จดหมายระหว่างลุงขวดและพี่ครรชิต 3

ขออนุญาตนำ จดหมายถึงลุงขวด และ ความคิดเห็นของเพื่อนๆ ให้มาอยู่ติดๆกัน EPISODE 3

จดหมายจาก ครรชิต ไพศาล 6/12/45

ครรชิต wrote:
ถึง ลุงขวด และ เพื่อนๆ ที่แวะ เข้ามา คุยด้วย ทุกคน ครับ วันนี้ ผมมีเรื่อง เจ็บช่ำ น้ำใจ ของผม คนยุคฟองสบู่แตก เหมือนกับลุงขวด มาเล่าให้ลุงฟังอีกเรื่อง

คือ เรื่อง หนี้ ครับ เรื่องมันเป็นอย่างนี้ ครับ

เมื่อผม เรียนจบ มาเป็น วิศวกรไฟฟ้า หนุ่มซิงๆ จากจุฬา ก็ลงมาทำงาน คุมงานติดตั้ง ระบบไฟฟ้าอยู่ที่โรงพยาบาล มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ก็เลย ได้รู้จัก เพื่อน วิศวกรโยธา จบจาก มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ คบหา กินเที่ยว กันมา จนสนิทสนม จนเป็นเพื่อนซี่กัน ต่างคนต่าง เจริญเติบโต ในหน้าที่ การงานอาชีพ ของตัวเอง จนประมาณ 4-5 ปี ก่อนฟองสบู่แตก เขามาบอกว่าเขา จะตั้งบริษัท ก่อสร้างเป็นของตัวเอง อยากให้ผม ลงหุ้นด้วย

ผมเห็นว่าเพื่อนจะก่อร่างสร้างตัว ก็เอา ด้วย ลงหุ้นส่วนกับเขา ก็ลงไป 10% ของบริษัท รับงานชิ้นแรกก็มีกำไร ทำงานต่อใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ จน รับงานราชการ ระดับ 100 ล้าน เงิน ติดขัด เมื่อไร ก็มาหยิบ ยืม ต่างหาก เข้าไปเกือบ ล้าน จ่ายดอกเบี้ย กันเป็นประจำ จนมาถึงวันฟองสบู่แตก ผลประกอบการ ออกมา บริษัท พัง ดอกเบี้ยไม่มีจ่าย เงินต้นก็ไม่ได้คืน เงินลงหุ้นก็หายหมด รวมแล้ว ก็ประมาณ 1 ล้าน แถมดันให้โฉนดที่ดิน อีก 1 แปลง ให้เขาเอาไปค้ำประกันสัญญา งานก่อสร้างที่สร้างเสร็จแล้วอยู่ในระยะค้ำประกัน ยังติดอยู่จนบัดนี้ ในขณะที่ หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ที่ถืออยู่ ก็หายไปล้าน กว่าบาท อย่างที่เล่าไปใน จดหมายฉบับ ที่แล้ว

ช่วงนั้น ก็นอนไม่หลับเหมือนกัน การสูญเสียในหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ นั้นผมยอมรับได้ว่ามีเป็นการลงทุนในวิธีที่ผิด ของผมเอง ผมไม่โทษใคร แต่ที่เพื่อนมัน ยืมไป เอาไปทำพังยับเยิน ผมยังนึกว่ามันเป็น หนี้ผม มันต้องหามาคืนให้ผม นึกอยู่อย่างนี้ ก็ตามทวง กันอยู่ ทวงแล้ว ทวงอีก เพื่อนมันก็ไม่มีให้ มันบอกทั้งปูนทั้งเหล็ก ขึ้นราคา ทำให้ขาดทุนจนหมดตัว ตัวเขาเองก็เหลือแต่ตัว

ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไร นึกอยู่แต่ว่า เขาเป็นหนี้เรา อยากจะได้คืน เงินของเรา ที่ อุตสาห์ อดออม ทนนั่งหลังขดหลังแข็ง นั่งเขียนแบบ ออกแบบ ระบบไฟฟ้า กว่าจะได้เงินมา สู้ อดออม มาตั้งหลายปี อยากจะได้คืน ๆ

นึกอยู่อยากนี้นอนก็ไม่หลับ ทำงานไม่ได้ เป็นทุกข์มาก มากจริงๆ พอมากเข้า ๆ ก็รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว สุขภาพแย่ เลยมานั่ง พิจารณา ตัวเอง ว่าที่เราทุกข์ อยู่ทุกวันนี้ เพราะ เราอยากให้หนี้เสีย มันกลาย กลับ มาเป็น หนี้ดี จะได้เงินกลับมา ทั้งๆ ที่ไม่มีทาง

