DSM concept ตอนที่ 60
.............
ผมไม่ค่อยกล้าบอกอะไรมากครับ เพราะวิธีของผมมันเหมือนดาบ 2 คม อย่างที่เล่าไว้แล้วว่า ผมขาดทุนจากวิธีนี้ถึง 4 แสนบาทภายในเดือนเดียว
แต่ถึงตอนนี้ มีแต่ได้กับได้ทุกวันครับ
ผมเคยบอกภาพรวม ๆ ให้เพื่อนสนิท ปรากฎว่า เค้าไปลองทำ ขาดทุนหนักกว่าเก่าอีกครับ
เข้าเรื่องน่ะครับ
อันดับแรก ผมอยากให้คุณ PITnap no.3 ( ผมขอเรียกว่า คุณ พิท น่ะครับ )
คุณพิท ลองไปทำความเข้าใจกับเรื่องนี้ก่อนน่ะครับ
1...การเก็งกำไร ( พนัน ) คือ การซื้อมาขายไป
2...การออมหุ้น คือ การซื้อหุ้นแล้วถือยาว โดยไม่มีการจัดพอร์ตให้เหมาะสมกับตลาด
3...การลงทุน คือการครอบครอง หรือคือ การขายไปแล้วซื้อคืนมา
.......
แล้วผมค่อยเข้ามาคุยต่อครับ
.......
เด่นศรี
จากคุณ : เด่นศรี - [ 24 เม.ย. 47 13:38:00 ]
ความคิดเห็นที่ 10
ขอถามคำถามกลับดังนี้นะคะ (ไม่ได้ลบหลู่หรือลองภูมิแต่อย่างใดนะคะ เพียงแต่สงสัยเท่านั้น)
ที่บอกว่าตอนนี้มีแต่ได้กับได้เนี่ย อยากทราบว่าใช้วิธีนี้มานานรึยัง ระยะเวลาที่เล่นในตลาดหุ้นนานเท่าไหร่แล้วคะ
เพราะอย่างที่รู้กันว่าปีที่แล้วตลาดหุ้นเมืองไทยบูมมาก เป็นอันดับสองรองจากจีนเท่านั้น แล้วที่เคยรู้มา หลายคนบอกว่าจะเห็นตลาดเป็นแบบปีที่แล้วอีกก็ต้องรอรอบวัฏจักรเศรษฐกิจอีกครั้ง
มาถึงคำถาม (ขอตอบแบบคนไม่มีประสบการณ์ในตลาดหุ้นเลยนะคะ เพียงแค่มองในฐานะคนที่จะเข้าตลาดเท่านั้น)
1...การเก็งกำไร ( พนัน ) คือ การซื้อมาขายไป
มันคือการเล่นรอบตามน้ำไปเรื่อย ซึ่งคิดว่าส่วนใหญ่ในตลาดน่าจะใช้วิธีนี้ + ผสมดูเทคนิคดูกราฟ ก็ว่ากันไป
สำหรับเราคิดว่า การเล่นรอบ ไม่จำเป็นต้องเป็นหัวขบวน แค่ดูราคาที่เหมาะสม+ช่วงเวลา ขอแค่ติดขบวนไปก็มีสิทธิ์ได้กำไร
แค่ดูราคากับ volume ถ้ามี volume มาก็ซื้อเลย
2...การออมหุ้น คือ การซื้อหุ้นแล้วถือยาว โดยไม่มีการจัดพอร์ตให้เหมาะสมกับตลาด
ดูงบการเงิน พิจารณาภาพรวมของบริษัทว่าดีก็ซื้อเลย แล้วปล่อยทิ้งไม่สนใจไม่ตามข่าว หุ้นตกหุ้นขึ้นก็ถือไว้อย่างนั้น
อันนี้เจอกับตัวเอง แม่ซื้อ bbl ไว้ตั้งแต่ราคา 10 บาท แล้วเค้าก็ไม่เคยสนใจเลย ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองซื้อหุ้นมา - -"
3...การลงทุน คือการครอบครอง หรือคือ การขายไปแล้วซื้อคืนมา
วิธีนี้น่าจะเป็นวิธีการที่คุณเด่นศรีใช้
ที่สนใจวิธีนี้ คิดว่าเอามาปรับเข้ากับการเล่นรอบได้ เป็นช่วงเวลาการเข้าซื้อแล้วก็ขาย แต่อาจจะไม่ได้ถี่ขนาดนั้น เป็นรายสัปดาห์หรือรายเดือน
ถ้าเป็นไปได้อยากให้ช่วยยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆด้วยค่ะ อ่านไปหลายรอบแล้วค่ะก็ยังงงอยู่ว่าทำได้ไง
ถ้าไม่สะดวกจะตอบตรงนี้ ก็คลิกที่อมยิ้มได้เลยค่ะ ขอบคุณค่ะ
จากคุณ : PITnap no.3 - [ 24 เม.ย. 47 14:45:01 ]
ความคิดเห็นที่ 11
ถึงคุณพิทครับ
ทุกคนจะไม่ค่อยเชื่อครับว่า การลงทุนในหุ้น มีแต่ได้กับได้ และได้ทุกวัน ขอเพียงหุ้นที่ถืออยู่มีการเคลื่อนไหว ไม่ว่าขึ้นหรือลงครับ
