DSM concept ตอนที่ 61
ความคิดเห็นที่ 18
สวัสดีครับคุณ ratchaya .... ผมขอเรียกว่าคุณยา น่ะครับ
ผมไม่เข้าใจคำถามครับ ที่ถามว่า ระยะเวลา
หุ้นทั้ง 50 ตัว มันมีที่มาจากหุ้นเพียงตัวเดียวครับ ผมไม่ได้บอกไว้เรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง คือ ช่องว่างของตลาดหุ้น
......
ช่วงว่างของตลาดหุ้น ( ผมตั้งชื่อเรียกไว้ครับ ) เป็นสิ่งที่เพื่อน ๆ ไม่สังเกตกัน เพราะมันใกล้ตัวมากครับ
ช่องว่างนี้ ทำให้หุ้นทุกตัวในตลาดทำเงินได้ครับ ทุกตัวเลยครับ
จากหุ้น ตัวแรก มาเป็นตัวที่สอง มันจะเกี่ยวเนื่องกันมา จาก 2 ก็จะกลายเป็น 4 แต่ทั้ง 50 ตัวที่ผมเลือก เพราะผมอยากมีกิจการนั้น ๆ ครับ
หุ้นขึ้นยกแผง หรือ ลงยกแผง ผมไม่ได้ใหความสำคัญตรงนั้นครับ คือ ผมไม่ได้ดูเซทอินเด็กซ์ครับ ผมดูรายตัว
ผมจะไม่บอกน่ะครับว่า ช่องว่างของตลาดหุ้นคืออะไร เพราะมันเป็นความลับของครอบครัวเลยแหละครับ
ถ้าถามเกี่ยวกับว่า รอบการซื้อขาย .... ผมซื้อขายทุกวัน เรียกว่า ทุก 5 นาทีเลยครับ
หลักง่าย ๆ ( ที่เพื่อน ๆ ก็ทราบอยู่แล้ว ) คือ ปล่อยให้กำไรวิ่งต่อ ตัดขาดทุน ( กล่าวไว้แล้ว )
นั้นคือ หุ้นไหนเขียว ผมไม่ยุ่ง ผมเล่นแต่หุ้นตัวแดง ๆ ครับ อย่างวันนี้ ผมก็เลยค่อนข้างเหงา เพราะหุ้นเขียวไปหมดครับ
ลองอ่านเนื้อหาในหัวข้อกระทู่ครับ ผมทำตามนั้นครับ
เด่นศรี
จากคุณ : เด่นศรี - [ 27 เม.ย. 47 19:59:40 ]
ความคิดเห็นที่ 19
ขอบคุณค่ะ แล้ววันนี้คุณทำอย่างไรคะ ไหนลองยกตัวอย่างซะ 1 ตัว ซิคะ ว่าขายนะตอนไหนซื้อนะตอนไหน
แล้วราคา ดูทันเหรอคะ
จากคุณ : ratchaya - [ 28 เม.ย. 47 17:52:41 ]
ความคิดเห็นที่ 20
วันนี้ไม่ค่อยได้ทำอะไรเลยครับ เพราะถึงแม้ set จะลบไปมาก แต่หุ้นที่ผมถืออยู่ ยังไม่ถึงจุดที่ผมจะขาย และ ยังไม่ลงมาถึงจุดที่จะซื้อ ครับ
ถ้ายกตัวอย่าง อาจจะ งง หน่อยน่ะครับ
คือวันนี้ ขาย TPI 8.80 * 10000 หุ้น
ซื้อกลับมา 8.70 * 10000 หุ้น
