DSM concept ตอนที่ 59

ระบายความในใจ
การลงทุนในตลาดหุ้น ... เพื่อน ๆ ต้องการอะไร
กำไร  ....  ปันผล  ....  ความเป็นเจ้าของกิจการ
สิ่งที่ผมระบาย   ถ้าเพื่อน ๆ  ไม่เห็นด้วยอย่างไร  ก็ใช้เหตุผลที่สุภาพแย้งได้น่ะครับ   
ประมาณเมื่อปีที่แล้ว   ผมเคยเข้ามาโพสต์ถึงเรื่องการลงทุนในหุ้น   ด้วยความรู้สึกจริงใจ และ อยากจะช่วยเพื่อน ๆ   ไม่มากก็น้อย  
แต่โดนกล่าวหาว่า  เป็นโรคจิต   ....  18  มงกุฎ   รวมทั้งด่าหยาบคายหลายอย่าง     ในกระทู้ที่ผมตั้งหัวข้อว่า 
......  ลงทุนให้รวย ( ไม่ใช่กำไร ) .....
ผมไม่กล้าโพสต์ถึงแนวทางเล่นหุ้นอีกเลย    มีบ้างที่เข้ามาโพสต์แซว  หรือออกความเห็นในบางกระทู้
ว้า ....  ซีเรียสเกินไป   555  เอิ๊ก
เข้าเรื่องดีกว่าครับ
เพื่อน ๆ  พี่ ๆ  เฮีย ๆ  แต่ละท่าน ก็จะมีแนวทางการลงทุนแตกต่างกันออกไป  
สิ่งที่ผมเขียน   ก็เป็นแนวทางของผมเอง 
ถ้าถามว่า  ผมต้องการอะไรในตลาดหุ้น   .....  รวย  รวย  และ  รวย  ครับ
ถ้าถามว่า  ใครคือคนรวย และได้กำไรจากหุ้น   ....  หนึ่งในนั้นแน่ ๆ  คือ  เจ้าของหุ้น
ผมจึงตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่า   .....  ผมจะต้องเป็นเจ้าของหุ้น  เป็นเจ้าของบริษัท   
ถ้าผมมีหุ้นมากมาย   .....  กำไร  และ เงินปันผลก็จะตามมา
ในส่วนตัวผมแล้ว   การเก็งกำไร  ก็คือ การเดาว่า  ....  วันนี้หุ้นจะขึ้น   วันนี้หุ้นจะลง   ข่าวหวัดนกมาหุ้นต้องลงแน่   ฝรั่งกลับมาแล้ว..หุ้นต้องขึ้นแน่
ซึ่งมันไม่มีอะไรแน่นอนเลย    เพราะการเดาของเรา   เหล่าเจ้ามือทั้งหลายก็กำลังเดาเราอยู่  และ หาทางโกยเงินจากเรา    เหมือนกับว่า เราไม่รู้ไพ่ในมือเค้า   แต่เจ้ามือรู้ไพ่เรา
กำไรได้มา  แล้วก็ต้องหายไป    บางครั้งได้กำไร  1  ล้าน  แต่ขาดทุน  2  ล้าน
เทคนิคต่าง ๆ  ก็มีเยอะ...
เช่น
ไม่ขายไม่ขาดทุน
ลงซื้อ  ขึ้นขาย
และ  อื่น ๆ  อีกมากมาย
แต่สำหรับผมแล้ว   ผมไม่มีความรู้ในเรื่องการวิเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น    เพราะผมเรียนไม่เก่ง   แถมขี้เกียจอีกตะหาก   งบการเงินก็อ่านไม่เป็น    หนังสือพิมพ์ก็ไม่ได้อ่าน  (  เมื่อก่อนตามข่าวตลอด  แต่มาร์ มากระซิบผมว่า    อย่าไปอ่านมันเลย  ข่าวที่เค้าตีพิมพ์   วงในเค้ารู้มาตั้งนานแล้ว    กว่ารายย่อยจะเห็นข่าว   เจ้ามือก็วางกับดักไว้รอรับแล้ว  แล้วก็ให้ข่าวออกมา )  ....  ผมเลยอ่านผ่าน ๆ  พอให้รู้หัวข้อใหญ่ ๆ  แค่นั้น