สำหรับคำถามว่า เล่นมานานแค่ไหน ... ก็ประมาณ 4 ปี ครับ ตอนนั้น สเปรดหุ้นยังไม่ได้ปรับมาต่ำเท่านี้ครับ แต่ผมให้ข้อคิดอย่างหนึ่งครับว่า อย่าไปให้ความสำคัญว่าเค้าอยู่ในตลาดมานานแค่ไหน เพราะอาเฮียข้างบ้านผม รวมทั้งเพื่อนสนิทของผม อยู่ในตลาดมาเกือบ 15 ปี ตอนนี้ก็ยังงู ๆ ปลา ๆ เหมือนเดิม ตอนขาขึ้นก็ได้กำไร แต่พอขาลงก็คืนเจ้ามือเค้าไปทั้งกำไรและเงินต้น
อยู่ที่ว่า เมื่อเข้ามาแล้ว คุณจริงจัง และ เอาใจใส่พอร์ตและการสร้างการลงทุนของคุณได้แค่ไหน ไม่ใช่เวลาครับ
สำหรับวิธีที่ใช้นี้ ทำมาประมาณ 3 ปี ครับ กำไรที่ได้ก็เอามาลองเล่นเก็งกำไรแบบอื่น เพื่อดูว่า อะไรเป็นวิธีที่ดี อะไรเป็นวิธีที่ไม่ดี เพราะผมเอากำไรมาเรียนรู้ ทำให้รู้ว่า การลงทุนที่แท้จริงนั้น ทำเงินได้ทุกวัน ทำเงินได้ไม่ว่าวันนั้นเดือนนั้นหุ้นจะขึ้นหรือลง หรือเกิดดิ่งอย่างตกใจ ขอเพียงว่า ไม่ใช่แบบที่ฟองสบู่แตกจนเศรษฐกิจพัง ซึ่งช่วงนั้น จะต้องออกจากตลาดอยู่แล้วครับ
เรื่องการเก็งกำไร ( การพนัน ) คุณพิทจะแนใจได้อย่างไรครับว่า วอลุ่มที่เข้ามานั้น จะเป็นรอบขึ้นของหุ้น ผมเชื่อว่า ทุกคนที่อยู่ในตลาดหุ้น รู้เช่นเดียวกันครับว่า ต้องรอ วอลุ่ม แต่ ..... ทำไมทุกคนกลายเป็นแมงเม่าตายเกลื่อนกลาดทุกรอบเช่นกัน
การออมหุ้น ที่ดูปัจจัยพื้นฐาน เป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างยิ่งครับ แต่ .... ในตลาดหุ้น หุ้นแต่ละตัวจะมีเจ้ามือคุมครับ คุณพิทไม่มีทางรู้วงใน หรือ ทันเกมส์เจ้ามือหรอกครับ เพราะเช่นกัน ทุกคนในตลาดหุ้นก็รู้ว่าต้องดูหุ้นพื้นฐานดี ๆ แต่ .... ก็ยังเป็นแมงเม่าเกลื่อนกลาดเช่นเคย
อีกอย่างคือ การถือหุ้นแบบซื้อแล้วลืมไปเลย จะแน่ใจได้อย่างไรว่า ในปีที่ 3 หุ้นที่เคยขึ้นมา 2 ปีแล้ว จะไม่ดิ่งลงไปอยู่ที่เดิม เช่นเดียวกับ BBL คุณพิทแน่ใจได้อย่างไรว่า ในปีหน้า ราคาจะยังขึ้นต่อ หรือว่าจะลงมาเหลือ 8 บาท .... ทุกอย่างไม่แน่นอนครับ ไม่เช่นนั้น คนที่เคยรวยเป็น 100 ล้านจากช่วงหุ้นขึ้นไป 1700 จุด คงไม่มาฆ่าตัวตายหรือกลายเป็นคนเคยรวยภายในเวลาหลังจากนั้นแค่เดือนเดียวครับ
การเล่นรอบ ทุกคนในตลาดหุ้นก็คงคิดเช่นเดียวกับคุณพิท แต่ .... ก็ยังคงเป็นแมงเม่าอีกเช่นกัน
ทุกความคิดในตลาดหุ้น แนวทางไหนดีหรือแย่ อยู่ที่ผลของมัน
ถ้าแนวทางนั้น ได้บ้างเสียบ้าง รับรองว่า เสียมากกว่าได้ครับ
หุ้นขึ้น ทุกคนได้กำไร แต่พอหุ้นตก ส่วนใหญ่คืนกำไรแถมด้วยเงินต้นของตัวเอง แล้วก็บอกกับต้วเองว่า .... รอรอบหน้า
แต่พอรอบหน้ามา ก็ไม่กล้าซื้อ เพราะกลัวว่า ยังไม่ใช่รอบขึ้นจริง ๆ แต่พอขึ้นมาเรื่อย ๆ จนมั่นใจแล้วเข้าไปซื้อ ได้กำไรมาก็ดีใจ ก็เอาอีก ..... แล้วก็ติดดอยและขาดทุน วนเวียนอยู่อย่างนี้ครับ
สำหรับผม วันไหนซื้อขาย วันนั้นก็มีรายได้ ผมจึงต้องซื้อขายทุกวัน ถ้าเล่นเป็นรอบสัปดาห์หรือเดือน ผมก็จะได้เป็นสัปดาห์ หรือเดือนแทน
แต่การเล่นรอบ แน่ใจแค่ไหนครับว่าจะเข้าถูกรอบ
ยกตัวอย่าง
ซื้อสบู่ลักษณ์มา 1 โหล ราคา 50 บาท ขายไปราคา 60 บาท ..... ได้กำไร 10 บาท
จากนั้นซื้อมาอีก 1 โหล แล้วขาย ... ได้กำไรอีก 10 บาท
เท่ากับว่า ได้กำไรรอบละ 10 บาท
ถูกต้องมั้ยครับ
แต่ .....