แต่ข้อมูลการซื้อและขาย TPI นี้ เป็นคนละส่วนกัน ส่วนที่ขาย ขายเพื่อรอซื้อในวันหน้า
ส่วนที่ซื้อ ซื้อเพราะขายไปราคาอื่นเมื่อวันก่อนครับ
หุ้นแต่ละตัว จะถูกกำหนดไว้แล้วว่า จะต้องซื้อเมื่อราคาเท่าไหร่ และจะต้องขายเมื่อราคาเท่าไหร่
วันนี้ เซต ลบมาก แต่หุ้นแทบไม่เคลื่อนไหวครับ ก็เลยนั่งดูไป อ่านหนังสือไป
เรื่องราคาหุ้นแต่ละตัว ผมจะสแกนเป็นรอบครับ รอบหนึ่ง ( ทั้ง 50 ตัว ) ใช้เวลาอย่างช้าไม่เกิน 5 นาทีครับ
( โปรแกรมซื้อขายหุ้น ของผมจะเร็วเท่าของโบรกครับ เพราะเขามาลงใส่เครื่องให้ผมที่บ้าน ให้เล่นเองเลยครับ )
ผมซื้อขายครั้งละ 10 เปอร์เซ็นต์ของหุ้นทั้งหมดครับ
เรื่องหุ้นเยอะ ๆ จริง ๆ แล้วผมคิดว่าทุกคนก็ดูทันครับ สำหรับผมจะเข้ามาตรวจดูทุก 10 นาที
แต่ถ้าเซตเขียว ผมไม่ค่อยมาสแกนดูครับ เพราะมันขึ้นผมก็ปล่อยให้มันขึ้น รอมันแดงแล้วค่อยมาขายมัน
อาจจะสวนทางกับเพื่อน ๆ ตรงที่ ผมถือหุ้น เต็ม 100 เปอร์เซนต์ตลอด ครับ เพราะ มีหุ้นในมือ ผมทำเงินได้ แต่ถ้ามีเงินในมือ ผมทำเงินไม่ได้ครับ
ยิ่งหุ้นตก ผมยิ่งมีหุ้นเยอะ พอหุ้นขึ้น ผมก็ปล่อยมันทำกำไรของมันเอง หุ้นตกเมื่อไหร่ ผมก็มาเก็บเกี่ยวรายได้
ผมจึงชอบหุ้นที่ผันผวนครับ ( ไม่ใช่ลงอย่างเดียวตลอดน่ะครับ ผมไม่เอาด้วยถ้ามันลงจนกลายเป็นหุ้นแย่ ๆ ครับ )
เพื่อน ๆ เจอหุ้นตกมักจะตกใจกัน ซึ่งถ้าทุกคนรู้ในสิ่งที่ผมรู้ ทุกคนจะเล่นได้ทั้ง ขาขึ้นและขาลง ครับ ทำเงินได้ตลอด
ปริมาณหุ้นของผมจะเพิ่มขึ้น อย่างต่ำที่สุดคือ 100 เปอร์เซนต์ ต่อปี ครับ
การเล่นหุ้นขาลง จะทำเงินได้เร็วกว่า
ดังนั้น การที่ต่างชาติซื้อแล้วทุบขาย แล้วซื้อให้ขึ้นแล้วทุบขาย เป็นอย่างนี้ตลอด จะทำให้เค้าได้กำไรมหาศาลเลยแหละครับ
แต่รายย่อยอย่างเรา ไม่ยอมหัดเล่นขาลง ก็เลยได้แต่มองตาปริบ ๆ ซื้อแล้วหุ้นตก ขายแล้วหุ้นขึ้น แต่ขึ้นไม่ถึงที่ติดดอยอยู่ พอขึ้นมาจะถึง ก็ลงไปอีกแล้ว .... จริงมั้ยครับ ......