คราวนี้ผมก็มาเลือกหุ้น
อย่าหัวเราะ   อย่าเพิ่งตำหนิผมเรื่องหุ้นที่ผมถืออยู่
ผมถือหุ้นในมือ  ประมาณ  50  ตัว
เลือกแต่กิจการที่มีผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ   แบบว่า  ถ้ากิจการนั้นพังครืน  เศรษฐกิจไทยก็แย่แล้วล่ะครับ
เพราะผมตั้งใจแล้วว่า  ผมจะเป็นเจ้าของกิจการนั้นตลอดชีวิตของผม  ตราบใดที่กิจการนั้นยังเข้มแข็ง
บางคนอาจแย้งว่า  ... แล้วจะดูหุ้นได้ครบถ้วนอย่างไร   ...  ต้องลองทำเองครับ  แล้วจะรู้ว่า ง่ายนิดเดียว
..............
เข้าถึง การเล่นหุ้นแบบของผม  น่ะครับ
เมื่อผมถือหุ้น   ผมคิดเสมอว่า  ผมเป็นเจ้าของกิจการ   ผมมีหน้าที่ต้องตรวจดูความเป็นไปของกิจการ ว่า  ....  วันนี้  กิจการใดแย่   กิจการใดดี
กิจการที่ดี .... ปล่อยให้มันดำเนินต่อไป 
กิจการแย่ ....  ค่อย ๆ ลดขนาดมันลง   ถ้าลดแล้วยังแย่  ก็ลดมันไปเรื่อย ๆ  จนกว่ามันจะฟื้นตัว    ถ้ามันไม่ไหว ก็เลิกกิจการนั้นไป
ซึ่งก็เข้าหลักการ  ปล่อยกำไรให้วิ่งต่อ    และ  ตัดขาดทุนให้เร็วที่สุด
ผมจึงแย้งในใจมาตลอดเกี่ยวกับแนวทาง   ... ลงให้ซื้อ  ขึ้นให้ขาย
เพราะแนวทางของผมคือ   ลงให้ขาย  ขึ้นให้ซื้อ
ถ้าซื้อแล้วขึ้น  ก็ถือยาว
ถ้าขายแล้วลง  ก็ขายต่อไปเรื่อย ๆ
กิจการที่ดี  อย่าไปยุ่งกับมัน  ปล่อยให้มันทำเงินของมันไป
กิจการที่แย่  ค่อย ๆ ขายเพื่อลดขนาดมัน   ถ้ามันยังแย่อีก ก็ขายไปเรื่อย ๆ   จนกว่ามันจะเริ่มฟื้นตัว จึงซื้อกลับคืนมา   ( ก็คือ  ช็อทอะเกนส์พอร์ต   ( ไม่รู้ว่าเขียนถูกต้องรึเปล่า )
ง่าย ๆ  แค่นี้ครับ
สิ่งที่ได้กลับมาคือ
ปริมาณหุ้นในมือ ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ  โดยที่ไม่ได้ลงเงินเพิ่มเลยสักบาทเดียว
ปันผลได้เพิ่มขึ้นทุกปี  โดยที่ไม่ได้ลงเงินเพิ่มเติมในพอร์ตเลย
กำไร  ....  จะตามมาเองโดยอัตโนมัติ
.........
สิ่งที่ผมชอบคือ    ความผันผวนในตลาดหุ้น   หุ้นยิ่งลง  พอร์ตยิ่งโต
ผมจึงชอบหุ้นขาลงมากกว่าหุ้นขาขึ้น
.......
เป็นเพียงแนวทางหนึ่งครับ     
.......
ให้เพื่อน ๆ  อ่านเล่นครับ
.........
เด่นศรี
จากคุณ : เด่นศรี  - [ 22 เม.ย. 47 19:57:36 ] 