ซื้อหุ้นมา 50 บาท ขายไป 60 บาท กำไร 10 บาท
รอบต่อมา อาจต้องซื้อที่ราคา 65 บาท ขายไป 75 บาท ได้กำไรอีก 10 บาท จากนั้นมาซื้อที่ราคา 70 บาท แต่หุ้นตกลงมาเหลือ 40 บาท .... ขาดทุน 30 บาท
เห็นมั้ยครับ ว่าการซื้อขายหุ้น กับการทำการค้าเพื่อทำกำไร มันต่างกัน เพราะการค้า ซื้อแล้วสามารถขายได้แพงกว่าเสมอ ... แต่หุ้น ไม่ใช่
อีกตัวอย่าง
มีเงิน 1 ล้านบาท ซื้อหุ้นราคา 100 บาท ได้ 10,000 หุ้น ขายไปราคาหุ้นละ 110 บาท ได้กำไร = 100,000 บาท ( ไม่ต้องคิดค่าคอม ๆ ครับ ตัวเลขจะได้ดูง่าย )
จากนั้น ซื้ออีกรอบที่ราคา 120 บาท จะได้แค่ 9,100 หุ้น
ตามหลักแล้ว เท่ากับว่าคุณขาดทุนแล้ว เพราะค่าเงินคุณน้อยลง ทำให้คุณซื้อหุ้นได้จำนวนน้อยลง ( ซึ่งไม่เหมือนกับการซื้อ สบู่ ที่คุณยังสามารถซื้อที่ราคาเดิมได้ ตราบเท่าที่ทางบริษัทเค้ายังไม่ปรับราคาขึ้นมา )
ถ้าหุ้นตกจาก 120 มาเหลือ 110 เงินคุณจะเหลือแค่ 910,000 บาทครับ
และอย่าลืมว่า หุ้นตก มันตกเร็วกว่าหุ้นขึ้น ครับ
.........
วันนี้ให้การบ้านแค่นี้ก่อนครับ
เด่นศรี
จากคุณ : เด่นศรี - [ 25 เม.ย. 47 18:25:04 ]
ความคิดเห็นที่ 12
น่าสนใจค่ะ แล้ววิธีการหลักการของคุณคืออะไรคะ
ถ้าไม่สะดวกรบกวนส่งอีเมลให้ด้วยค่ะ
จริงๆคุณลงวิธีการเอาไว้ก็ไม่เสียหายนะคะ
ใครอยากจะทำตาม ทำตามแล้วได้ผลไม่ได้ผลก็โทษกันไม่ได้
ขึ้นอยู่กับแต่ละคนที่จะพิจารณาใช้วิธีการนั้นๆ
จากคุณ : PITnap no.3 - [ 26 เม.ย. 47 15:35:27 ]
ความคิดเห็นที่ 13
หลักการ ก็คือ ลงทุน ลงทุน ลงทุน
แต่มันทำยากเพราะ คนแทบทุกคน คิดว่าตัวเองกำลังลงทุน แต่ที่แท้แล้วเค้ากำลัง เก็งกำไร หรือ ออมหุ้น
ผมจึงให้คุณไปคิดใน 3 ข้อ ที่ผมกล่าวไว้แล้ว
ถ้าคุณไม่สนใจรายละเอียดความแตกต่างระหว่าง การเก็งกำไร .... การออมหุ้น .... และการลงทุน วิธีนี้ก็ใช้ไม่ได้ครับ
วิธีการ คือ ขายแล้วซื้อ ( ซึ่งทุกคนก็รู้ดีอยู่แล้ว แต่ที่ทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จเพราะ เค้ากำลังเก็งกำไรแต่หลงคิดว่ากำลังลงทุน )
นั้นคือคำตอบของ หลักการ และ วิธีการ ของผมครับ
คุณพิท ยังไม่ได้เปิดพอร์ตใช่มั้ยครับ ถ้ายัง .... คุณพิทจะยังไม่รู้หรอกครับว่า ตลาดหุ้นมันโหดร้ายแค่ไหน ถ้าคุณเข้ามาแล้วคุณจะเข้าใจในสิ่งที่ผมอธิบายไว้ได้ดีขึ้น
เมื่อลงสนามจริง ทุกอย่างจะบีบคั้นคุณ ความสามารถในการแก้ปัญหาของคุณ จะช่วยคุณ
แต่ถ้าคุณคิดว่า เล่นเป็นรอบ .... เงินคุณจะหายไปเป็นรอบด้วยเช่นกันครับ
เราเดาตลาดหุ้นไม่ออกหรอกครับ ผมจริงไม่ชอบเวลาเพื่อนโทรมาถามว่า พรุ่งนี้ เซทจะเป็นอย่างไร ... เพราะผมก็ไม่รู้
หลายครั้งที่มาร์ของผม โทรมาถามว่า ... หุ้น A ราคานี้น่าซื้อรึยัง ? ผมได้แต่ งง ว่า ตกลงผมเป็นมาร์ของเค้า หรือเค้าเป็นมาร์ของผม แต่คำตอบคือ ไม่ทราบครับ
