101 ปฏิบัติการพลิกชีวิต ตอนที่ 23 "หุ้น ห่านทองคำ"

     เมื่อพูดถึง “หุ้น” หลายคนมักจะมองว่า ตลาดหุ้นเป็นแหล่งของการพนัน เป็นเรื่องของผู้คนบางกลุ่มที่มีเงิน ซึ่งมักจะทำตัวเป็น “ขาใหญ่” ที่คอยชี้นำ หรือ “ปั่นหุ้น” เพื่อเก็งกำไร โดยมีนักลงทุนรายย่อยที่ไม่ต่างอะไรกับ“แมงเม่า”ที่โดดเข้าไปซื้อๆ-ขายๆตาม สปอตไลท์ที่ฉายส่องไปที่หุ้นบางตัว  
          
     มีบางคนที่เคยโดดเข้าไปลงทุน ทั้งๆที่ไม่มีข้อมูล ต้องเจอบทเรียนที่แสนเจ็บปวด จึงมีทัศนคติเชิงลบ หนีห่างไม่อยากกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น ซ้ำร้ายบางคนยังนำไปขยายความต่อ แนะนำให้ผู้คนใกล้ชิดให้เก็บเงินทองไว้ให้ห่างไกลจากตลาดหุ้นเสียอีก
          
     ผมเสียดายแทนผู้ซึ่งมีความรู้สึกไม่ดีต่อตลาดหุ้น และหันหลังจากไปจากการลงทุนประเภทนี้ เพราะเท่ากับเป็นการตัดโอกาสในการทำให้ตัวเองร่ำรวยได้ 
          
     ถึงเวลาที่นักลงทุนต้องเปลี่ยนแปลงทัศนคติต่อการลงทุนในตลาดหุ้นเสียใหม่ ให้ถูกต้อง ยิ่งเร็ว ก็ยิ่งเป็นผลดีกับตัวเอง
          
     อย่างที่ผมบอกไว้ว่า การเดินต่อไปในเส้นทางของการเปลี่ยนแปลงเพื่อพลิกชีวิต ไม่ได้จบลงแค่ เพียงการปลดหนี้ หรือการมี เงินกองทุนฉุกเฉิน หรือ กองทุนเพื่อการเกษียณ อายุเท่านั้น เพราะหากทำเพียงแค่นั้น ก็เปรียบเมือนการเดินทางไปเพียงครึ่งทาง ที่ยังไม่ช่วยให้คุณมีอิสรภาพทางการเงินอย่างแท้จริง
          
     “เศรษฐีที่ฉลาดนั้น เขาจะใช้เงินให้มันทำงานแทน ผิดกับคนจนที่ต้องทำงานเหนื่อยยากไปทั้งชีวิตเพื่อให้ได้เงินประทังชีวิตไปวันๆ”
          
     เพราะ “ชีวิต คือ การลงทุน” เคล็บลับในการประสบความสำเร็จจากการลงทุนใน “หุ้น” ไม่ได้สำคัญตรงที่ ขนาดของ “เม็ดเงิน” หรือ ขนาดของ “หัวใจ” แต่สำคัญตรง ขนาดของ “ข้อมูล”มากกว่า
          
     ในบรรดาผู้คนที่ผมรู้จักซึ่งประสบความสำเร็จจากการลงทุนในหุ้น ทุกคนไม่มีใครทำตัวเป็น “น้ำชาล้นแก้ว” ทุกคนต่างกระตือรือล้นที่พยายามจะศึกษาเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา
          
     หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมผมจึงแนะนำให้เริ่มลงทุนในหุ้น โดยเริ่มจาก “หุ้นในดวงใจ” ที่คุณมีความใกล้ชิดกับมันมากที่สุด
          
     คำตอบที่แสนง่ายก็คือ มันจะช่วยกระตุ้นให้เกิดความสนใจในการหาข้อมูล และวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานต่างๆของหุ้นตัวนั้นๆได้ง่ายที่สุด เพราะคุณมีพื้นฐานความเข้าใจในเชิงธุรกิจนั้นๆเป็นทุนอยู่แล้ว
          
     มีบางคนกล่าวไว้ว่า บนโลกยุคไซเบอร์แบบทุกวันนี้ การหาข้อมูลเพื่อประกอบในการตัดสินใจไม่ใช่เรื่องยาก แต่ความยากอยู่ตรงที่เราจะมีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่และ องค์ความรู้ที่เกิดจากประสบการณ์ตรงที่คุณได้รับต่างหาก
          
     ถึงแม้เราจะพยายามตีกรอบให้แคบลงสำหรับการลงทุนในหุ้น โดยเริ่มจากมุ่งเน้นความสนใจไปในหุ้นที่เรามีความใกล้ชิดในเชิงธุรกิจมากที่ สุด แต่คำถามต่อไปก็คือ จะใช้หลักการอะไรในการคัดเลือก
          