ความคิดเห็นที่ 1 
สุดยอด...ใช้กับportขนาดกลาง-ใหญ่
รายย่อย1-2ล้าน...ไม่เหมาะ
จากคุณ : เดียวดายหมื่นลี้ - [ 22 เม.ย. 47 21:18:03 A:203.156.74.204 X: ] 

ความคิดเห็นที่ 2  
เช้ามาก็เอาลูกดอกปา 2 ลูก โดนตัวไหนก็เอาตัวนั้น
จากคุณ : พ่อไม้  - [ 22 เม.ย. 47 22:12:25 ] 

ความคิดเห็นที่ 3  
ตั้ง 50 ตัว มีเวลาดูแลทั่วถึงหรือ 
จากคุณ : BHU  - [ 22 เม.ย. 47 22:53:21 ] 

ความคิดเห็นที่ 4  
ขอออกความคิดเห็นบ้าง ไม่รู้จะเรื่องเดียวกันกับเจ้าของกระทู้หรือเปล่า ระยะนี้ได้รับเอกสารรายงานประจำปีของบริษัทที่ผมซื้อหุ้นไว้ บริษัทที่ไม่จ่ายปันผลและหรือหุ้นร่วงเอา ๆ มักจะทำเอกสารอย่างสวยงาม แต่บริษัทที่ผมได้กำไรมักจะทำรูปเล่มธรรมดา ทำให้นึกถึงนายชวน รัตนรักษ์(สมัยที่ยังมีชีวิตอยู่) เขาจัดประชุมใหญ่ที่สำนักงาน อาหารว่างก็ถูก ๆ แต่จ่ายปันผลดีแฮะและประชุมเสร็จจ่ายเช็คปันผลทันที เขาคงแน่ใจว่า ที่ประชุมต้องอนุมัติแน่นอน (เพราะที่นั่งในห้องประชุมคงลูกน้องเขาที่เข้าประชุมแทนผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ ใช้เวลาประชุมไม่ถึง๒๐ นาที) ผมก็ถือหุ้นบริษัทเขามาตลอด บริษัทที่ใช้จ่ายไม่ประหยัด มันก็ใช้เงินของเราส่วนหนึ่งนี่เอง บริษัทขาดทุนแต่เพิ่มเบี้ยประชุมและโบนัสกรรมการซึ่งไม่เป็นญาติก็พรรคพวกมัน เพราะฉะนั้น หุ้นลงมามาก ๆ แล้วเข้าไปซื้อคงไม่ได้กำไรเสมอไปครับ ถ้าผู้บริหารไม่รักษาผลประโยชน์บริษัทและรู้การบริหารให้บริษัทประสพความสำเร็จ เพราะเขาไม่ได้ขาดทุนเหมือนเราที่เข้าไปซื้อหุ้นมันเพราะเขาได้ประโยชน์แอบแฝงพอเพียงแล้ว ดี ไม่ดีเข้ามาปั่นหุ้นเสียเอง แล้วตูมาซื้อหุ้นมันทำไมหว่า
จากคุณ : jinvet  - [ 23 เม.ย. 47 09:34:06 ] 

