตามด้วยเช่นกัน
ควรเลือกช่วงเวลาให้เหมาะสมกับลักษณะการเทรดดังนี้
- 1m 5m 15m เหมาะกับการเล่นระยะสั้น มักจะหาจังหวะเล่นได้ในหนึ่งวัน
- 30m 1h เหมาะกับการเล่นระยะปานกลาง
- 4h 1d เหมาะกับการเล่นระยะยาว
การมองวัฎจักรของกราฟยังทำให้เข้าใจว่า
การมองควรมองระยะยาว -> ไปหาระยะปานกลาง -> ไปหาระยะสั้น
Example
ระยะยาวอาจจะพักตัวในแนวโน้มขึ้น แต่ระยะปานกลางเริ่มลง ส่วนระยะสั้นเป็นแนวโน้มขาลงชัดเจน
ลักษณะเช่นนี้ นักลงทุนควรจะมองภาพรวมจากระดับช่วง เวลามากไปหาช่วงเวลาที่น้อยลงเพื่อเข้าใจภาพใหญ่ไปสู่ภาพเล็ก
ฉะนั้นจึงต้องมองทุก ๆ ช่วงเวลาให้เข้าใจว่าระดับไหนเกิดแนวโน้มอะไรอยู่
หวังว่าคงจะได้ไอเดีย และนำไปประยุกต์ใช้และแบ่งเวลาเล่นได้ถูกจังหวะ
หาเวลาเล่นที่เหมาะสม เข้าใจการเล่นเป็นรอบๆ เพราะในกราฟมีแค่สองรอบเท่านั้นที่จะทำกำไรได้
นอกนั้นมักจะขาดทุน (sideways) และยังทำให้นักลงทุนเข้าใจว่าช่วงเวลาไหนเหมาะกับนิสัยเรา
เราว่างแบบไหนก็หาช่วงเวลาเล่นตามระดับช่วงเวลานั้นๆ
การศึกษาธรรมชาติมักจะเกิดซ้ำๆให้เห็นเสมอๆ ไม่เว้นแบบกระทั่งรูปแบบต่างๆ
ก็จะเกิดซ้ำไปซ้ำมาเสมอ ๆ อยู่ที่จังหวะว่าเรามาทันมั้ย รอได้มั้ย และกำลังเล่นช่วงไหนอยู่

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