เลยกลับความคิดเสียใหม่ คิดเสียว่า ยกเงินนี้ให้เพื่อน ถือเสียว่า ซื้อเพื่อน ซื้อประสบการณ์

ความผิดไม่ได้เป็น ที่เขา ที่ทำให้เงินเราสูญเสียไป แต่เป็นเพราะ เงินมันอยู่ในบัญชีธนาคารของเรา เราดันให้เงินเขายืมไปเอง ถ้าเราไม่ให้เขายืม ก็ได้ แต่เราก็เลือกที่จะให้เขายืม เพราะอยากได้ดอกเบี้ยจากเขา เมื่อผมทำใจยอมรับ และ ยกหนี้ให้เพื่อน ใจมันก็ โล่ง เบา สบาย หายทุกข์ นอนหลับได้ ทำงานได้ ไม่คิดมาก เพื่อนก็ยังคบหาเป็นเพื่อนกันอยู่เหมือนเดิม

มันไม่น่าเชื่อ ระหว่างความคิด ที่ว่า จะเอาคืน ถึงแม้จะเป็น สิ่งที่เราคิดว่ามันเป็นของเรา กับ การให้ มันคือ ความทุกข์ กับ ความสุข

คิดที่จะเอา นี้มันทุกข์นะ แต่ คิดที่จะให้ โดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทน นี้มันสุข สุขจริงๆ นะจะบอกให้ !

พระพุทธเจ้า ท่าน บอกว่า “ หนี้ เป็นทุกข์ ในโลก” เมื่อก่อนนี้ ผมคิดแต่ว่า การเป็นลูกหนี้ เป็นทุกข์ ในโลก ฝ่ายเดียว เจ้าหนี้ ไม่เป็นทุกข์ ในโลกนี้ ผมเพิ่งมาเห็นสัจธรรม ของพระพุทธองค์ เอาคราวนี้เอง ว่าเจ้าหนี้ ก็ต้องรับทุกข์ แห่งหนี้ ที่ก่อขึ้น จากผลแห่งกรรม ที่ตัวเอง ได้ก่อขึ้น เช่นกัน และ ก็ได้รับ แสนสาหัส กว่า ลูกหนี้เสียอีก เมื่อมาเจอ ลูกหนี้ ยุค IMF ที่พูดว่า “ ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ” เพราะเขาได้เงินจากเราไปแล้ว เจ้าหนี้เป็นฝ่ายเสียมากกว่า

ผมเลย ขอตั้งจิต อธิษฐาน ไว้ว่า นับต่อแต่ นี้ไป จะไม่ ก่อ กองเวร กองกรรม แห่งหนี้ ขึ้นอีก ไม่ ว่าจะในฐานะ ของ ลูกหนี้ หรือ เจ้าหนี้ จะต้องหาวิธีปฏิเสธ ให้ นิ่มนวล เวลาเพื่อนๆ ญาติๆ มาออกปากขอยืมเงิน
ผมวางแผนไว้แล้วว่า จะบอกว่า

เอาเงินไปซื้อหุ้นไว้ รอ รับปันผล หมดแล้ว ไม่มีเงินสดเหลือ ในธนาคารเลย
พอเงินปันผล ออก เขามายืม ผมก็จะบอกเขาไปว่า
เอาเงินปันผล ไปซื้อหุ้นรอรับปันผลเพิ่มขึ้น หมดแล้ว ไม่มีเงินสดเหลือ ในธนาคารเลย เช่นเดิม

( ปกติ ผมมี เงินสำรองใช้จ่าย ที่เก็บไว้เป็นเงินสด ในธนาคารเพียง 3 เดือน และ รายรับประจำเดือน จากค่าเช่าบ้านเล็กน้อย พอเป็นค่าใช้จ่าย รายเดือนอยู่แล้ว พอใช้จ่ายพอใช้ ครับ เพราะเป็นคน ประหยัด อดออม อยู่เรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ ที่สงขลา ค่าครองชีพก็ต่ำ )

สรุป ว่า ไม่ให้ยืม และ ผมก็จะไม่ปฏิบัติผิด ศีล ข้อ มุสา จาวา โกหก เขา เพราะ ผมตั้งใจไว้ว่าจะทำอย่างนั้นจริงๆ

ผมตั้งใจจะสะสมหุ้น ปันผล และ หุ้นที่มีผลประกอบการที่ดี แทนเงินฝากประจำธนาคาร จะขอเป็น คนบ้าหุ้น เหมือนที่ ดร. นิเวศน์ เขียนบทความ “คนบ้าหุ้น” ไว้ (ถ้าใครยังไม่ได้อ่าน ก็หาอ่านได้ใน SETTRADE.COM นะครับ)

