2006 Berkshire Hathaway Annual Shareholders Meeting

บรรยากาศก็คล้าย ๆ กับปีก่อนที่ผมเคยโพสไว้ครับ วันศุกร์มีงานเลี้ยงต้อนรับผู้รับหุ้นที่ Borsheim’s คนเยอะมากเช่นเคย ส่วนวันเสาร์ที่ 6 พ.ค.ซึ่งเป็นวันประชุม ผมไปถึงหน้าประตูราวตี 4 (ปีที่แล้วไปเร็วกว่านี้) คนที่มาเป็นคนแรกหอบผ้าห่มมานอนหน้าประตูตั้งแต่ตีหนึ่งได้ให้สัมภาษณ์ออก ทีวีด้วย ประตูศูนย์ประชุมเปิด 7 โมงเช้า พอประตูเปิดทุกคนก็พากันวิ่งไปจองที่นั่งด้านหน้า ๆ พอจองที่นั่งเสร็จแล้วก็ได้เวลาไปเยี่ยมชมและเลือกซื้อสินค้าตามบูธบริษัท ต่าง ๆ ในเครือ Berkshire ปีนี้ของที่ระลึกจะเน้นไปทางเสื้อผ้าครับ มีหลายแบบให้เลือกซื้อ นอกจากนี้ก็มีตุ๊กตาหมี มีที่หนีบธนบัตร ไพ่ หมวก

จาก นั้นเวลา 8.30 จะมี Company movies ให้ผู้ถือหุ้นดูครับ มีหลายเรื่อง เรื่องแรก เป็นการ์ตูนครับ เป็นเรื่องราวของนักประดิษฐ์ต่าง ๆ ที่นำสินค้ามาเสนอต่อ Buffett เพื่อขอเงินลงทุนสนับสนุน Arnold ( คนเหล็ก ) เสนอเครื่องโหวตคะแนนเสียงที่ลงคะแนนให้กับตัว Arnold เองได้คนเดียวเท่านั้น ซึ่งไม่ผ่าน Bill Gates เสนอ Window ซึ่งพอ Buffett ได้ฟังก็ร่ายยาวเลยว่า อ๋อ ระบบปฏิบัติในเครื่องคอมใช่ไหม แต่ Gates กลับตอบว่า เป็นหน้าต่างธรรมดา ๆ ซึ่งก็ไม่ผ่าน Gates ยังเสนอ Firewall ด้วยซึ่งพอ Buffett ได้ฟังก็ร่ายยาวอีกครั้ง แต่ Gates บอกว่าเป็นกำแพงกันไฟธรรมดาๆ สุดท้าย สินค้าที่ชนะคือ หน้าต่างที่เป็นทีวีมีภาพหมาเห่า เรื่องต่อมา วันหนึ่ง Buffett เห็นหุ้น Internet แล้วอยากซื้อเลยโทรไปปรึกษากับ Munger แต่ Munger ไม่เห็นชอบด้วย Buffett อยากซื้อหุ้นตัวนั้นมากเลยโทรไปขอให้ Jamie Lee Curtis (นางเอกเรื่อง True Lies) ซึ่ง Munger ชื่นชอบโทรไปเกลี้ยกล่อม Munger ให้ เรื่องต่อมา Buffett ตีปิงปองกับนักปิงปองเด็กชาวจีน ซึ่ง Buffett แพ้ตลอด Buffett เลยติดสินบนให้เด็กคนนี้ยอมแพ้เป็นเงิน $ 2 แต่เด็กไม่ยอมแพ้และชนะ Buffett เช่นเดิม ข้อความสรุปก็คือ ทุกวันนี้เงินแค่ $ 2 ซื้ออะไรไม่ได้อีกแล้ว Company movies ยาวประมาณ 1 ชม.ครับ