ไม่รู้ว่าจะงงหรือเปล่าน่ะครับ
เด่นศรี
( ชื่อนี้เป็นชื่อลูกสุนัขที่บ้านครับ เลี้ยงแล้วเค้าตาย ผมเลยนำชื่อเค้ามาเป็นสิ่งที่ระลึกครับ )
จากคุณ : เด่นศรี - [ 28 เม.ย. 47 20:05:36 ]
ความคิดเห็นที่ 21
อยากทราบกรณีตัวอย่างของเพื่อนคุณเด่นศรี ที่เล่นแล้วขาดทุนสี่แสน ความผิดพลาดอยู่ตรงไหนคะ
เพราะเท่าที่ดูจากวิธีการเล่น ไม่น่ามีจุดบกพร่อง
ไม่รู้ว่าเข้าใจถูกต้องมั๊ยคะ
อย่างเช่น ถือหุ้นไว้ พอหุ้นเริ่มลง เราก็เริ่มทะยอยขาย มันแทบไม่มีข้อเสียอะไรเลยว่าจะขาดทุนได้
นอกจากว่ามันไม่เป็นไปตามที่เราคิด เช่นเราคิดว่ามันจะลงไปถึงราคานี้แล้วเราถึงจะซื้อกลับ แต่ลงไปไม่ถึงทำให้ขาดทุน
ถ้าลงเป็นกรณีตัวอย่างได้จะดีมากเลยค่ะ
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 47 20:22:29
จากคุณ : PITnap no.3 - [ 30 เม.ย. 47 20:20:54 ]
ความคิดเห็นที่ 22
สวัสดีครับคุณ พิท
ที่ขาดทุน 4 แสน ไม่ใช่เพื่อนครับ เป็นตัวผมเอง
เหตุที่ขาดทุนเพราะ ทฤษฎีถูกต้องครับ คือ ต้องสะสมหุ้นเรื่อย ๆ แล้วหารายได้จากส่วนต่าง
แต่ขาดทุนเพราะปฎิบัติผิดวิธี ไปดู set ... ไปคาคคะเนตลาด เดาตลาด และไม่ทะยอยซื้อขาย ที่สำคัญคือ มองแต่กำไร มองแต่ว่ามูลค่าพอร์ตจะเพิ่มขึ้น ทำให้เราเขวออกนอกทางโดยไม่รู้ตัว
ตอนซื้อขายตอนนั้น ดูเซตว่า ถ้าลงมาเรื่อย ๆ แล้วขึ้นมากี่เปอร์เซนต์จะซื้อคืน แต่ถ้าเซตขึ้นแล้วเริ่มลงจะขายถ้าลงมาถึงจุดนี้ เรียบร้อยเลยครับ โดนหลอกไม่รู้กี่ตลบ เรียกว่า ซื้อแล้วลง ขายแล้วขึ้น
สำหรับเพื่อนที่นำวิธีไปใช้ แล้วเกิดโลภ อยากจะได้เร็ว ๆ ก็เลยพลาด
สิ่งที่ผมทำอยู่ ผมยืนยันได้ว่า หุ้นทุกตัวทำรายได้ให้เราได้ ( เน้น รายได้ ... ไม่ใช่กำไรน่ะครับ รายได้นี้ สะสมเรื่อย ๆ ภายใน 1 ปี จะได้เท่ากับ หรือมากกว่าเงินต้นเลยครับ นั่นคือ กำไร จะตามมาเอง )
ถ้าถามว่า ทุกคนทำได้ไหม ..... ต้องขอตอบว่า ไม่ทุกคน
สิ่งที่จะแยกว่าใครทำได้หรือไม่ อยู่ที่ .... แนวคิด ... ครับ
ถ้าคนนั้นเป็นพ่อค้า ค้าขายเก่ง จะทำไม่ได้ เพราะเค้าจะมองแต่เงิน มองแต่กำไร ทำได้สักระยะ ก็จะเขวและเปลี่ยนแนวเล่น แล้วก็พลาด ( หรืออาจโชคดี ได้กำไรมาก ถ้าหุ้นขึ้น )