สุดท้ายนี้ ผม หวังว่า ลุงขวด และ เพื่อนๆ คงจะเป็น คนบ้าหุ้น ตามความหมาย ของ ดร. นิเวศน์ เช่นเดียวกับผม เหมือนกันนะ ครับ



จดหมายจาก ครรชิต ไพศาล 6/12/45
ครรชิต wrote:
ลุง ขวดครับ สำหรับหุ้นดีมีคุณค่า ในความคิด ของผม ไม่จำเป็นต้องมีสภาพ คล่องก็ได้ครับ เพราะผมจะซื้อเก็บ ไม่ได้ซี้อมาเพื่อขาย เพราะมี Value Investor อีกหลายคนที่ยังไม่แสดงตัวให้พวกเราเห็น ได้เข้ามาถือเก็บไว้ทั้งนั้นครับ ขอความกรุณา พวกน้องๆ ที่ชอบเล่นปั่นหุ้นเก็งกำไร อย่าเข้ามาปั่นให้มัน สูงเกินไปจาก มูลค่าที่แท้จริงของมันก็พอแล้ว ถ้าจะราคาราคาเพิ่ม เพราะมันมีกำไรสะสม ทรัพย์สิน พอพูนขึ้นมาก แล้วราคาค่อยๆ ขยับขึ้น ก็สมเหตสมผล

สภาพ คล่อง มี 500 หุ้น ก็สะสม 500 หุ้น ก็ได้ หุ้นพวกนี้ สะสม หลายๆ ตัว ผมก็ยังนอนหลับ สบายไม่กังวล เพราะราคา มันนอน ดุ๊กดิ๊ก ๆ เป็นดักแด้สะสมพลังงาน เมื่อพลังงานสะสมพร้อมแล้ว มันก็พองตัวเพิ่มขึ้นโผบินเป็นผีเสือ ไปสู่ที่ ที่ผีเสือควรจะอยู่ แล้วออกไข กลายเป็น หนอนและกลายเป็น ดักแด้ นอน ดุ๊กดิ๊ก ๆ สะสมพลังงานอีก เมื่อพลังงานสะสมพร้อมแล้ว วัฎจักรของชีวิต ก็ดำเนินต่อไปอีก ตามรูปแบบพิมพ์เขียวทางพันธุกรรม ของมัน

เมื่อเราเลี้ยงมันไว้จนโต ผลิ ดอก ออกลูก มาเป็นปันผล ให้ คนแก่ๆ อย่างผม อย่าง ลุงขวด ได้เก็บกิน ทุกปี

ถ้า เพื่อนๆ ไม่เชี่อ ลองไปตรวจดูประวัติ ตลอด 5 ปี ราคาของ หุ้นพวกดู

ตัวอย่าง ดู หุ้น TR ที่ผมซื้อ เก็บ ตามสภาพ ตามที่มี และ ตามที่เป็น สภาพ ของเขา ในเวลา 5 ปี ราคาเขา จาก 19.5 บาท มาเป็น 204 บาท (ต้องเรียก ว่า เขา ไม่เรียกว่า มัน เพราะ เขาเป็นลูกหุ้น ของผมแล้ว เหมือน คุณทองแดง ถ้าอยู่ข้างถนน เรียกว่า มัน แต่พอเข้าไปถวายตัวในวังแล้ว ต้องว่าเรียกว่า คุณ ใช่ไหมครับ)

ผมชอบเก็บหุ้น ลักษณะนี้ เก็บไว้ หลายตัว เช่น FE , P-FCB , WACOAL , TF ,TR ,AYUD, TWFP คิดว่า เป็นการ ปลูกผักสวนครัว รั้วกินได้ ไว้เก็บกิน เมื่อ เขาออก ลูกปันผล ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
ไม่อยากเลี้ยงกุ้งเก็งกำไร ต้องนั่ง ถือปืน เฝ้านากุ้ง ไม่ได้หลับไม่ได้นอน กลัวกุ้ง ลอยหัวตาย เป็นโรค หัวเหลืองเรืองแสง กลัวชาวบ้านจะมาขโมยกุ้ง ไปเสียกินเสีย


จดหมายจาก ธิติพล 6/12/45
ธิติพล wrote:
ประสบการณ์ พี่ครรชิตเยอะจริงๆครับ ผมคิดเหมือนกับพี่เรื่องหนี้ เคยให้คนกู้นะครับ ดอกดี แต่สุดท้ายเค้าก็หนี จำนวนเงินคงเทียบกับพี่ไม่ได้ แต่จ่ายค่าเล่าเรียนครั้งนี้ไม่แพงเลย สำหรับซื้อความรอบคอบในการเงิน