ครั้นพอ ถึงเวลา 9.30 น. Buffett, Munger และคณะกรรมการอย่าง Bill Gates, Tom Murphy, Don Keough ก็เดินเข้ามา ปีนี้ Buffett เริ่มต้นงานด้วยการประกาศถึงการซื้อกิจการบริษัท Iscar ซึ่งเพิ่งมีการเซ็นสัญญาเมื่อวาน Buffett บอกว่า deal นี้เป็น deal ที่ Munger กระตือรือร้นไม่น้อยไปกว่าตัวเขา Munger ชื่นชมคุณภาพของผู้บริหารบริษัท Iscar เป็นอย่างมากว่าเก่งและยังอายุน้อย การซื้อกิจการครั้งนี้เป็นการซื้อกิจการซึ่งตั้งอยู่นอกประเทศอเมริกาเป็น ครั้งแรก

ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างคำถามครับ :

คำถาม : สำหรับธุรกิจวัฏจักรอย่างเช่นน้ำมัน ควรจะมีระบบให้ผลตอบแทนแก่ผู้บริหารอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดการจ่ายผลตอบแทนเป็นจำนวนสูงเกินไปในช่วงที่ธุรกิจบูม และไม่ให้เกิดการจ่ายผลตอบแทนเป็นจำนวนต่ำเกินไปในช่วงที่ธุรกิจย่ำแย่
Buffett ตอบ : ถ้าเราเป็นเจ้าของกิจการบริษัททองแดง เราจะวัดประสิทธิผลของผู้บริหารจากต้นทุนการผลิต ไม่ใช่ราคาทองแดง เนื่องจากผู้บริหารสามารถควบคุมการดำเนินงานได้ แต่ไม่สามารถควบคุมราคาตลาดได้ การให้ผลตอบแทนควรจะดูจากสิ่งที่ผู้บริหารสามารถควบคุมและส่งผลกระทบได้ Buffett ยังบอกด้วยว่า ความริษยาเป็นสิ่งที่โง่เขลาที่สุดในบรรดาบาปร้ายแรงเจ็ดประการ เมื่อไรก็ตามที่คุณรู้สึกริษยาคนอื่น คุณจะรู้สึกเป็นทุกข์ ในขณะที่บาปประเภทอื่น ๆ อย่างเช่น ความตะกละ คุณจะไม่รู้สึกเป็นทุกข์ แต่กลับรู้สึกเป็นสุข

คำถาม : ปัจจุบัน กองทุนประเทศ ซึ่งเป็นกองทุนปิดมักจะซื้อขายกันที่ราคาสูงกว่า NAV มันสมเหตุสมผลหรือไม่ ?
Buffett ตอบ : พรีเมี่ยมที่เกิดกับกองทุนปิด โดยมากจะเป็นเรื่องไม่สมเหตุผล ถ้าผมจะซื้อกองทุนปิดที่ราคา 1.2 เท่าของ NAV ผมต้องเชื่อมั่นว่า ผู้จัดการกองทุนดังกล่าวมีความสามารถเป็นเลิศ

คำถาม : คุณได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับ การลงทุนในเทคโนโลยีบ้าง ?
Buffett ตอบ : ผมรู้เรื่องเทคโนโลยีมากพอจนทำให้รู้ว่าตัวเองไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับ เทคโนโลยีมากนัก เราเข้าใจขอบข่ายความสามารถของเรา อย่างบริษัท Iscar (ที่พึ่งซื้อมา) จะเติบโตขึ้นอีกใน 5 ถึง 10 ปีข้างหน้า แต่ตัวปัจจัยพื้นฐานจะไม่แตกต่างไปจากเดิม ในทางตรงกันข้าม ตลอดช่วง 5 ถึง 10 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจเทเลคอมมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก Munger เคยพูดว่า เรามีกล่องอยู่ 3 กล่องคือ In, Out และ Too Hard

