2005 Berkshire Hathaway Annual Shareholders Meeting

ผมเดินทางไป Omaha โดยสายการบิน Korean Airline ใช้เวลา 4.30 ชม.ไปแวะเปลี่ยนเครื่องที่โซล (รอ 3.30 ชม.) และใช้เวลาอีก 12.30 ชม.ไปลงที่ Chicago เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่นี่ เขาถามว่า ผมมาทำอะไร พอผมตอบไปว่า มาประชุม Berkshire ที่ Omaha เขาก็เลยกระเซ้ากลับมาว่า สงสัยผมจะเป็นเซียนหุ้น แล้วเขาก็หันไปคุยเรื่อง Buffett กับเจ้าหน้าที่อีกคนอย่างออกรสออกชาติ จาก Chicago ต้องนั่งเครื่องบินไปอีก 1 ชม.เศษ ๆ ไป Omaha ครับ อากาศที่ Omaha หนาวกว่าที่ผมคิดไว้มาก อากาศช่วงกลางวันอยู่ที่ 6 องศาเซลเซียส เท่านั้นเอง ตอนดึก ๆ กับเช้ามืดจะหนาวมากพอดูทีเดียว มาถึงที่นี่คนแรกที่ผมได้พูดคุยด้วยก็คือ ตำรวจสนามบิน ซึ่งเขาเล่าให้ฟังว่า เขาเคยเห็น Buffett มาที่สนามบินหลายครั้ง เขาบอกว่า Buffett เป็นคนที่ Nice มาก Omaha เป็นเมืองไม่ใหญ่ครับ มีประชากรประมาณ 390,000 คน มีตึกสูง ๆ อยู่ 4-5 ตึกเท่านั้นเอง นอกนั้นจะเป็นแนวราบ ๆ อุตสาหกรรมที่นี่จะเน้นหนักไปทาง ธนาคารและประกันภัย, การแพทย์ และทางด้านเครื่องบินเป็นหลัก คนขับ Taxi เล่าให้ผมฟังว่า Omaha กำลังอยู่ในระหว่างการชักชวนให้ Boeing และ Lockheed มาตั้งสำนักงานใหญ่ที่นี่ Omaha เป็นเมืองที่ความมั่งคั่งต่อหัวสูงที่สุดเมื่องหนึ่งในอเมริกาเลยทีเดียว ทุก ๆ 500 คนจะมี 1 คนที่เป็น Millionaire นอกจากนี้ Omaha ยังติดกลุ่มเมืองที่น่าอยู่ของอเมริกา สถานที่ท่องเที่ยวก็เช่น Henry Doorly Zoo, Durham Western Heritage Museum, Boystown, Jolyn Art Museum เป็นต้น วันแรกผมเลือกไป Henry Doorly Zoo ผมเดินอยู่ 2-3 ชม. ที่นี่จะมี Indoor rain forest ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มี Aquarium และสวนสัตว์กลางคืน King of the night ออกจากสวนสัตว์ ผมไป Durham Western Heritage Museum ที่นี่จะมีประวัติของ Omaha ทั้งการก่อสร้างเมืองในยุคเริ่มต้น, การสร้างชุมชม, โรงพยาบาล, โรงเรียน, สวนสัตว์ และสนามกีฬา ที่นี่จะจำลองร้านขายของชำของต้นตระกูล BUFFETT ไว้ให้ชมด้วย