เข้าเรื่องหุ้นดีกว่าครับ ผมตั้งใจอ่านหนังสือ ตีแตก เซียนหุ้นพันธุ์แท้ กับวาทะของวอร์เรน บัฟเฟต แล้วครับ มีข้อสังเกตอย่างหนึ่ง ก็คือ ราคาของหุ้นคุณค่าจะไม่ค่อยสัมพันธ์กับ SET index. การบ้านส่ง อ.ลุงขวดของผมคือ TTL ขึ้นเอาๆ เหมือนกับ TR ของพี่ครรชิต วันนี้เขาตั้งขายTTL ที่ 50 บาทขาดตัว ทึ่งจริงๆครับ นึกไม่ถึงว่าหุ้นพวกนี้มี new high แล้วยังจะมี newer high รออยู่อีก พอจะเข้าใจแล้วครับ ว่าทำไมเจ้าของยังนอนหลับทั้งๆที่เหตุการณ์บ้านเมืองผันผวน

ขอถามเฉพาะเจาะจงหน่อยนะครับ หุ้นเกษตรฯอย่าง CHOTI ในปัจจุบัน ที่ราคาลงมามาก เพราะมีปัญหา EU และขาดทุนอยู่ ควรจะเข้าเก็บหรือเปล่าครับ


จดหมายจาก ปรัชญา 6/12/45
ปรัชญา wrote:
พี่ ครรชิต ..ประสพการณ์สูง ดีครับที่นำมาถ่ายทอดให้กับผมและคนอื่นๆได้รับรู้ ได้เพิ่มประสพการณ์ที่ไม่มีโรงเรียนไหนสอนในโลก นอกจากประสพการณ์ที่ได้พบครับ

ผมเคยขายน้ำยาหล่องาช้างเทียมให้กับเพื่อนที่อยู่แม่สาย ยุคนั้นเขาหล่อที่แม่สายแล้วข้ามไปส่งฝั่งพม่า นักท่องเที่ยวไปเห็นก็ซื้อกลับมานึกว่าของจริงถูกดี แต่ไม่รู้หรอกว่าของเทียมทำเรียนแบบสวยมากนะครับ

พอด่านปิด หนี้ผมก็สูญไปด้วย ผมก็ตามไปขอทุนคืนส่วนกำไรไม่เอา เพื่อนมันบอกว่าเหลือแต่ชีวิต(มึงจะเอาอะไรกับกู)ขออภัยสำหรับภาษาพ่อขุนราม ครับ จากพ่อค้าที่หล่อเขี้ยวเสือ เขี้ยวหมูป่า หล่องาช้าง หล่อเขากระทิง หล่อเขาละมั่ง หล่อหัวเสืออ้าปากแล้วเอาหนังมาคุม แล้วส่งแล้วข้ามไปขายฝั่งพม่า พอปิดด่านก็เก็บเงินไม่ได้พอด่านเปิดผมก็ดีใจคิดว่าพอจะได้เงินคืน บึ่งรถขึ้นเหนือครับไปตามหนี้ แต่ที่ไหนได้เจอแต่เมียเพื่อนเลี้ยงลูก2คน จากก่อนนี้เป็นเจ้าของโรงงาน กลายมาหมดเนื้อหมดตัวบ้านที่ดินโรงงานถูกแบ็งค์ยึดหมด แทนจะได้หนี้กลับกลายกับสงสารเขา ไอ้เพื่อนเราตายแล้วเพราะเป็นเอดส์ ด้วยความสงสารเขาเลยฟักกระเป๋าหยิบเงินให้เมียเพื่อนอีก2พันไว้เลี้ยงลูก โหสิให้ทั้งหมด หมดเวรหมดกรรมซึ่งกันและกันครับ