ผมไม่สะดวกในการส่งเมล์น่ะครับ แต่ชอบการตอบแบบนี้ สนุกดี คงไม่ว่ากันน่ะครับ เพราะถ้าคุณเข้ามาถาม ผมก็เข้ามาตอบ
สิ่งที่คุณควรทำ
1... เปิดพอร์ต แล้วลงสนามจริง
2... ลงเงินก้อนแรก แล้วห้ามลงเพิ่ม ถ้ายังทำเงินกลับมาเป็น 2 เท่าของเงินต้นไม่ได้
3... เก็บข้อมูลการซื้อขายทุกหุ้นทุกราคาของคุณไว้ แล้วนำมาใช้ทำกำไร อย่าปล่อยให้มันผ่านเลยไป
4... ศึกษาคำว่า การลงทุน ... การเก็งกำไร และ การออมหุ้น ให้ชัดเจน แยกให้เห็นความแตกต่างกัน
5... วิธีใดที่คุณลงทุนแล้วไม่เครียด แม้ว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง ให้เชื่อไว้ก่อนว่า กำลังเดินมาถูกทางแล้ว
.........
มีเพื่อนในบอร์ดนี้อีกคนหนึ่ง ซึ่งเค้ามีเป้าหมายคือ เพิ่มหุ้น ( คล้ายกับวิธีของผม ) ลองโพสต์คุยกับเค้าดู น่าจะได้อะไรเพิ่มเติมครับ
เค้าใช้ ล็อกอิน ว่า Mudley Group ครับ
........
เด่นศรี
จากคุณ : เด่นศรี - [ 26 เม.ย. 47 17:43:19 ]
ความคิดเห็นที่ 14
หลังจากอ่านมาถึงรอบที่สิบก็พอจะเข้าใจวิธีการของคุณแล้วค่ะ
ให้เปิดพอร์ตจริงๆก่อนแล้วมาดูผลกันว่าลูกศิษย์คนนี้จะทำได้เปล่า
ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ไปในตัว ขอบคุณที่ตอบคำถามค่ะ
จากคุณ : PITnap no.3 - [ 26 เม.ย. 47 19:47:29 ]
ความคิดเห็นที่ 15
ด้วยความยินดีครับ
เด่นศรี
จากคุณ : เด่นศรี - [ 26 เม.ย. 47 20:38:11 ]
ความคิดเห็นที่ 16
ช่วยยกตัวอย่างให้ดูหน่อยสิคะว่าทำอย่างไร ระยะเวลาแค่ไหน
บางวันหุ้นก็ลงยกแผง แล้วคุณทำอย่างไร บางวันหุ้นก็ขึ้นหมด คุณเลือกขายอย่างไร แล้วระยะเวลาที่คุณทำล่ะคะ
เห็นแล้วสงสัยเพราะมันเยอะมากน่ะค่ะ ตั้ง 50 ตัว เอาตัวอย่างซะตัว 2 ตัวก็พอค่ะ
จากคุณ : ratchaya - [ 27 เม.ย. 47 15:41:09 ]
ความคิดเห็นที่ 17
แล้วคุณเล่นทุกวันเลยหรือคะ อย่างเมื่อวาน กับวันนี้คุณทำอย่างไร
จากคุณ : ratchaya - [ 27 เม.ย. 47 19:57:31 ]
ผมไม่ค่อยกล้าบอกอะไรมากครับ เพราะวิธีของผมมันเหมือนดาบ 2 คม อย่างที่เล่าไว้แล้วว่า ผมขาดทุนจากวิธีนี้ถึง 4 แสนบาทภายในเดือนเดียว
แต่ถึงตอนนี้ มีแต่ได้กับได้ทุกวันครับ
ผมเคยบอกภาพรวม ๆ ให้เพื่อนสนิท ปรากฎว่า เค้าไปลองทำ ขาดทุนหนักกว่าเก่าอีกครับ
เข้าเรื่องน่ะครับ
อันดับแรก ผมอยากให้คุณ PITnap no.3 ( ผมขอเรียกว่า คุณ พิท น่ะครับ )
คุณพิท ลองไปทำความเข้าใจกับเรื่องนี้ก่อนน่ะครับ
1...การเก็งกำไร ( พนัน ) คือ การซื้อมาขายไป
2...การออมหุ้น คือ การซื้อหุ้นแล้วถือยาว โดยไม่มีการจัดพอร์ตให้เหมาะสมกับตลาด
3...การลงทุน คือการครอบครอง หรือคือ การขายไปแล้วซื้อคืนมา
.......