วัน ที่ 29 ช่วงเวลา 4-10 PM จะเป็น Event แรกของ Berkshire weekend ครับ Berkshire จัด Cocktail reception เพื่อต้อนรับผู้ถือหุ้นไว้ที่ร้าน Borsheim’s คนเยอะมาก ๆ อาหารเครื่องดื่มมีบริการฟรี แต่ถ้าอยากกินก็ต้องเข้าแถวกันยาวเหยียดเลยครับ ผมไม่อดทนพอก็เลยไม่ได้กิน ร้าน Borsheim’ s เป็นร้าน Jewelry ที่ใหญ่ที่สุด หากไม่นับร้าน Tiffany ใน New York และจะขาย Jewelry ในราคาที่ถูกกว่าร้านอื่น ๆ ครับ นอกจาก Jewelryพวกสร้อย, แหวน, ต่างหู ในร้านก็ยังขายนาฬิกา, ปากกา, คริสตัล และของประดับอื่น ๆ อีก เห็นราคาของแล้ว ผมรู้สึกว่าตัวเองจนลงไปแบบเฉียบพลันเลยครับ วันนี้สินค้าที่ขายดีที่สุดในร้านไม่ใช่พวก Jewelry หรอกครับ แต่เป็นเกม Monopoly ของ Berkshire ครับ เกมก็เหมือน Monopoly ทั่วไป แต่กระดาน, ธนบัตรจะมีรูป Buffettกับ Munger ในกระดาน แทนที่แต่ละช่องจะเป็นชื่อจังหวัดหรือประเทศ ก็จะเป็นชื่อบริษัทย่อยของ Berkshire อย่างเช่น Nebraska Furniture Mart และ Borsheim’ s แทน Borsheim’ s มักจะทำสินค้าเกี่ยวกับ Berkshire มาขายครับ ปีที่แล้วจะเป็นตุ๊กตา Buffett กับ Munger ครับ
หมดคืนนี้ก็ถึงวันสำคัญ แล้วครับ วันเสาร์ที่ 30 ซึ่งเป็นวันที่จะมีการประชุม ปีนี้การประชุมจัดขึ้นที่ Qwest Center ซึ่งจัดที่นี่เป็นปีที่ 2 ครับ Qwest Center (มูลค่า $ 291 ล้าน) เป็น Convention center ใหม่เอี่ยมอายุปีกว่า ๆ เท่านั้นเอง ผมตื่นตี 2 ครึ่งเดินทางไปถึง Qwest Center ตี 3 ครึ่ง อากาศเย็นเฉียบเลยครับ ตอนที่ผมไปถึงมีคนรออยู่แล้วประมาณ 20-30 คน พอถึงตี 5 คนก็เพิ่มขึ้นมาเป็นประมาณ 500 คนได้ แต่พอหลัง 6 โมงเช้าแถวก็เริ่มยาวจนมองไม่เห็นคนท้ายแถวแล้ว ระหว่างรอ ผมได้พูดคุยกับผู้ถือหุ้นที่มาจาก London เขามาถึงประมาณตี 4 ทั้ง ๆ ที่มาประชุม 7-8 ครั้งแล้ว เขาย้ำกับผมครั้งแล้วครั้งเล่าว่า รับรองว่าคุ้มค่ากับการมาอย่างแน่นอน ผมได้พูดคุยกับผู้ถือหุ้นจากหลากหลายเมืองและประเทศทั้งจาก California, New York, Alaska, Atlanta , Florida, Sydney, Singapore, UK, และ Brasil แต่ละคนหลงใหล Buffettกันมาก ๆ เลยทีเดียว ไม่น่าเชื่อว่า แค่เป็น Berkshire Shareholder ก็เป็นเพื่อนกันได้ในทันทีและคุยกันเซ็งแซ่ไปหมด ผมว่าคงไม่มีการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทไหนที่ผู้ถือหุ้นจะมีอัธยาศัยดี อย่างนี้ สิ่งที่คุยกันก็เป็นการทักทาย ถามไถ่กันทั่ว ๆ ไปว่ามาจากไหน, มากี่ครั้งแล้ว, ถือหุ้นมาแล้วกี่ปี จนไปถึงเรื่อง Intrinsic value ของ Berkshire (ซึ่งผมไม่รู้เรื่อง) ระหว่างการคุย ผู้ถือหุ้นก็มักจะหยิบยกคำพูดของ Buffett ขึ้นมาอ้างอิงอยู่บ่อย ๆ พอถึง 7 โมงเช้าประตูก็เปิด แต่ละคนวิ่งกันอย่างไม่สนใจใคร ทุกคนต่างก็อยากจะได้ที่นั่งหน้า ๆ ครับ เพราะถ้าอยู่หลัง