เรื่องหุ้นนี่เมื่อก่อนผมก็เล่นตั้งแต่ดัชนี400กว่าจนขึ้นไป1700 สมัยนั้ไม่เคยคิดเป็นนักลงทุนหรอกครับ ซื้อขายไปวันๆได้ลุ้น ตื่นเต้น สนุกดีครับ จากเดินขบวนจนซัดดำ จนปิดไฟแนน หมดมากที่สุดก็ ยุครัฐบาลเชาวลิตล่ะครับ nava ธนสยาม ตะวันออก วอลสตรีท ยุคนั้นใครๆก็ถือแต่ไฟ ไฟมันเลยไหม้มือ แทบหมดเนื้อหมดตัว หุ้นลงยังพอขายขาดทุนได้เงินคืน แต่พวกแก้ปัญหาง่ายๆปิดเลยเจ๊งค่อนประเทศละครับ ผมเสียสูญมากเลยครับหยุดเล่นหุ้นช่วงดัชนีเหลือราวๆ700จุดขาลง โมโหเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุลใหม่เลย พอดัชนีมาถึง200กว่าๆราว270นี่ล่ะผมก็หลงไปซื้อหุ้น UGP ตอนประกาศจ่ายเงินปันผล5บาทแต่ราคาในกระดานอยู่ที่34.75ผมซื้อไว้ได้75500 หุ้น เพราะคิดว่ามันตกต่ำเกินความเป็นจริง ปันผลสิบกว่า%ทำไมไม่มีคนสนใจรับปันผลมาปีที่1 5บาท ปีต่อมา7บาท ปีต่อมา11บาท และปีสุดท้าย14บาท จนถูกทีไอจีซื้อไป

ส่วนหนึ่งที่ผมเปลี่ยนมาเล่นหุ้นถือยาวเพราะอ่านหนังสือตีแตกของท่าน ดร.นิเวศน์ด้วยครับ เลยกล้าถือ เคล็ดลับเท่าที่จับได้จากหนังสือ ท่านว่าผลประกอบการ บริษัทเล็กๆ ผู้บริหารมีจรรยาบรรณ ซึ่งเราสามารถตรวจสอบได้ว่าเอาหุ้นมาเล่นรอบในตลาดเหลือเปล่า
วันนี้คุยยาว ขอบคุณที่ให้เกียรติได้เป็นน้องนะครับผมอยู่ขอนแก่น พี่อยู่สงขลา อีสานกับใต้เลย หากโอกาสหน้ามีจะมาเล่าอะไรต่อมิอะไรแลกเปลี่นกันนะครับ


จดหมายจาก ครรชิต ไพศาล 6/12/45
ครรชิต wrote:
น้องธิติพล ยินดีที่ได้รู้ จักชาว ปราสาทแดง รุ่นน้อง ผมเกิดก่อน หลายปี แผลเป็นก็ย่อมมีมากกว่าเป็นธรรมดา

โดยส่วนตัวผม หลังจากผมได้อ่านหนังสือของ ปรมาจารย์ Value Investor แล้ว ผมซื้อหุ้น โดยดูแต่ว่า ราคาหุ้น ที่ Mr. Market มาบอกขาย นั้น ว่ามีค่า ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ของหุ้นตัวนั้นหรือไม่ ผมจะไม่สนใจ SET index เลย ถ้าผมพิจารณา ว่ามันต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง และให้ปันผลเป็นที่พอใจของผมหรือไม่ ในขณะที่ผมมีเงินออมเหลืออยู่ในธนาคาร ได้ ดอกเบี้ย 2% หักภาษีเงินฝาก 15% ของดอกเบี้ย หักด้วยอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งปีนี้เท่าไรก็ไม่รู้ ผมว่า รายได้จากดอกเบี้ยของเราคงติดลบแล้วนะ นั้นหมายความ ว่า เราจนลงทุกวันที่เราฝากเงินไว้ในธนาคาร เพราะฉะนั้นผม จะรับซื้อ หุ้นที่ Mr. Market มาเสนอขายให้นั้น เก็บไว้กินปันผล แล้วผมก็ เข้านอนในตอนค่ำ โดย ไม่มีความกังวลใดๆ ทั้งสิ้น

เพราะผมคิดว่า เมื่อ ผม เอา Hydrometer (เครื่องวัดความถ่วงจำเพาะ) ไปใส่ในของเหลวชนิดใด ก็แล้วแต่ ถ้าเรากดมันลงไปต่ำกว่า ค่าความถ่วงจำเพาะที่แท้จริงของมัน แล้วปล่อย ในที่สุดมันก็จะลอยกลับ ขึ้นมาอยู่ที่ค่าความถ่วงจำเพาะที่แท้จริงของมัน ในทางตรงกันข้าม เมื่อเรายกมันขึ้นไปสูงกว่า ความถ่วงจำเพาะที่แท้จริงของมัน แล้วปล่อย มันก็จะตกกลับลงไปอยู่ที่ค่าความถ่วงจำเพาะที่แท้จริงของมัน ทุกสิ่งเป็นไปตาม กฎแห่งความถ่วงจำเพาะ นี้ทั้งสิ้น