คำถาม : คุณคิดอย่างไรต่อการลงทุนในเอธานอล ?
Buffett ตอบ : เรามองไม่ออกว่า ผลตอบแทนต่อเงินลงทุนในธุรกิจเอธานอลจะเป็นอย่างไรในช่วง 5 ถึง 10 ปีข้างหน้า ผมไม่รู้ว่ารัฐบาลจะมีการควบคุมการผลิตและการใช้เอธานอลอย่างไร และมันจะเปลี่ยนแปลงไปหรือเปล่า ผมรู้แต่ว่าธุรกิจเอธานอลกำลัง Hot ซึ่งโดยปกติแล้ว ถือเป็นสัญญาณที่ไม่ดี ที่ผ่านมา ธุรกิจแปรรูปเกษตรกรรมให้ผลตอบแทนต่อเงินลงทุนต่ำ ผมมองไม่ออกว่า คุณจะสร้างความได้เปรียบเชิงแข่งขันขึ้นมาได้อย่างไร ?

คำถาม : สินค้าโภคภัณฑ์กำลังอยู่ในภาวะฟองสบู่หรือเปล่า ?
Buffett ตอบ : จุดเริ่มต้นของแนวโน้ม มักจะถูกผลักดันจากอุปสงค์ อุปทาน แต่ต่อมา การเก็งกำไรก็จะเข้ามาแทนที่ มีคำพูดเก่าแก่คือ “คนฉลาดเข้าไปตั้งแต่ตอนแรก ๆ แต่คนเขลาจะเข้ามาร่วมวงด้วยในตอนท้าย” ผมคิดว่าตอนนี้ ทั้ง Commodity และอสังหาริมทรัพย์มีกิจกรรมการเก็งกำไรกันมาก แต่ใครจะไปรู้ว่า มันจะไปได้ไกลแค่ไหน

คำถาม : คุณคิดว่า เทคโนโลยีใหม่ ๆ ทำให้ศักยภาพการทำกำไรของธุรกิจสื่อลดลงอย่างถาวรหรือไม่ ?
Buffett ตอบ : ผู้คนต้องการรับรู้ข่าวสารและความบันเทิงเสมอ อย่างไรก็ตาม เรามีตาแค่สองข้างและมีเวลาแค่ 24 ชม. แต่ก่อน สื่อหลัก ๆ มีแค่โรงภาพยนตร์ท้องถิ่น, วิทยุ และหนังสือพิมพ์ แต่ตอนนี้ มีสื่อมากมายให้เลือก เมื่อไรก็ตามที่มีคู่แข่งขันเข้ามามากขึ้น ศักยภาพของธุรกิจนั้น ๆ ก็จะเสื่อมถอยลง แม้หนังสือพิมพ์จะยังมีผลกำไรสูงอยู่ แต่มันก็เป็นตัวเลขที่ลดต่ำลง อนาคตของธุรกิจหนังสือพิมพ์และสถานีโทรทัศน์ไม่ได้ดีเหมือนอย่างแต่ก่อนแล้ว

คำถาม : ข้อดีของ Contrarian ( การสวนกระแส ) คืออะไร ?
Buffett ตอบ : Contrarian ไม่ใช่สิ่งถูกหรือผิด คุณควรเสาะหาข้อมูลและวิเคราะห์เพื่อหาข้อสรุป หากข้อมูลดังกล่าวเป็นสิ่งสำคัญแต่เรารู้ไม่ได้ ลืมมันซะ ถ้าเรารู้ได้ แต่มันไม่ใช่สิ่งสำคัญ มันก็ไม่มีความหมายอะไร สิ่งที่เราต้องการคือข้อมูลที่สำคัญและเราสามารถรู้ได้ จำไว้ว่า ตลาดไม่ใช่ผู้นำทางแต่เป็นทาสรับใช้ มั่นใจให้ได้ว่า ข้อมูลของคุณนั้นถูกต้อง จากนั้นใช้วิจารณญาณอันสมเหตุสมผลกับมัน แค่นี้คุณก็จะสามารถทำเงินได้มากมาย ในขณะที่คนอื่น ๆ กำลังพบเจอวิกฤต คำถามคำตอบเต็ม ๆ อ่านได้จาก http://www.bankstocks.com/ ครับ