ๆ จะมองเห็น Buffett กับ Munger เป็นจุด ๆ เท่านั้นเอง คนตั้ง 25,000 คนครับ ผมได้ที่นั่งแถวที่ 5 จากเวที ซึ่งถือว่าใกล้มากแล้ว พอได้จับจองที่นั่งแล้วก็ได้เวลาออกไปเดินดู Booth ของบริษัทในเครือ Berkshire อย่าง See’s Candy, Fruit of the loom, Borsheim’ s , Nebraska Furniture Mart, Daily Queen, Shaw, Bengamin Moore, Kirby และอื่น ๆ อีกมาก

ปีนี้ Highlight ก็คือหนังสือ Poor Charlie’s Almanack ครับ หนังสือเล่มนี้รวบรวม lecture ต่าง ๆ ของ Charlie Munger ไว้อย่างครบถ้วนครับ หนังสือกว้างยาว 9 *9 นิ้ว หนาเกือบ 500 หน้า มีภาพสีทุกหน้า สวยงามมาก ผมบอกได้คำเดียวว่า เล่มนี้ต้องซื้อครับ ผมว่าหนังสือคงไม่เข้ามาขายในเมืองไทย แต่ซื้อได้ที่ poorcharliesalmanack.com ครับ Amazon ผมเห็นแต่ชื่อหนังสือ แต่มัน Unavaiable ครับ ย้ำอีกที Strong buy ครับ หนังสือหนักมาก ผมหอบมา 3 เล่มต้องถือเข้าคิว ถือเดินไปเดินมาทั้งวันหลายชั่วโมง เหนื่อยและหนักมาก ๆ และแล้วการประชุมก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลา 8.30 น. ช่วงแรก Susie Buffett ลูกสาว Buffett ออกมากล่าวสดุดีแม่ของเธอ (ภรรยา Buffett) ที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อปลายปีที่แล้วครับ จากนั้นก็มีหนังสั้น ๆ หลาย ๆ เรื่องรวมแล้วยาวประมาณ 1 ชม.มาฉายให้ชมครับ หนังสั้น ๆ พวกนี้จะเป็นแก๊กตลก ๆ ซึ่ง Buffett จะแสดงเองครับ ผมว่านี้คงเป็นเสน่ห์อีกข้อหนึ่งของ BUFFETT ที่ยากที่ใครจะเลียนแบบ หนังสั้น ๆ ในปีนี้ก็เช่น • Buffett ขึ้นศาลฟ้อง Bill Gates ว่า Gates โกงเขาในการเล่น Poker ทาง Internet Buffett ฟ้องผู้พิพากษาว่า พอ Gates ทำท่าจะแพ้ Gates ก็ดึงปลั๊กคอมพิวเตอร์ออกเลย สุดท้ายผู้พิพากษาก็ตัดสินให้ Gates ต้องจ่ายเงิน $ 2 ให้ กับ Buffett • มีหนังการ์ตูนที่ Buffett เป็นชาวนาที่หลงทางกลับ Omaha ไม่ถูก ซึ่งจะมี Arnold เป็นตัวการ์ตูนสิงโต, Bill Gates และ Charlie Munger ร่วมเดินทางด้วย สุดท้าย Buffett ก็ใช้บัตร American Express โทรศัพท์เรียกเครื่องบินของบริษัท NetJet มารับกลับ Omaha การ์ตูนนี้สนุกมากเล่าไม่ถูกครับ • Buffett ไปให้สัมภาษณ์น.ส.พ.ขัดกับ Arnold Arnold เลยทำโทษ Buffett โดยให้ Sit-up 500 ครั้ง วิดพื้น 500 ครั้ง สุดท้าย Buffett ก็ทำได้ ซึ่งทำให้ Arnold แปลกใจมาก แต่สุดท้ายจริงๆ Arnold ก็แค่ฝันไป