แล้วผมค่อยเข้ามาคุยต่อครับ
.......
เด่นศรี
จากคุณ : เด่นศรี - [ 24 เม.ย. 47 13:38:00 ]
ความคิดเห็นที่ 10
ขอถามคำถามกลับดังนี้นะคะ (ไม่ได้ลบหลู่หรือลองภูมิแต่อย่างใดนะคะ เพียงแต่สงสัยเท่านั้น)
ที่บอกว่าตอนนี้มีแต่ได้กับได้เนี่ย อยากทราบว่าใช้วิธีนี้มานานรึยัง ระยะเวลาที่เล่นในตลาดหุ้นนานเท่าไหร่แล้วคะ
เพราะอย่างที่รู้กันว่าปีที่แล้วตลาดหุ้นเมืองไทยบูมมาก เป็นอันดับสองรองจากจีนเท่านั้น แล้วที่เคยรู้มา หลายคนบอกว่าจะเห็นตลาดเป็นแบบปีที่แล้วอีกก็ต้องรอรอบวัฏจักรเศรษฐกิจอีกครั้ง
มาถึงคำถาม (ขอตอบแบบคนไม่มีประสบการณ์ในตลาดหุ้นเลยนะคะ เพียงแค่มองในฐานะคนที่จะเข้าตลาดเท่านั้น)
1...การเก็งกำไร ( พนัน ) คือ การซื้อมาขายไป
มันคือการเล่นรอบตามน้ำไปเรื่อย ซึ่งคิดว่าส่วนใหญ่ในตลาดน่าจะใช้วิธีนี้ + ผสมดูเทคนิคดูกราฟ ก็ว่ากันไป
สำหรับเราคิดว่า การเล่นรอบ ไม่จำเป็นต้องเป็นหัวขบวน แค่ดูราคาที่เหมาะสม+ช่วงเวลา ขอแค่ติดขบวนไปก็มีสิทธิ์ได้กำไร
แค่ดูราคากับ volume ถ้ามี volume มาก็ซื้อเลย
2...การออมหุ้น คือ การซื้อหุ้นแล้วถือยาว โดยไม่มีการจัดพอร์ตให้เหมาะสมกับตลาด
ดูงบการเงิน พิจารณาภาพรวมของบริษัทว่าดีก็ซื้อเลย แล้วปล่อยทิ้งไม่สนใจไม่ตามข่าว หุ้นตกหุ้นขึ้นก็ถือไว้อย่างนั้น
อันนี้เจอกับตัวเอง แม่ซื้อ bbl ไว้ตั้งแต่ราคา 10 บาท แล้วเค้าก็ไม่เคยสนใจเลย ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองซื้อหุ้นมา - -"
3...การลงทุน คือการครอบครอง หรือคือ การขายไปแล้วซื้อคืนมา
วิธีนี้น่าจะเป็นวิธีการที่คุณเด่นศรีใช้
ที่สนใจวิธีนี้ คิดว่าเอามาปรับเข้ากับการเล่นรอบได้ เป็นช่วงเวลาการเข้าซื้อแล้วก็ขาย แต่อาจจะไม่ได้ถี่ขนาดนั้น เป็นรายสัปดาห์หรือรายเดือน
ถ้าเป็นไปได้อยากให้ช่วยยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆด้วยค่ะ อ่านไปหลายรอบแล้วค่ะก็ยังงงอยู่ว่าทำได้ไง
ถ้าไม่สะดวกจะตอบตรงนี้ ก็คลิกที่อมยิ้มได้เลยค่ะ ขอบคุณค่ะ
จากคุณ : PITnap no.3 - [ 24 เม.ย. 47 14:45:01 ]
ความคิดเห็นที่ 11
ถึงคุณพิทครับ
ทุกคนจะไม่ค่อยเชื่อครับว่า การลงทุนในหุ้น มีแต่ได้กับได้ และได้ทุกวัน ขอเพียงหุ้นที่ถืออยู่มีการเคลื่อนไหว ไม่ว่าขึ้นหรือลงครับ
สำหรับคำถามว่า เล่นมานานแค่ไหน ... ก็ประมาณ 4 ปี ครับ ตอนนั้น สเปรดหุ้นยังไม่ได้ปรับมาต่ำเท่านี้ครับ แต่ผมให้ข้อคิดอย่างหนึ่งครับว่า อย่าไปให้ความสำคัญว่าเค้าอยู่ในตลาดมานานแค่ไหน เพราะอาเฮียข้างบ้านผม รวมทั้งเพื่อนสนิทของผม อยู่ในตลาดมาเกือบ 15 ปี ตอนนี้ก็ยังงู ๆ ปลา ๆ เหมือนเดิม ตอนขาขึ้นก็ได้กำไร แต่พอขาลงก็คืนเจ้ามือเค้าไปทั้งกำไรและเงินต้น