แต่ถ้าคนนั้นเป็นนักลงทุน สร้างแต่ทรัพย์สิน ( เงินไม่ใช่ทรัพย์สินน่ะครับ เพราะทรัพย์สิน คือสิ่งที่ทำเงิน แต่เงินไม่สามารถทำเงินได้ นอกจากจะแปลงเงินให้เป็นทรัพย์สินก่อน ) คนนั้นจะนั่ง ๆ นอน ๆ รอรับเงินรายได้ เป็นแบบรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน หรือรายปี แล้วแต่เค้าจะขยันแค่ไหนครับ
นั่นคือ แนวคิดของเค้า จะบ่งบอกว่าเค้าจะทำได้มั้ย
ถ้าถามว่า ยาก หรือ ง่าย .... ต้องตอบว่าอยู่ที่ใจ
ถ้าคุณพิท ซื้อหุ้นมา 20 บาท แต่ซื้อปุ๊ปลงป๊ปมาที่ 19.90 แล้วคุณขายทิ้งได้อย่างไม่ลังเล ก็พอทำได้ ถ้าลงมาจนเหลือ 15 บาท ก็ขายได้อย่างไม่มีเยื่อใย ก็ยิ่งดี และถ้าลงมาจนถึง 3 บาท ยังกล้าขาย .... วิธีทำเงินนี้ ก็ง่ายดาย ครับ
อยู่ที่แนวคิด กับ ใจ ..... แค่นั้นเองครับ
แต่เชื่อมั้ยครับ 2 สิ่งที่ผมบอกนี้ ยากมาก มาก ครับ
จุดบกพร่อง อยู่ที่ เขว ครับ
ถ้าคุณสามารถมองพอร์ตของคุณ จาก 20 ล้าน ลงมาเหลือ 10 ล้านภายในเดือนเดียว แล้วยังมั่นใจในวิธีที่กำลังทำอยู่ ผมคิดว่า คุณจะรวยอย่างมั่นคง และรวยขึ้นเรื่อย ๆ ครับ
...........
จากคุณ : เด่นศรี - [ 2 พ.ค. 47 12:50:52 ]
ความคิดเห็นที่ 23
จำเป็นไหมคะว่าคุณต้องซื้อคืนในราคาที่ต่ำกว่า จำเป็นไม๊ค่ะแล้วไปรอขายในราคาที่สูงกว่าที่ซื้อทุกครั้ง ให้หุ้นอยู่ครบแต่เงินในพอร์ตช่างห้วมันใช่ไหมคะ แล้วอย่างตอนนี้ดิฉันมี scb-w ที่ราคา 9.5 20000 หุ้น แล้วแฟนก็ไปซื้อเพิ่มอีกที่9.3 20000หุ้น แล้วหุ้นก็ตกลงไปเรื่อย ๆ เลยรีบขายไปที่ 9.15 หมด 40000 หุ้น แล้วดันกลับมารับคืนที่9.05 อีก 40000 หุ้น ตอนนี้ทำอะไรไม่ถูกแล้ว มันลงไปเรื่อย คิดว่าน่าจะรีบาวร์ก็ไม่บาวร์ซะที ก็ปล่อยไปเรื่อยรู้สึกตอนนี้เหลือแค่ 7 บาทกว่า จะขายก็ไม่กล้า ควรทำไงดีคะ
ในพอตร์ขาดทุนตัวนี้ไปก็เกือบ 60000 บาทแล้ว กลุ้มจัง
ดิฉันก็อยากให้แฟนทำได้ แต่คุณรุ้ไหมว่าเราขาดทุนกับหุ้นเนี่ยเป็นล้าน ๆ แล้ว ตอนนี้ก็ท้อเหมือนกันมาเจอข้อความคุณก็รู้สึกอืม ดีจัง แต่เรามีอีกหลายตัวที่ถือแล้วขาดทุนแล้วก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่เรื่อย จะเลิก ก็ไม่เลิก ติดอยู่อย่างนี้ ตอนนี้ไม่รู้จะทำไงก็เลยปล่อยรอ ๆ ไป ช่วยแนะนำหน่อยสิคะ ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ
จากคุณ : ratchaya - [ 2 พ.ค. 47 23:29:24 ]
ความคิดเห็นที่ 24
สวัสดีครับ...คุณยา
เมื่อหุ้นตก สิ่งที่นักลงทุนกระทำ จะมีใหญ่ ๆ อยู่ 4 รูปแบบ
1... ถือไว้ ( ยึดคติ ไม่ขายไม่ขาดทุน )
2... ซื้อเฉลี่ยราคาลงมา
3... ตัดขาดทุน ( ขายทิ้ง แล้วเปลี่ยนตัวเล่น )
4... ขายแล้วช้อนซื้อกลับมาในราคาต่ำกว่า ( ช็อทอะเกนส์พอร์ต )
ข้อ 1 ... เป็นข้อที่ควรเลี่ยงที่สุด เพราะ เป็นวิธีที่แย่ที่สุด
ข้อ 2 ... ควรเลี่ยงที่สุดเช่นกัน เพราะจะจมเงินไปเรื่อย ๆ ถ้าหุ้นขึ้นมา ก็ได้กำไรไม่คุ้มกับความเสี่ยงที่จมเงินลงไป
ข้อ 3 ... ถ้าเลิกวิธีนี้ได้ ก็ควรเลิก เพราะการเปลี่ยนตัวเล่น ถ้าโชคดีก็ได้กำไร โชคร้าย ก็ขาดทุนซ้ำ ขึ้นอยู่กับดวง
ขัอ 4 ... เป็นข้อที่ผมแนะนำว่า ฝึกฝนให้เป็นนิสัยการลงทุนของตัวเองให้ได้ครับ
ถ้าหุ้นขาลง ..... ผมจะไม่เปลี่ยนตัวเล่น
ถ้าหุ้นขาขึ้น ..... ผมอาจเปลี่ยนตัวเล่น เมื่อถึงเวลา
ในกรณีของคุณยา ถ้าเป็นผม ผมจะสรุปข้อผิดพลาดของผมคร่าว ๆ ดังนี้ครับ
.......เลือกหุ้นผิดตัว ( scb-w ) เหตุผลคือ ไม่ใช่หุ้นลงทุน ( ไม่มีปันผล ) และ ที่สำคัญ รู้สึกว่า จะใกล้หมดอายุแล้ว ( ผมจะไม่ยุ่งกับวอแรนต์ที่เหลืออายุไม่ถึงปีครับ ) ถ้าเป็นตัวผม ผมจะเปลี่ยนตัวลงทุนครับ
....... ตอนแรกที่ซื้อมาราคา 9.5 * 20000 หุ้น ไม่ควรซื้อเพิ่มเมื่อหุ้นตก แต่ถ้าจะซื้อเพิ่ม ต้องใช้เงินที่เกิดจากรายได้ของ 20000 หุ้นนี้ ครับ ผมจะไม่เพิ่มเงินซื้อ ถ้าจำนวนเดิมที่ซื้อมายังไม่สามารถสร้างรายได้ได้
....... จากจำนวนหุ้นรวม 40,000 หุ้น เมื่อหุ้นลงต่อ ผมจะไม่ขายทิ้งทั้งหมด ผมจะขายทีละ 10 เปอร์เซนต์ ทุก 2 ช่องที่มันลงมา แต่ถ้าขายแล้วไม่ลงต่อ ผมก็หยุดขาย เพื่อรอซื้อกลับคืน ( ซื้อคืนในราคาที่ต่ำกว่าที่เคยขายไป )
...... การที่คุณยา ขายไปที่ 9.15 แล้วมารับกลับที่ 9.10 เป็นแนวทางที่ดีครับ แต่ .... คุณยารับกลับมาเร็วเกินไป น่าจะซื้อให้ต่ำกว่าเดิมอย่างน้อยสัก 5 -6 ช่อง ครับ เพราะส่วนใหญ่แล้ว หุ้นตก จะตกเร็วครับ
..........