ในระหว่างงานประชุม ห้าม !!!ถ่ายรูป ห้ามถ่ายวีดีโอ ห้ามบันทึกเสียงครับ เขาซีเรียสมาก คนที่ฝ่าฝืนอาจจะถูกยึดเครื่องหรือไล่ออกจากงานครับ ผมอาศัยตอน Buffett กับ Munger พูดจบจะ Break แล้ว ค่อยถ่าย เลยถ่ายได้ไม่กี่รูปเอง ปีนี้มี Surprise ครับ Bill Gates ในฐานะ Director คนใหม่ (แทนภรรยาของ Buffett) มาร่วมงานด้วย Buffett บอกว่า Gates มีความเข้าใจวัฒนธรรมของ Berkshire รวมถึงเข้าใจเรื่องการลงทุนเป็นอย่างดี Buffett บอกอีกว่า Gates จะสามารถช่วย Berkshire ทั้งที่ในยามที่เขายังอยู่และในยามที่เขาจากไปแล้วได้ ทั้ง 3 คนอยู่ห่างจากผม 20-30 เมตรเท่านั้นเอง คำถามในงานประชุมหลากหลายมาก บางเรื่องผมก็ฟังไม่เข้าใจ เพราะไม่รู้เรื่องมาก่อน อย่างเรื่อง Social Security , Education Reform เป็นต้น ผมจะยกตัวอย่างคำถามทั่ว ๆ ไปที่ไม่เฉพาะเจาะจงจนเกินไปนะครับ

คำถาม : กฏเกณฑ์สำคัญที่สุด 3 ข้อที่คุณใช้ในการเลือกผู้บริหารคืออะไร ? Buffett : สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ ผู้บริหารจะต้องรักธุรกิจของเขา คนพวกนี้รวยอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาไม่ได้ทำงานเพื่อเงิน พวกเขาทำเพราะรักที่จะทำ นอกไปจากนี้ เราจะดูเรื่องความฉลาด, ความกระตือรือร้น และจริยธรรม จริยธรรมเป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้าขาดจริยธรรมแล้ว 2 อย่างแรกจะสร้างปัญหาได้ คำถาม: ทำไมคุณถึงซื้อหุ้น Anheuser-Busch ? คุณใช้เวลาตัดสินใจนานมั๊ย ? Buffett : ผมใช้เวลา 2 วินาทีเท่านั้น นั่นเป็นเพราะผมอ่านรายงานประจำปีของบริษัทนี้มานานกว่า 25 ปีแล้ว ธุรกิจเบียร์เป็นธุรกิจที่เข้าใจง่าย แม้ตลาดเบียร์ในอเมริกาจะไม่โต แต่ Anheuser-Busch ก็มีความแข็งแกร่งมากและสินค้าของบริษัทก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ๆ คำถาม: คุณมีคำแนะนำอะไรบ้างสำหรับคนหนุ่มสาวที่สนใจเรื่องการลงทุน ? Buffett : ผมเริ่มสนใจหุ้นตอน 7 ขวบ ไม่รู้ผมไปเสียเวลาทำอะไรมาก่อนหน้านั้น ผมอ่านทุกอย่างที่เกี่ยวกับการลงทุน พออายุ 11 ผมก็ซื้อหุ้น 3 หุ้น จากนั้นก็ได้อ่าน Ben Graham ผมแนะนำให้เริ่มต้นตั้งแต่อายุน้อย ๆ และอ่านทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า สิ่งที่สำคัญก็คือ การควบคุมอารมณ์ และคุณต้องคิดด้วยตัวเอง มีอะไรให้คุณได้เรียนรู้ทุกวัน ถ้าคุณสนุกกับเกม คุณก็จะทำได้ดี เริ่มต้นตั้งแต่อายุน้อย ๆ และใช้กรอบความคิดที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าใช้ได้ผล