สำหรับ CHOTI นั้น ดร. นิเวศน์ ได้ยก งบดุล ขึ้นมาเป็นกรณี ศึกษา ใน หนังสือ ตีแตก
น้อง ธิติพล ก็ลอง กลับไปดู งบดุล ปัจจุบัน ของเขาดู ว่า น้อง จะให้ มูลค่าที่แท้จริง ของมันเท่าใด ดูตามวิธี ที่ ดร. นิเวศน์ สอน ดูแล้วก็ตัดสินใจด้วยตัวเอง ด้วยความมั่นใจ จะถูกหรือผิด ก็ต้องยอมรับ ในการตัดสินใจนั้น

สำหรับพี่ อย่างที่บอก ไม่อยากเลี้ยงกุ้งเก็งกำไร ต้องนั่ง ถือปืน เฝ้านากุ้ง ไม่ได้หลับไม่ได้นอน กลัวกุ้ง ลอยหัวตาย เป็นโรค หัวเหลืองเรืองแสง กลัวชาวบ้านจะมาขโมยกุ้ง ไปกินเสีย เลยไม่มีความรู้เรื่องกุ้ง แต่ถ้าไม่มีปัญหา เรื่องโรคกุ้งและสารตกค้าง แล้ว กุ้งก็กินอร่อยดีผมก็ชอบกิน


จดหมายของ ลุงขวด 6/12/45
ลุงขวด wrote:
อ่าน ประสบการณ์แต่ละคน ก็โดน พิษ เศรษฐกิจ กันทั้งนั้น.......โชคดีผมเอาแต่เงินออมมาเล่น(เคยทดลองเล่นmargin เพราะความรู้ซึ่งจะเล่าตอนท้าย)......ติดสูงก็ไม่เป็นไร.......ตั้งแต่เล่น มา ก็ แบบที่ ดร.นิเวศน์ว่า แหละครับ หาเงินมาก็มาลงกับหุ้น สนุกกับมัน ปีแรก เสีย ครับ ต่อมา อีก 3 ปี ได้เล็ก ๆ น้อย ๆ จากนั้นอีก 5 ปี เป็นปีแห่งฟองสบู่แตกเศรษฐกิจขาลง หุ้นก็ลงตลอดขาดทุนทั้ง 5 ปีเลย และ ขาดทุนมาก ๆ เสียด้วย........หลังจากนั้น ก็ เป็น สี่ปีย้อนหลังจากปัจจุบัน ได้ตลอดเลยที่เสียไปหลายๆ นั้น ก็เอาคืนหมดแถมได้กำไรแบบไม่คาดคิดเสียด้วยซิ.............นี่ได้กำไร 4 ปีหลัง นี้ ก็เล่น แบบเลือกหุ้นพื้นฐานและถือยาว แบบเดียวกับ ดร นิเวศน์เขียนแหละครับ...........ผมซื้อ wacoal แถว 76 บาท ซื้อ ไทยรุ่งตอนนั้นไม่มีคนเล่น จำได้ว่า แถว 30 บาท หรือไงไม่ทราบ..........ตอนนั้นเล่นห้องสนทนา พันทิพย์......ยังเชียร์ให้เพื่อน ๆ ดูกัน......คุณกล่องดำ(คนนี้มือหนึ่งระดับ ปรมาจารย์) เรียกหุ้น wacoal ว่า สำรวจตลาด......คือไปสำรวจว่า สตรีใช้ ยี่ห้อ วาโก้ กันมากไหม.......ผมเรียก ไทยรุ่ง ว่า ไทยรุ่งเรืองตลอดกาล.....และอีกตัว ที่ ผมเก็บถือจนปัจจุบันนี้ ก็หุ้น นำโชคหรือแสวงหาโชค lucky textile....ตอนนี้ถือไทยรุ่งกับ ltx ตัวแรกปล่อยไปแล้ว

ตอนปีแรก ๆ อยากศึกษาว่า margin เขาเล่นกันอย่างไร........ทั้ง ๆ ที่ มีเงินออม......ก็เปิดบัญชี margin ทดลองดู เพราะ มีคนบอกว่า หุ้นขาขึ้นต้องทุ่ม ถึงแม้ เล่น แบบ margin นี่ก็ยังได้กำไร........อย่าไปเล่น เลยนะครับ มันอันตรายมาก เพราะต้องเล่นเร็วมาก มันคล้าย ๆ กับเล่น การพนันไปเสียแล้ว มาร์เก็ตติ้งก็เชียรให้ซื้อให้ขายตลาด ถ้าติดไม่ ยอมขาย ก็จะโดนดอกเบี้ยไปทบแถมให้ด้วย คือ margin เป็น การกู้เงินเขามาเล่น โดยเขาให้เงินอีกเท่าตัว.......บอกมือใหม่ ๆ ได้เลยว่า อย่าไปยุ่งเกี่ยวดีกว่า......เขาสำหรับมืออาชีพเท่านั้น และต้องระดับ ปรมาจารย์ด้วย ผมยังไม่กล้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเลย.......ไม่ใช่ แบบที่ผมชอบ