สิ่งที่อยากแนะนำครับ ( ตามความเห็นส่วนตัวของผมน่ะครับ )
1.... เลือกหุ้นใหม่ทั้งหมด ล็อกหุ้นในดวงใจเราเอาไว้เลยครับว่า เราต้องการกิจการไหน ( เพราะผมจะเลือกหุ้นใด ผมจะอยู่กับหุ้นนั้นตลอดไปครับ ) ยิ่งมีปันผลด้วย จะทำให้เราสามารถได้ประโยชน์ 3 ประการคือ หุ้นเพิ่ม .... ปันผลเพิ่ม .... และกำไรจะเพิ่มตาม ครับ ( สังเกตน่ะครับว่า กำไรมาจะหลังสุด แต่มาแน่ ๆ ครับ )
2.... ทะยอยขาย อย่าขายทิ้งทีเดียวหมดมือ ( ผมขาดทุน 4 แสนเพราะขายหมดมือ นี่แหละครับ ) ถ้าขายแล้วลง ขายต่อเรื่อย ๆ แต่ถ้าขายแล้วไม่ลงต่อ ต้องหยุดขาย
3.... การซื้อหุ้นคืน ต้องซื้อให้ต่ำกว่าที่เคยขายไป ห้ามซื้อแพงกว่าเด็ดขาด ( ซื้อคืนในจำนวนเท่ากับที่เคยขายไป จะทำให้เรามีรายได้จากส่วนต่างเข้ามาเรื่อย ๆ )
4 .... การซื้อหุ้นเพิ่มเติม ห้ามใช้เงินจากส่วนอื่น นอกจากเงินจากรายได้จากหุ้น ( คือ ห้ามเติมเงินลงในพอร์ตอีก เริ่มเล่นด้วยเงินเท่าไหร่ก็เท่านั้น จากนั้นก็หารายได้จากเงินที่ลงไป )
5... การจะซื้อหุ้นคืน อย่าซื้อระหว่างวัน ควรซื้อตอนจะปิดตลาดเท่านั้นครับ เช่นก่อนปิดตลาดเช้า หรือก่อนปิดตลาดบ่าย เลือกช่วงไหน ให้เป็นช่วงนั้นอย่างสม่ำเสมอครับ ( การซื้อคืนระหว่างวัน เหมือนเกมส์มันยังไม่จบเราก็รีบรับหุ้นเพื่อสรุป .... ผมคิดเองน่ะครับ )
6... ข้อนี้สำคัญมากครับ อาจใช้เวลานานหน่อย
นำข้อมูลการซื้อขายของคุณตั้งแต่วินาทีที่เริ่มลงทุนมาทำข้อมูลแยกดังนี้
....แยกหุ้นแต่ละตัว แยกราคาที่เคยซื้อของหุ้นนั้น แยกราคาขายที่เคยขายหุ้นนั้น
....นำมาจับหักล้างกันสำหรับ ราคาซื้อ ที่ซื้อได้ต่ำกว่าที่เคยขายไป
....เมื่อหักล้างกันแล้ว จะเหลือรายการที่ ขายไปแล้วแต่ยังซื้อคืนไม่ได้ กับ ราคาที่ซื้อมาแล้วแต่ไม่ได้คู่กับที่เคยขายไป
.....นำข้อมูลดังกล่าวมาเป็นหลักเกณท์เริ่มต้นในการซื้อขายหุ้นที่จะเกิดขึ้นจากนี้เป็นต้นไป
ผมย้ำเลยว่า ตราบใดที่ข้อมูลการซื้อขายหุ้นที่ผ่านมายังอยู่ครบ แล้วทำข้อมูลให้เรียบร้อย จากนั้นมาเริ่มลงทุนโดยเน้นการเพิ่มหุ้น เน้นการ .... ขาย แล้ว ซื้อ
คุณจะค่อย ๆ ได้เงินที่หายไปกลับคืนมา ครับ
ยกตัวอย่างเป็นกำลังใจอีกนิด ( ทำความเข้าใจให้ละเอียดน่ะครับ ) ( ตามแนวของผมน่ะครับ )
สมมุติที่ scb-w
ราคาที่ลงเงินไป ( คร่าว ๆ ) = 9.50 * 40000 = 380,000