หลัง งานประชุมก็เป็นการเข้าคิวขอลายเซ็นจาก Buffett และ Munger ซึ่งการขอลายเซ็นนี้จัดขึ้นสำหรับผู้ถือหุ้นชาวต่างชาติ ซึ่งข้ามน้ำข้ามทะเลมาเท่านั้น ปีที่แล้ว ผมให้ Buffett เซ็น The New Buffettology ฉบับแปล และให้ Munger เซ็น Poor Charlie’s Almanack ปีนี้ผมให้ Buffett เซ็น The Essays of Warren Buffett และ The Intelligent Investor Munger เซ็น Damn Right ! กับ แบ้งค์ $ 1,000,000,000 ตอนผมยื่นแบ้งค์พันล้านให้ Munger Munger ดูแบ้งค์แล้วก็ส่งเสียง อืม อือ อยู่สักพัก ถึงจะเซ็นชื่อลงไป ผมเดาสนุก ๆ ว่า Munger คงจะตกใจที่คนหน้าตาบ้านนอกอย่างผม รวยน้อยกว่าเขานิดเดียว ปีนี้พิเศษ เพราะ Bill Gates มาร่วมนั่งเซ็นชื่อด้วย ผมก็เลยให้ Gates เซ็นแบ้งค์พันล้านอีกใบ จบจากตรงนี้ ผู้ถือหุ้นก็พากันไปงานเลี้ยงบาบีคิวที่ Nebraska Furniture Mart ครับ ปีนี้ Buffett ไม่มาเลย งานเลี้ยงพวกนี้ในช่วงปีหลัง ๆ Buffett จะไม่ค่อยมาปรากฏตัว เพราะอายุมากแล้วคนก็เยอะมาก อย่างที่ NFM ปีที่แล้ว Buffett ก็มาแค่ 5 นาทีเองครับ

วันอาทิตย์ Borsheim’s ปิดร้านให้เฉพาะผู้ถือหุ้นเข้ามาซื้อของ ปีนี้ Gates มานั่งเล่น Bridge กับผู้ถือหุ้นด้วย ส่วน Buffett ก็เดินไปเดินมาครับ ตอนค่ำ Steakhouse ร้านโปรดของ Buffett คือ Gorat’s เปิดร้านให้เฉพาะผู้ถือหุ้นที่จองโต๊ะไว้เข้าไปทาน Steak (ต้องจองวันที่ 1 เมษายนเพียงวันเดียว) ร้านไม่ใหญ่ ตั้งแต่ช่วง 4 โมงเย็นถึง 4 ทุ่ม เพียง 6 ชม.มีผู้ถือหุ้นเข้ามาทานกันกว่า 1,000 คน คนเยอะมาก Buffett และ Munger จะเข้าไปทานกันในห้องแยกต่างหาก เมนูที่คนส่วนใหญ่สั่งคือ Warren Buffett’s Favorite ซึ่งเป็น T-bone น้ำหนัก 22 ออนซ์ (เข้าใจว่าประมาณ 6 ขีดกว่า) อร่อยมากครับ ทำเอาผมติดใจเลย ระหว่างที่ทาน ผมเห็น Don Keough กรรมการ Berkshire อดีตรองประธาน Coke นั่งอีกโต๊ะหนึ่ง คนนี้ตอนหนุ่มๆ เป็นเพื่อนบ้าน Buffett Buffett เคยชวนให้เอาเงินมาลงทุนกับเขา $ 10,000 แต่ Keough ไม่เอาด้วยเพราะไม่มีเงินพอและไม่กล้าให้เงิน $ 10,000 แก่คนที่ไม่ได้ทำงานอะไรอย่าง Buffett Keough ยังเสียดายไม่หายเพราะถ้าลงทุนไปตอนนั้น ตอนนี้ $ 10,000 ก็จะกลายเป็นเงิน $ 400 ล้านแล้ว

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