เรื่องเพื่อนไม่ยอมจ่าย ก็โดนกันทุกคนแหละครับ บางคนก็ไม่ยอมจ่ายเพราะไม่สามารถหามาคืนได้ บางคนไม่ยอมจ่ายเพราะตั้งใจก็มี......ถ้าโดนแล้ว ก็ อโหสิ ให้กันไป......ทำตัวให้สบาย รักษาศีล 5 เท่าที่จะทำได้ เดินสายกลาง ผมก็ว่า ประสบความสำเร็จในชีวิตแล้วครับ


จดหมายจาก ปีเตอร์ ชาง 6/12/45
ปีเตอร์ ชาง wrote:
ผม หาตัวเจอแล้ว คนที่ซื้อ TR ตอน 19 บาท หุหุ ตอนนั้น ผมยังทำงานตัวเป็นเกลียวอยู่นอกตลาดเลยครับ ไม่ได้สนใจ ผมยังนึกเลยว่า จะมีใครซื้อแล้วถือยาวขนาดนั้นไหมเนี่ย ไม่น่าเชื่อว่ามีครับ

ที่จริงแล้ว เรื่องเงินเรื่องทองนั้น ผมเคยได้ยินลุงคนนึงพูดไว้ ฟังแล้วสบายใจดี เขาบอกว่า "เงินถ้ามันจะเป็นของเรา ยังไงมันก็เป็นของเรา ถ้ามันไม่ใช่ของเรา ยังไงมันก็ไม่ใช่ของเรา"

ผมเองเชื่อเรื่องหนี้กรรมนะครับ บางทีการที่คุณๆเสียเงินให้คนอื่นนั้น ก็อาจจะเป็นเรื่องดี เพราะชาติก่อนเราไปติดหนี้เขาไว้ ชาตินี้เขามาเอาคืนไป ใช้หนี้เสร็จแล้ว เราก็ตัวเบา สบายๆแล้ว


จดหมายจาก fat boy 6/12/45
fat boy wrote:
ผม เป็นนักเก็งกำไรใหม่ๆ ในขอนแก่น แค่เล่นไม่ถึง 2 ปี ก็เลือดสาดจนเกินแก้ แปลกใจจริงที่ตัวเองมีความรู้เกี่ยวกับหุ้นลักษณะนี้ทุกอย่าง หุ้นดี P/E ตำ P/BV ตำ แต่ตัวเองไม่เคยทำได้เก็งกำไรไปวันๆ ครั้งนึงผมเคยบังเอิญ เห็นหุ้นที่คุณ ปรัชญาถือใน PORT ผมรู้สึกดีมาก ที่ได้เห็นคนที่ถือหุ้นในลักษณะดีเยอะๆ มากกว่าหุ้นที่เคลื่อนไหวดี สภาพคล่องสูงพร้อมทั้ง พีอี สูง หวังว่าจะได้มีโอกาสได้รู้จักตัวจริงพี่ๆบ้างนะครับ และอยากกลับตังเป็น VALUE INVESTOR ได้จัง


จดหมายจาก ศิรชน 6/12/45
ศิรชน wrote:
ดี จริงครับที่มาเล่าประสพการณ์ ผมชอบอ่าน อ่านแล้วก็มีกำลังใจว่า มีคนที่เคยผ่านเหตุการณ์มาคล้าย ๆ กันและต่อสู้ไม่ท้อแท้ครับ ไม่คิดจองเวร


จดหมายจาก อ-ริน 6/12/45
อ-ริน wrote:
มาอ่านประสบการณ์ เก็บไว้เป็นต้นทุนค่ะ

ไม่ทราบว่าพี่ๆสนใจหุ้นนิ่ง(เกือบสนิท)โรงพยาบาลบ้างหรือเปล่าคะ
ได้เก็บไว้ตัวหนึ่งคือรพ.กรุงธน เนื่องจากนโยบายปันผล70 เปอร์เซ็นต์
กำไรต่อหุ้นสามไตรมาสเท่ากับ 2.60 บาทค่ะ
ได้จากการเปิดลองสเตย์ให้คนแก่ต่างชาติพักซะเยอะ ส่วนรพ.ไม่ดังนัก

