วางหมาก...กระดานหุ้น ตอน กระบวนท่าที่ 1 ฝึกจิตดั่งภูผา

ตอนที่แล้ว วางหมาก...กระดานหุ้น ตอน กระจกแห่งฝัน ผมได้ลองเปลี่ยนแนวเขียน โดยเขียนเป็นเรื่องสั้นที่เกี่ยวกับหุ้นดูบ้าง ไม่รู้ถูกใจผู้อ่านบ้างหรือเปล่า?

เป็นการเล่าเรื่องของตัวละครตัว หนึ่งซึ่งไปยึดติดกับความฝัน ไม่ยอมอยู่ในโลกแห่งความจริง แต่สุดท้ายเขาก็ค้นพบสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต นั่นคือการทำปัจจุบัน ณ เวลานี้ ให้ดีที่สุดเต็มความสามารถ ลองอ่านได้ที่ลิงค์นี้ครับ

http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I3559830/I3559830.html

สำหรับ วางหมาก...กระดานหุ้น สัปดาห์นี้ จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับกระบวนท่าที่ใช้ในการเข้าถือ หรือซื้อ-ขายหุ้น โดยเริ่มต้นจากกระบวนท่าที่ 1 ลองอ่านกันดูครับ

วางหมาก...กระดานหุ้น ตอน กระบวนท่าที่ 1

กระบวน ท่าที่ 1 นี้ หากจะเข้ามาอยู่ในตลาดหุ้น การเตียมพร้อมทางจิตใจเพื่อรับสถานการณ์ที่เลวร้าย เป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นกระบวนท่าที่ 1 นี้ ผู้ลงทุนจะต้องฝึกความพร้อมทางจิตใจ ให้มีสติ อย่าหวั่นไหว ตื่นตระหนก กับอารมณ์ของตลาดที่แปรปรวน

ความพร้อมทางจิตใจนี้ นักเล่นหุ้น นักลงทุน ทุกคนควรจะต้องมีเป็นพื้นฐาน ก่อนการตัดสินใจก้าวเข้าสู่ตลาดหุ้น หรือ “เข้าสู่ยุทธภพ”

มี ผู้เคยทำวิจัย พบว่า ในจำนวนนักลงทุนสิบคน จะมีคนขาดทุนอยู่เจ็ดคน ไม่กำไร ไม่ขาดทุนสองคน และได้กำไรเพียงคนเดียว ท่านคงจะแปลกใจและสงวัยว่า ในเมื่อมีคนที่กำไรเพียงคนเดียว แล้วทำไมพวกเรายังพากันไปเล่นหุ้นมากขึ้นๆ เรื่อยๆ ล่ะ

เหตุผลนั้น ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย เพราะว่า คนเจ็ดคนไม่ยอมแพ้ คิดว่าจะต้องหาทางเอาคืนให้ได้ ไม่ยอมพละไปจากตลาดหุ้น อีกสองคนที่ไม่กำไร ไม่ขาดทุน ย่อมอยากสู้ต่อแน่นอน ส่วนที่ได้กำไรเพียงคนเดียวนั้น ก็ยิ่งต้องการทำกำไรเพิ่มขึ้น ตามกิเลศของมนุษย์ปุถุชน

แต่เหตุผลประการสำคัญที่สุดที่คอยดึงดูดให้ พวกเราติดตลาดหุ้น น่าจะเป็นเพราะพวกเราล้วนแต่เคยได้ลิ้มรสชาติของกำไรจากการเล่นหุ้นมาแล้วใน ช่วงก่อนหน้านั้น ซึ่งเป็นรสชาติที่หอมหวานเสียเหลือเกิน ถึงแม้ว่าช่วงหลังจะพากันขาดทุน ก็ยังคงติดใจในรสชาติและความเย้ายวนของกำไรที่เคยได้นั้นมิรู้ลืม

การ ซื้อขายหุ้นนั้น มิใช่จะมีแต่กำไรอย่างเดียว และดูจะทำกำไรได้ยากเสียด้วย โอกาสที่จะขาดทุนมีมากกว่า หากใครคนใดจะเข้าไปทำการซื้อขายหุ้นในตลาด ก็จงเตรียมพร้อมทางจิตใจ อย่าคิดว่าจะสามารถทำกำไรได้เสมอไป เพราะภาวะตลาดบูมนั้นใช่ว่าจะมีอยู่เสมอ เมื่อถึงจุดที่มันพลิกกลับมุดลงต่ำ (ดั่งที่เป็นอยู่ในช่วงนี้) ดำดิ่งตลอด ก็จะรู้ทันทีว่าการเล่นหุ้นนั้น ใช่ว่าจะสนุกเสียทุกครั้งไป

สำหรับผู้ที่เล่นหุ้นโดยไม่ได้ยึดติดว่า จะต้องทำกำไรได้ตลอดเวลา มองว่ามันเป็นเพียงประสบการณ์ของชีวิตที่ดีอย่างหนึ่ง สิ่งที่เขาจะได้ก็เป็นไปในอีกรูปหนึ่ง แม้ว่าบางครั้งประสบกับความขาดทุน ก็ยังจะรู้สึกว่ามันมีค่าเป็นบทเรียนในด้านการ “ลงทุน” ที่แม้ในมหาวิทยาลัย ก็ไม่สามารถเรียนรู้ได้