อยู่ที่ว่า เมื่อเข้ามาแล้ว คุณจริงจัง และ เอาใจใส่พอร์ตและการสร้างการลงทุนของคุณได้แค่ไหน ไม่ใช่เวลาครับ
สำหรับวิธีที่ใช้นี้ ทำมาประมาณ 3 ปี ครับ กำไรที่ได้ก็เอามาลองเล่นเก็งกำไรแบบอื่น เพื่อดูว่า อะไรเป็นวิธีที่ดี อะไรเป็นวิธีที่ไม่ดี เพราะผมเอากำไรมาเรียนรู้ ทำให้รู้ว่า การลงทุนที่แท้จริงนั้น ทำเงินได้ทุกวัน ทำเงินได้ไม่ว่าวันนั้นเดือนนั้นหุ้นจะขึ้นหรือลง หรือเกิดดิ่งอย่างตกใจ ขอเพียงว่า ไม่ใช่แบบที่ฟองสบู่แตกจนเศรษฐกิจพัง ซึ่งช่วงนั้น จะต้องออกจากตลาดอยู่แล้วครับ
เรื่องการเก็งกำไร ( การพนัน ) คุณพิทจะแนใจได้อย่างไรครับว่า วอลุ่มที่เข้ามานั้น จะเป็นรอบขึ้นของหุ้น ผมเชื่อว่า ทุกคนที่อยู่ในตลาดหุ้น รู้เช่นเดียวกันครับว่า ต้องรอ วอลุ่ม แต่ ..... ทำไมทุกคนกลายเป็นแมงเม่าตายเกลื่อนกลาดทุกรอบเช่นกัน
การออมหุ้น ที่ดูปัจจัยพื้นฐาน เป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างยิ่งครับ แต่ .... ในตลาดหุ้น หุ้นแต่ละตัวจะมีเจ้ามือคุมครับ คุณพิทไม่มีทางรู้วงใน หรือ ทันเกมส์เจ้ามือหรอกครับ เพราะเช่นกัน ทุกคนในตลาดหุ้นก็รู้ว่าต้องดูหุ้นพื้นฐานดี ๆ แต่ .... ก็ยังเป็นแมงเม่าเกลื่อนกลาดเช่นเคย
อีกอย่างคือ การถือหุ้นแบบซื้อแล้วลืมไปเลย จะแน่ใจได้อย่างไรว่า ในปีที่ 3 หุ้นที่เคยขึ้นมา 2 ปีแล้ว จะไม่ดิ่งลงไปอยู่ที่เดิม เช่นเดียวกับ BBL คุณพิทแน่ใจได้อย่างไรว่า ในปีหน้า ราคาจะยังขึ้นต่อ หรือว่าจะลงมาเหลือ 8 บาท .... ทุกอย่างไม่แน่นอนครับ ไม่เช่นนั้น คนที่เคยรวยเป็น 100 ล้านจากช่วงหุ้นขึ้นไป 1700 จุด คงไม่มาฆ่าตัวตายหรือกลายเป็นคนเคยรวยภายในเวลาหลังจากนั้นแค่เดือนเดียวครับ
การเล่นรอบ ทุกคนในตลาดหุ้นก็คงคิดเช่นเดียวกับคุณพิท แต่ .... ก็ยังคงเป็นแมงเม่าอีกเช่นกัน
ทุกความคิดในตลาดหุ้น แนวทางไหนดีหรือแย่ อยู่ที่ผลของมัน
ถ้าแนวทางนั้น ได้บ้างเสียบ้าง รับรองว่า เสียมากกว่าได้ครับ
หุ้นขึ้น ทุกคนได้กำไร แต่พอหุ้นตก ส่วนใหญ่คืนกำไรแถมด้วยเงินต้นของตัวเอง แล้วก็บอกกับต้วเองว่า .... รอรอบหน้า
แต่พอรอบหน้ามา ก็ไม่กล้าซื้อ เพราะกลัวว่า ยังไม่ใช่รอบขึ้นจริง ๆ แต่พอขึ้นมาเรื่อย ๆ จนมั่นใจแล้วเข้าไปซื้อ ได้กำไรมาก็ดีใจ ก็เอาอีก ..... แล้วก็ติดดอยและขาดทุน วนเวียนอยู่อย่างนี้ครับ
สำหรับผม วันไหนซื้อขาย วันนั้นก็มีรายได้ ผมจึงต้องซื้อขายทุกวัน ถ้าเล่นเป็นรอบสัปดาห์หรือเดือน ผมก็จะได้เป็นสัปดาห์ หรือเดือนแทน
แต่การเล่นรอบ แน่ใจแค่ไหนครับว่าจะเข้าถูกรอบ
ยกตัวอย่าง
ซื้อสบู่ลักษณ์มา 1 โหล ราคา 50 บาท ขายไปราคา 60 บาท ..... ได้กำไร 10 บาท
จากนั้นซื้อมาอีก 1 โหล แล้วขาย ... ได้กำไรอีก 10 บาท
เท่ากับว่า ได้กำไรรอบละ 10 บาท
ถูกต้องมั้ยครับ
แต่ .....