ความคิดเห็นที่ 5  
ทั้ง 50 ตัว ผมจะดูเป็นรอบครับ รอบหนึ่งก็ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
.......
พอร์ตไม่ถึงล้านก็ทำได้ครับ ผมเริ่มจากเงินไม่กี่แสน จากหุ้น 1 ตัว ทำจนมันกลายมาเป็นเกือบ 50 ตัวครับ
.......
เริ่มลงทุนช่วงแรก ได้กำไรวันละ 500 ก็ดีใจแล้วครับ ขับรถเที่ยวรอบเมืองเป็นรางวัลเลยครับ
นั่งทำกราฟเอง เขียนแผนภูมิเอง .... ก็ได้กำไรนิดหน่อยทุกวัน
แต่ .... พอหุ้นเริ่มคึกคัก จากกำไรที่ได้เกือบทุกวัน กลายเป็นไม่ค่อยได้ เพราะ ขายหมูบ่อย ไม่กล้าซื้อก็บ่อย
และเมื่อเกิดเหตุการณ์รุนแรง ไม่อยากพูดถึงเลยครับ กำไรที่ได้มารวม 7-8 เดือนที่ผ่านมา คืนเค้าไปหมดแถมด้วยเงินต้นให้เค้าไปด้วย
จนกระทั่งมาเจอแนวทางนี้ .... คิดแล้วคิดอีก สุดยอดแน่ ๆ ทฤษฎีนี้ ..... เห็นผลทันตา ครับ ภายในเวลาแค่ 1 เดือนด้วยทฤษฎีนี้ ขาดทุนทันที เกือบ 4 แสนบาท
เกือบเลิกเล่นไปแล้ว หมดกำลังใจครับ แต่ ... มีภรรยาที่แสนดี บอกว่า ..... อย่าท้อ ถ้าเราท้อ เราหยุด เราก็ต้องกลับมาทำงานค้าขายกันตลอดชีวิต ไม่มีทางได้หยุดพัก
ก็เกิดกำลังใจ .... มาคิดว่า เอ๊ะ ทฤษฎีก็ถูกต้อง แต่ทำไมมันกลับลงเหวอย่างนี้
กว่าจะรู้ว่า ทฤษฎีถูก แต่ปฎิบัติผิด ก็ขาดทุนไปประมาณ ล้านกว่าบาท
มาเริ่มต้นใหม่ .... เหลือเงินลงทุนแค่ไม่ถึงล้าน
ภายใน 1 ปี พอร์ตโตขึ้นเป็นเท่าตัว
ผมต้องย้ำนิดหนึ่งว่า ผมไม่เคยมองว่ากำไรเท่าไหร่ ผมมุ่งแต่สร้างพอร์ต สร้างหุ้น ..... สร้างมันทุกวัน ซื้อขายมันทุกวัน
จาก หุ้นแค่ 1 ตัว มันแตกลูกหลานมาเป็น 50 ตัว และแต่ละตัว ก็กำลังเพิ่มตัวมันเองอยู่ทุกวัน
สนุก และ เพลินมาก เพราะไม่ต้องมากังวลว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง ภาวนาอย่างเดียวคือ อย่าให้หุ้นมันนิ่ง เพราะจะทำรายได้ไม่ได้เลย ถ้าหุ้นไม่มีการเคลื่อนไหว
.........
ผมเน้นเรื่อง รายได้จากหุ้น มากกว่า กำไรจากหุ้น
กำไร ... เกิดจาก ซื้อหุ้นมาแล้วขายหุ้นไป
รายได้ ... เกิดจาก หุ้นยังอยู่ครบ แต่ได้เงินจากส่วนต่างจากการขายแล้วซื้อกลับคืนมา
เดี๊ยวผมต้องไปธุระก่อน ค่อยมาว่ากันต่อ จะลองยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย ๆ อีกนิดครับ
.............
ผมทำเหมือน หุ้น คือ อพาร์ตเม้นให้เช่า สิ่งที่ได้จากมันคือ ค่าเช่า ( ก็คือรายได้จากหุ้น )
อพาร์ตเม้นยังคงอยู่ก็คือ หุ้นยังคงอยู่ในมือ แต่เมื่อผมขายหุ้นแล้วซื้อกลับมาในราคาที่ต่ำกว่าที่ขาย ผมจะได้หุ้นคืนมา + เงินส่วนต่าง ( ก็เหมือนค่าเช่าห้อง )
ผมไม่สนใจว่า พอร์ตจะมีมูลค่าเหลือเท่าไหร่ ขอเพียงมันทำเงินส่วนต่างกลับมาให้ผมพร้อมหุ้นของผมคืนกลับมา
เพราะผมมองว่า อพาร์ตเม้นที่เราลงทุน เราอาจซื้อมาด้วยเงิน 5 ล้านบาท
จากนั้น อพาร์ตเม้นจะมีราคาขึ้นหรือลง ผมไม่สนใจ ขอแค่มีคนเช่าแล้วเก็บค่าเช่าได้ ผมถือว่า ตรงเป้าหมายแล้ว
เงินส่วนต่างที่ได้มา ผมก็จะนำไปซื้อหุ้นเพิ่มเติมเข้าไปเหมือนดอกเบี้ยทบต้น .... เหมือนกับว่าผมนำเงินรายได้จากค่าเช่า ไปซื้ออพาร์ตเม้นเพิ่มเติม
เพื่อมันจะได้ทำรายได้ให้มากขึ้นเรื่อย ๆ
............
วันนี้พอก่อนน่ะครับ ไปทำธุระก่อนครับ
เด่นศรี
จากคุณ : เด่นศรี  - [ 23 เม.ย. 47 13:34:02 ] 