คำถาม : คุณมีกลยุทธ์อะไรในยามที่ตลาดไม่ดี ? Buffett : หากตลาดถูกลง เราก็จะเห็นโอกาส เราจะซื้อ ผมมองการซื้อหุ้นเหมือนการซื้อของชำ ผมชอบของลดราคา แต่ผมจะไม่ใช้เวลาไปกับการทำนายทิศทางตลาด ผู้คนบางครั้งพลาดโอกาสที่น่าสนใจไปเพราะมัวไปกังวลกับตัวเลข มันตลกที่จะพูดว่า ตัวเลขเศรษฐกิจมหภาคไม่ค่อยดี ผมจะรอซื้อปีหน้าตอนมันถูกกว่านี้ คำถาม : การลงทุนที่ดีที่สุดของคุณคืออะไร ? Buffett : การซื้อ See’s สอนอะไรเรามากมาย See’s ยังสร้างกระแสเงินสดให้เราไปซื้ออย่างอื่นอีกด้วย GEICO ก็เป็นการลงทุนที่ดีของเรา เราซื้อ 50 % แรกของบริษัทในราคา $ 40 ล้านเท่านั้น แต่อีก 50 % ที่เหลือ เราซื้อมาในราคา $ 2 พันล้าน ดีนะที่เราไม่ได้ซื้อทีละ 1 ใน 3 นี่เป็นตัวอย่างครับ สำหรับคนที่อยากอ่าน Annual Meeting Note เต็ม ๆ อ่านได้ที่ www.bankstocks.com
หลัง จากการตอบคำถามจบลง (5 ช.ม.) ก็เป็นการประชุมผู้ถือหุ้นตามปกติครับ (10 นาที) พอเลิกประชุมแล้ว ผู้ถือหุ้นที่มาจากต่างประเทศจะไปเข้าแถวกันเพื่อไปพบ Buffett กับ Munger ครับ ไม่ได้มีโอกาสพูดคุยจริง ๆ เท่าไรหรอกครับเพราะแถวเรียงหนึ่งจะไหลไปเรื่อย ๆ ผมเอาพวงมาลัยเล็ก ๆ ที่ซื้อจาก Airport ให้ Buffett กับ Munger และให้ Munger เซ็นชื่อในหนังสือ Poor Charlie’s Almanack และให้ Buffett เซ็นชื่อใน ลงทุนอย่าง ... วอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่ผมแปล ช่วงเย็น Berkshire จะเลี้ยงบาบีคิวที่ Nebraska Furniture Mart ครับ ร้านนี้ใหญ่มาก ขายโซฟา, โต๊ะ, เตียง, ที่นอน และของตกแต่งบ้านเยอะแยะไปหมด แยกออกมาอีกอาคารหนึ่งก็จะขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, โทรศัพท์, ทีวี, ซีดี เยอะแยะไปหมดอีกเหมือนกัน วันสุดท้ายของ Berkshire weekend จัดขึ้นที่ Borsheim’ s เป็น Shopping day ของผู้ถือหุ้น ไม่มีอะไรมากก็เหมือนวันแรกครับ เพียงแต่มีเวลามากขึ้นอีก ภายนอกอาคารก็จะมีแชมป์หมากรุกมาเล่นหมากรุกกับผู้ถือหุ้นครับ
เรื่องราว ก็มีอยู่เท่านี้ครับ ถามว่าคุ้มมั๊ย ผมว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตของคนบ้า Buffett นะครับ คงไม่ต่างจากคนที่อยากไปดูฟุตบอลโลกที่สนาม หรือคนที่อยากไปดูคอนเสิร์ตที่เมืองนอก คนที่ไปดูฟุตบอลหลาย ๆ คนก็ไม่ได้เป็นนักฟุตบอล แต่เราเป็นนักลงทุนด้วย การไปครั้งนี้ ผมจึงพูดได้ว่า เป็นความทรงจำที่มีค่าทีเดียว

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