ซื้อหุ้นมา 50 บาท ขายไป 60 บาท กำไร 10 บาท
รอบต่อมา อาจต้องซื้อที่ราคา 65 บาท ขายไป 75 บาท ได้กำไรอีก 10 บาท จากนั้นมาซื้อที่ราคา 70 บาท แต่หุ้นตกลงมาเหลือ 40 บาท .... ขาดทุน 30 บาท
เห็นมั้ยครับ ว่าการซื้อขายหุ้น กับการทำการค้าเพื่อทำกำไร มันต่างกัน เพราะการค้า ซื้อแล้วสามารถขายได้แพงกว่าเสมอ ... แต่หุ้น ไม่ใช่
อีกตัวอย่าง
มีเงิน 1 ล้านบาท ซื้อหุ้นราคา 100 บาท ได้ 10,000 หุ้น ขายไปราคาหุ้นละ 110 บาท ได้กำไร = 100,000 บาท ( ไม่ต้องคิดค่าคอม ๆ ครับ ตัวเลขจะได้ดูง่าย )
จากนั้น ซื้ออีกรอบที่ราคา 120 บาท จะได้แค่ 9,100 หุ้น
ตามหลักแล้ว เท่ากับว่าคุณขาดทุนแล้ว เพราะค่าเงินคุณน้อยลง ทำให้คุณซื้อหุ้นได้จำนวนน้อยลง ( ซึ่งไม่เหมือนกับการซื้อ สบู่ ที่คุณยังสามารถซื้อที่ราคาเดิมได้ ตราบเท่าที่ทางบริษัทเค้ายังไม่ปรับราคาขึ้นมา )
ถ้าหุ้นตกจาก 120 มาเหลือ 110 เงินคุณจะเหลือแค่ 910,000 บาทครับ
และอย่าลืมว่า หุ้นตก มันตกเร็วกว่าหุ้นขึ้น ครับ
.........
วันนี้ให้การบ้านแค่นี้ก่อนครับ
เด่นศรี
จากคุณ : เด่นศรี - [ 25 เม.ย. 47 18:25:04 ]
ความคิดเห็นที่ 12
น่าสนใจค่ะ แล้ววิธีการหลักการของคุณคืออะไรคะ
ถ้าไม่สะดวกรบกวนส่งอีเมลให้ด้วยค่ะ
จริงๆคุณลงวิธีการเอาไว้ก็ไม่เสียหายนะคะ
ใครอยากจะทำตาม ทำตามแล้วได้ผลไม่ได้ผลก็โทษกันไม่ได้
ขึ้นอยู่กับแต่ละคนที่จะพิจารณาใช้วิธีการนั้นๆ
จากคุณ : PITnap no.3 - [ 26 เม.ย. 47 15:35:27 ]
ความคิดเห็นที่ 13
หลักการ ก็คือ ลงทุน ลงทุน ลงทุน
แต่มันทำยากเพราะ คนแทบทุกคน คิดว่าตัวเองกำลังลงทุน แต่ที่แท้แล้วเค้ากำลัง เก็งกำไร หรือ ออมหุ้น
ผมจึงให้คุณไปคิดใน 3 ข้อ ที่ผมกล่าวไว้แล้ว
ถ้าคุณไม่สนใจรายละเอียดความแตกต่างระหว่าง การเก็งกำไร .... การออมหุ้น .... และการลงทุน วิธีนี้ก็ใช้ไม่ได้ครับ
วิธีการ คือ ขายแล้วซื้อ ( ซึ่งทุกคนก็รู้ดีอยู่แล้ว แต่ที่ทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จเพราะ เค้ากำลังเก็งกำไรแต่หลงคิดว่ากำลังลงทุน )
นั้นคือคำตอบของ หลักการ และ วิธีการ ของผมครับ
คุณพิท ยังไม่ได้เปิดพอร์ตใช่มั้ยครับ ถ้ายัง .... คุณพิทจะยังไม่รู้หรอกครับว่า ตลาดหุ้นมันโหดร้ายแค่ไหน ถ้าคุณเข้ามาแล้วคุณจะเข้าใจในสิ่งที่ผมอธิบายไว้ได้ดีขึ้น
เมื่อลงสนามจริง ทุกอย่างจะบีบคั้นคุณ ความสามารถในการแก้ปัญหาของคุณ จะช่วยคุณ