ความคิดเห็นที่ 6 
zผมยังว่าลงซื้อขึ้นขายเหมาะกับผมอยู่ส่วนเงินปันผลถือเป็นของแถมวิธีคุณผมก็ใช้อยู่มันทำให้มีหุ้นมากขึ้นต้นทุนลดลงแต่ก็ยังขึ้นขายลงซื้อเหมือนเดิมอะ
จากคุณ : เงา - [ 23 เม.ย. 47 21:08:06 A:203.113.38.10 X: ] 

ความคิดเห็นที่ 7  
ตอบคุณเงา
คล้าย ๆ กันกับความเห็นของคุณเงาครับ เพียงแต่ผมมองเรื่องการเพิ่มหุ้นเป็นหลัก จึงกลัวว่า ถ้าขายแล้วหุ้นไม่ลง ผมก็จะเสียหุ้นส่วนนั้นไป และถ้าซื้อแล้วหุ้นไม่ขึ้น ผมก็จะไม่ได้กำไรจากด้านการซื้อครับ
ผมก็ไม่กล้าขายเมื่อหุ้นขึ้น เพราะกลัวว่าขายแล้วหุ้นไม่ลงมาให้ผมซื้อกลับ
และถ้าซื้อแล้วหุ้นลงต่อ ผมจึงต้องซื้อตอนช่วงหุ้นขึ้น เพราะอย่างน้อยก็มีแนวโน้มว่า ซื้อแล้วหุ้นอาจจะขึ้นต่อได้
ครับ
จากคุณ : เด่นศรี  - [ 24 เม.ย. 47 10:10:39 ] 

ความคิดเห็นที่ 8  
น่าสนใจดีนะคะ
แต่อยากทราบว่าราคาที่เหมาะสมในการซื้อใช้ตรงไหนพิจารณา
เล่นหุ้นมันมีเป็นรอบๆ ถ้าเราเข้าไปซื้อตอนที่อยู่ในรอบสั้นๆ ระยะครึ่งเดือนอย่างงี้ เราจะพิจารณายังไง
อย่างหุ้นลงก็เหมือนกัน มันก็มีเป็นรอบสั้นๆมาเป็นวัฏจักรไปเรื่อยๆ
พิมพ์เข้ามาขอคำปรึกษาค่ะ เห็นว่าสไตล์นี้น่าสนใจดี แต่ยังมีอะไรที่ไม่เข้าใจ อ่านไปก็หลายรอบ ^^
ว่าจะเปิดพอร์ตเร็วๆนี้แหละค่ะ คิดว่าคงเล่นแบบถือยาว ขอคำแนะนำด้วยนะคะ
จากคุณ : PITnap no.3  - [ 24 เม.ย. 47 10:29:42 ] 

ความคิดเห็นที่ 9  
ผมมีเวลาอีกนิดหน่อย จะลองให้ข้อมูลนิดหน่อยก่อนครับ เพราะต้องออกไปธุระ ( อีกแล้ว )

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5