ด้วยทัศนะที่ว่า การเข้าไปเล่นหุ้น “จะต้องเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด” จะทำให้คุณปฏิบัติตัวได้อย่างถูกต้อง คือ

ไม่ นำเงินรายได้สำหรับเลี้ยงชีพ ไปเล่นหุ้น และไม่นำเงินที่ต้องใช้หมุนเวียนหรือหยิบยืมเงินของชาวบ้านไปเล่นหุ้น การปฏิบัติตัวเช่นนี้ แม้มีวิกฤติตลาดหุ้นตกต่ำ ก็จะไม่กระทบกระเทือนถึงชีวิตความเป็นอยู่ของตน และครอบครัว หากว่าท่านทำในสิ่งตรงกันข้ามคือนำเงินเลี้ยงชีพ หรือเงินที่ยืมชาวบ้านมา ก็จะเกิดผลเสีย เพราะในระหว่างการซื้อขายหุ้น จิตใจของเราย่อมเอนเอียงไปไนด้านที่จะต้องเล่นหุ้นให้ได้กำไรสถานเดียว ซึ่งจะทำให้การวินิจฉัยหุ้น ประเมินสถานการณ์ไม่สอดคล้องกับสภาพเป็นจริง และตัดสินใจอย่างผิดพลาด ซึ่งจะนำไปสู่ความล้มเหลวและขาดทุน ดั่งจะเห็นได้บ่อยครั้งมาก ที่นักวิเคราะห์บางคน วิเคราะห์ได้แม่น แต่พอเอาเงินตัวเองไปลงทุนเอง กับเจ๊งไม่เป็นท่า

ถ้าหากว่ามีการ เตรียมพร้อมทางจิตใจว่าถึงแม้ขาดทุนก็ไม่เป็นไร จิตใจของเราก็ผ่องแผ้ว คิดอะไรก็ชัดเจน เมื่อวิเคราะห์หุ้นและสถานการณ์ปัจจัยรอบด้าน ก็ทำได้ทุกแง่มุม ไม่ขาด ไม่พลาด หรือพลาดน้อย การตัดสินใจก็จะถูกต้อง การเลือกเวลาสำหรับการซื้อขายก็จะแม่นยำ ระหว่างการซื้อขายหรือตัดสินใจ แม้จะมีอะไรผิดพลาดนิดหน่อยก็จะไม่ถึงกับหงุดหงิด หรือกระทั่งหุ้นที่ซื้อเกิดติดสูงลงไม่ทัน ก็จะไม่รู้สึกวิกฤติ จะรอก็ได้ จะตัดขายแบบขาดทุนก็ไม่เจ็บปวดจนเกินไป และที่สำคัญคือไม่โทษโน่นโทษนี่ ยอมรับได้โดยดีว่า เป็นเพราะการวินิจฉัยหรือตัดสินใจผิดพลาดของตนเอง มองเห็นจุดอ่อนข้อบกพร่องของตนเอง ซึ่งจะทำให้ได้ข้อสรุปได้ตรงกับความเป็นจริงได้ไม่ยากนัก สะสมบทเรียนทำให้ตนเองสามารถทำได้ดีกว่าในครั้งต่อๆ ไป

ผู้ที่สามารถทำได้เช่นนี้ จะเกิดความเชื่อมั่นในตัวเองขึ้นเรื่อยๆ พร้อมที่จะทำการลงทุนต่อไป และมักจะประสบความสำเร็จมากขึ้น

โดย ส่วนตัวของผมเอง ผมก็ยังคงฝึกฝนจิตใจของตนเองอยู่เสมอ วิธีที่ผมใช้คือ “การนั่งสมาธิ” นั่นเอง นั่งได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง หากขับรถอยู่คนเดียวช่วงรถติดไฟแดง ก็สามารถทำสมาธิได้โดยไม่ต้องหลับตา หากเดินทางโดยรถใต้ดิน ถ้าได้นั่งก็จะนั่งกำหนดลมหายใจ หลับตาธรรดา

หนึ่ง ในพระอาจารย์ของผม หลวงพ่อพุทธทาส เคยเทศน์ไว้ว่า “เมื่อยังมีลมหายใจอยู่ อย่าบอกว่าไม่มีเวลานั่งสมาธิ” ท่านนั่งสมาธิได้ทั้งๆ ที่เล่นอยู่กับไก่ที่ท่านเลี้ยง ไม่น่าเชื่อเลย!!! ผมเคยได้ทราบมาว่า ในหลวงของเราก็นั่งสมาธิเป็นประจำ โดยเฉพาะเวลาที่ท่านพระราชทานปริญญาบัตรนั้นเป็นเวลาที่ท่านกำหนดจิตเข้า สมาธิด้วย

ตอนนี้คงหยุดเพียงเท่านี้ครับ ไว้พบกันตอนหน้า กระบวนท่าที่ 2

"แมงเม่าของเมื่อวันวาน คือ เซียนหุ้นของพรุ่งนี้"

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