     สำหรับบางคนอาจจะดูที่ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นตัวนั้นๆเป็นหลัก วิธีการแบบนั้น เป็นเป้าหมายของการลงทุนระยะสั้นมากกว่า โดยอาจจะไม่ได้สนใจปัจจัยพื้นฐานของหุ้นว่าดีหรือไม่ ไม่ต่างอะไรกับ การปล่อยให้โชคชะตาถูกชำนำไปตามตลาด ซึ่งมักจะจบลงด้วยความล้มเหลว
          
     การใช้เงินปันผล เป็นหลักในการคัดเลือก หุ้นในดวงใจ หรือ หุ้นห่านทองคำ น่าจะเป็นคำตอบที่สร้างหลักประกันได้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อบริษัทมีผลประกอบการดี มีกำไร ก็เป็นเรื่องปกติที่ควรจะมีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอให้แก่ผู้ถือหุ้น 
          
     แต่การมองย้อนหลังกลับไปในอดีตเพียงอย่างเดียวก็ไม่ได้เป็นบทสรุปของทั้งหมด แต่ต้องมองไปในอนาคตอีกด้วย เพราะหากแนวโน้มของธุรกิจในช่วงนั้นไม่ดี หรือ กิจการกำลังอยู่ในภาวะอิ่มตัว เริ่มถดถอย เนื่องจากมีคู่แข่งมากขึ้น หรือ วงจรธุรกิจกำลังอยู่ในช่วงขาลง โอกาสที่จะได้รับเงินปันผลในอนาคตก็อาจจะพังทะลายลง
          
     สิ่งที่ต้องคำนึงถึง ซึ่งสำหรับนักลงทุนชั้นเซียนให้ความสำคัญในลำดับแรกๆในการพิจารณาก็คือ ขีดความสามารถของผู้บริหาร ซึ่ง “เทพ รุ่งธนาภิรมย์” กูรู เกี่ยวกับ “หุ้นห่านทองคำ” ถึงกับเปรียบเปรยไว้ว่า “ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ ดูหุ้นให้แน่ ต้องดูผู้บริหาร” เพราะผู้นำองค์กรคือขุนพลที่จะนำพาบริษัทให้อยู่รอด และสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงทั้งในทางบวก และลบ ให้กับองค์กร
          
     เมื่อเราสามารถประเมินสถานะกิจการของ หุ้นในดวงใจ เราได้ในเบื้องต้นแล้ว เพื่อสร้างความมั่นใจเพิ่มขึ้น เราควรเจาะลึกลงไปศึกษาถึง งบการเงินทั้ง 3 ชนิดของบริษัทนั้นดู ไม่ว่าจะเป็นงบดุล งบกำไร-ขาดทุน และ งบกระแสเงินสด เพื่อตรวจเช็คสุขภาพทางการเงินของ “หุ้นในดวงใจ” ที่เราต้องการจะลงทุนเป็นขั้นสุดท้าย
          
     พอแนะนำอย่างนี้หลายคนอาจจะเริ่มส่ายหน้า บ่นว่ายากจนเกินไป ใจเย็นๆครับ ถ้าไม่มีความรู้เรื่องบัญชี หรือหลงๆลืมๆไปหมดแล้ว ก็ลองหาผู้รู้ให้ช่วย ”ติวเข้ม” ในเรื่องนี้สักรอบ
          
     ทั้งหมด คือ หลักการเบื้องต้นในการค้นหา “หุ้นในดวงใจ” ที่จะลงทุน ซึ่งหากคุณพบว่า มันยังไม่มีหุ้นที่อยู่ในธุรกิจที่ใกล้ชิดที่เหมาะสมที่จะลงทุน ก็อาจจะลองหันไปดูหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสายงานที่คุณปฏิบัติหน้าที่อยู่ก็ได้ เช่นหากคุณเป็นเจ้าหน้าที่ด้านคอมพิวเตอร์ในบริษัทโฆษณา ก็ไม่จำเป็นต้องไปพุ่งเป้าเฉพาะบริษัทที่อยู่ในธุรกิจสื่อฯแต่เพียงอย่าง เดียว อาจจะลองมองไปที่บริษัทที่ทำธุรกิจในด้านโทรคมนาคมที่อยู่ในสายงานที่คุณทำ งานอยู่ก็เป็นได้
    
     กุญแจสำคัญ มันอยู่ตรงที่ หุ้นที่คุณจะลงทุนในลำดับแรกๆควรเป็นหุ้นที่คุณมีความรู้และความเข้าใจมาก ที่สุด เพราะถึงแม้ การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่เราก็ไม่น่าจะแบกความเสี่ยงเพราะความไม่รู้ และปล่อยให้เงินของเราไปฝากไว้กับโชคชะตาของคนอื่น จริงไหมครับ!

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