แต่ถ้าคุณคิดว่า เล่นเป็นรอบ .... เงินคุณจะหายไปเป็นรอบด้วยเช่นกันครับ
เราเดาตลาดหุ้นไม่ออกหรอกครับ ผมจริงไม่ชอบเวลาเพื่อนโทรมาถามว่า พรุ่งนี้ เซทจะเป็นอย่างไร ... เพราะผมก็ไม่รู้
หลายครั้งที่มาร์ของผม โทรมาถามว่า ... หุ้น A ราคานี้น่าซื้อรึยัง ? ผมได้แต่ งง ว่า ตกลงผมเป็นมาร์ของเค้า หรือเค้าเป็นมาร์ของผม แต่คำตอบคือ ไม่ทราบครับ
ผมไม่สะดวกในการส่งเมล์น่ะครับ แต่ชอบการตอบแบบนี้ สนุกดี คงไม่ว่ากันน่ะครับ เพราะถ้าคุณเข้ามาถาม ผมก็เข้ามาตอบ
สิ่งที่คุณควรทำ
1... เปิดพอร์ต แล้วลงสนามจริง
2... ลงเงินก้อนแรก แล้วห้ามลงเพิ่ม ถ้ายังทำเงินกลับมาเป็น 2 เท่าของเงินต้นไม่ได้
3... เก็บข้อมูลการซื้อขายทุกหุ้นทุกราคาของคุณไว้ แล้วนำมาใช้ทำกำไร อย่าปล่อยให้มันผ่านเลยไป
4... ศึกษาคำว่า การลงทุน ... การเก็งกำไร และ การออมหุ้น ให้ชัดเจน แยกให้เห็นความแตกต่างกัน
5... วิธีใดที่คุณลงทุนแล้วไม่เครียด แม้ว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง ให้เชื่อไว้ก่อนว่า กำลังเดินมาถูกทางแล้ว
.........
มีเพื่อนในบอร์ดนี้อีกคนหนึ่ง ซึ่งเค้ามีเป้าหมายคือ เพิ่มหุ้น ( คล้ายกับวิธีของผม ) ลองโพสต์คุยกับเค้าดู น่าจะได้อะไรเพิ่มเติมครับ
เค้าใช้ ล็อกอิน ว่า Mudley Group ครับ
........
เด่นศรี
จากคุณ : เด่นศรี - [ 26 เม.ย. 47 17:43:19 ]
ความคิดเห็นที่ 14
หลังจากอ่านมาถึงรอบที่สิบก็พอจะเข้าใจวิธีการของคุณแล้วค่ะ
ให้เปิดพอร์ตจริงๆก่อนแล้วมาดูผลกันว่าลูกศิษย์คนนี้จะทำได้เปล่า
ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ไปในตัว ขอบคุณที่ตอบคำถามค่ะ
จากคุณ : PITnap no.3 - [ 26 เม.ย. 47 19:47:29 ]
ความคิดเห็นที่ 15
ด้วยความยินดีครับ
เด่นศรี
จากคุณ : เด่นศรี - [ 26 เม.ย. 47 20:38:11 ]
ความคิดเห็นที่ 16
ช่วยยกตัวอย่างให้ดูหน่อยสิคะว่าทำอย่างไร ระยะเวลาแค่ไหน
บางวันหุ้นก็ลงยกแผง แล้วคุณทำอย่างไร บางวันหุ้นก็ขึ้นหมด คุณเลือกขายอย่างไร แล้วระยะเวลาที่คุณทำล่ะคะ
เห็นแล้วสงสัยเพราะมันเยอะมากน่ะค่ะ ตั้ง 50 ตัว เอาตัวอย่างซะตัว 2 ตัวก็พอค่ะ
จากคุณ : ratchaya - [ 27 เม.ย. 47 15:41:09 ]
ความคิดเห็นที่ 17
แล้วคุณเล่นทุกวันเลยหรือคะ อย่างเมื่อวาน กับวันนี้คุณทำอย่างไร
จากคุณ : ratchaya - [ 27 เม.ย. 47 19:57:31 ]