ตอนแรกไม่รู้จักเลย แต่เห็นผู้อาวุโสที่ห้องค้าท่านเก็บจัง
ก็เลยไปไต่ถาม ได้ความอย่างที่ว่านี่แหละค่ะ
ถ้ามีใครรู้จักตัวนี้ก็อยากให้ช่วยวิจารณ์....ขอบคุณค่ะ


จดหมายจาก ปรัชญา 6/12/45
ปรัชญา wrote:
ถ้าคุณtat boy อยากรู้จัก
ถามคุณรัศมีที่เคเคได้(รองผู้อำนวยการ)
ขอบคุณที่ให้เกียรติชม
ตอนนี้ผมถือไว้แค่4บริษัท
ลงทุนอันดับ1 FE AHC M-CHAI FANCY
ไม่ได้ขายถือรอปันผล ส่วนที่เล่นประจำก็ CSC VNG SVOA KGI ตามข่าวไม่ค่อยได้ถือข้ามวัน
บางวันก็เสียบางวันก็พอได้ บางวันไม่ได้เทรดเลยครับ

ที่ชอบหุ้นโรงพยาบาล เพราะเราเข้ารักษาโรงพยาบาลเอกชนไม่เคยเห็นใครต่อรองราคา หมอคิดเท่าไหร่ก็จ่ายกันเท่านั้นจริงไหมครับคุณLOSO

อีกอย่างพอคนเราอายุ40ขึ้น โรคภัยไข้เจ็บก็เริ่มมาเยี่ยมเยียน ไม่อยากเป็นก็ยังยัดเยียดจนเป็นนะครับ
เมื่ออาทิตย์ก่อนผมไปโรงพยาบาลหูตาคอจมูกที่แถวปิ่นเกล้า เพราะมีเสียดังในหัวทั้งวันทั้งคืน คนไข้งี้แน่นเอียดเลย คุณหมอก็สั่งเช็คการรับฟังด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ พูดตามคูณหมอบอกโดยให้ฟังซาเบาร์
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงค่าตรวจ350บาท เราอยู่ไกลจากกรุงเทพเรามันเด็กภูธร ขอยามากิน1เดือน
รู้สึกว่ามียาแก้ภูมิแพ้ยารักษาปลายประสาทหู ยากันบ้านหมุน ยากล่อมประสาท รวมเข้าไปเฉียดพัน ไม่ได้ต่อเลยซักบาท จ่ายบัตรเครดิตคิดราคาเต็ม จ่ายเงินสดลด3%เดือนหน้าก็คงต้องเอาเงินไปให้เขาอีก

ญาติที่บ้านขอนแก่นป่วยเข้าโรงพยาบาลขอนแก่นรามค่าห้องวันละ1200บาท มันโหดกว่าโรงเเรมอีก ปรึกษาแพทย์ครั้งละ2-3ร้อย กว่าจะวินิจฉัยโรคอีกจ่ายอย่างต่ำก็2-3หมื่นแค่นอน4-5วัน รับเละครับโรงพยาบาล

อีกอย่างประกันก็เข้าโรงพยาบาล อุบัติเหตุเมื่อก่อนชนแล้วทิ้ง พาส่งโรงพยาบาลเอกชนก็ไม่รับสมัยก่อน เดี๋ยวตั้งแต่มีประกันบุคคลที่3รับทันทีเพราะเบิกได้

นักวิเคราะห์ว่าโรงพยาบาลไม่ดีหุ้นกลุ่มนี้ แต่ผมมองกับกันว่าดี เพราะ30บาทพอไปก็ให้ยาแก้ปวดแล้วไล่กลับ ชนชั้นระดับกลางที่มีประกันสุขภาพ ประกันสังคม
อย่างท่านที่เบื่อการเข้าคิวรับรองมาเอกชนรวมถึงผมด้วยและหลายๆคนก็เป็นเช่นนั้น

อย่างนายแพทย์รุ่งธรรม ลัดพลี แพทย์ประจำพระองค์ท่านที่ขับรถชนท้ายรถเหล็กตายที่เพชรบุรีก็ถือหุ้นโรง พยาบาลเอกชน ชลบุรีAHC 6หมื่นกว่าหุ้นถ้าจำไม่ผิดผมถึงซื้อหุ้นโรงพยาบาลไว้ลง
ทุน

องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ถือหุ้นโรงพยาบาลกรุงเทพฯเลยครับ ลองไปค้นรายนามผู้ถือหุ้นย้อนหลังดูได้ หากล่วงเกินเบื้องสูงก็ขออภัยโทษที่กล่าวพาดพิงแต่นี่คือความจริงครับ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