DSM concept ตอนที่ 52
ความคิดเห็นที่ 146
สวัสดีครับ
เพิ่งเล่นกลับจากเล่นฟุตบอลครับ มีเวลาตอบถึงก่อน 3 ทุ่ม แล้วที่เหลือ ผมจะมาตอบหลังเที่ยงคืนนะครับ ( ถ้าหากยังไม่หมดแรงหลับไปซะก่อน ( ยิ้ม ) )
................
ถึงคุณ warit ครับ
ผมสงสัยว่า ผมจะต้องถามคุณ warit มากกว่าซะแล้ว เพราะผมสารภาพครับ ว่าไม่ค่อยเข้าใจเรื่อง ซื้อ option เท่าไหร่ ( แทบจะไม่รู้รายละเอียดเลยครับ )
ส่วนเรื่อง ช็อทเซล ( ผมเขียนเป็นภาษาไทยนะครับ กลัวเขียนอังกฤษแล้วผิดครับ ) ในส่วนตัวผมแล้ว ผมคิดว่าผู้ที่จะทำช็อทเซลได้ ต้องมีความสามารถพิเศษในหลาย ๆ ด้านประกอบครับ เช่น เพื่อนฝูง ( รวมกันเป็นกลุ่ม ) ข้อมูลวงใน ข้อมูลรอบโลก เงินทุนที่มากมาย และ ฯลฯ
แต่หากเป็นรายย่อยอย่างพวกเรา การทำช็อทเซล จะค่อนข้างเสี่ยง
แต่อย่างที่บอกครับ ถ้าผมพอเข้าใจเรื่องช็อทเซลมากกว่านี้ คงจะให้คำตอบได้ชัดเจนขึ้นครับ
ผมเพิ่งทราบนะครับว่า ค่าคอม ๆ ของ US ถูกมากกว่าของเรา ( งั้นผมไปเอามาจากไหนเนี่ยะว่า ค่าคอม ๆ เค้าแพงกว่า .... ขออภัยด้วยครับ ( ยิ้ม ) )
เกมส์ 202 มีขายในไทยหรือยังครับ ใครทราบบ้างครับ ? .......
....................
ตอบคุณ italy
จากคำถาม .... เอาราคาเมื่อวันศุกร์ มาเป็นตัวตั้ง 45.5 รอขายที่ 44.75 ยังไงก็ไม่ลงมาให้ขาย ปิดตลาดที่ 45.75
กรณีที่เป็นการรอขายครั้งแรก วันนี้ ผมต้อง เลือนราคาตั้งขาย มาที่ 45.00 ใช่เปล่าครับ ......
ตอบ จะเลื่อนขึ้นมาหรือไม่ก็ได้ครับ ตรงส่วนนี้ เราสามารถยืดหยุ่นได้ หากเลื่อนขึ้นมา เราก็สามารถเริ่มช็อทได้ในราคาที่สูงขึ้น แต่หากไม่เลื่อน เราก็สามารถให้โอกาสราคาหุ้นลงไปต่ำหน่อยได้ ( เผื่อว่ามันลงไม่ถึง ก็จะไม่ต้องขายครับ )
แต่ถ้าเป็นผม ผมก็จะเลื่อนราคาขึ้นมาครับ
....................
ตอบคุณ เต่าหยวนเปียว
วิธีการลงทุนหุ้น ไม่จำเป็นต้องเหมือนใครครับ ขอให้สะดวกแก่ตัวเรา ทำให้เราลงทุนได้อย่างสบายใจ นั่นแหละดีที่สุดครับ
ดังนั้น คุณ เต่าหยวนเปียว ต้องค่อย ๆ ปรับ ค่อย ๆ ผสมผสานกันไป จนกระทั่งกลายเป็นแนวทางของคุณ เต่าหยวนเปียว เองครับ
หนังสือที่บอกมา ผมจดชื่อไว้แล้วครับ เดี๊ยวจะไปหาซื้อมาไว้อ่านครับ ขอบคุณมากครับ
.......................
สวัสดีครับคุณ ปิงป่องแชะ
...................
สวัสดีครับ คุณ วฤณญา
ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ
งานอดิเรก เหรอครับ ( นึก นึก ) ..... ก็มีอ่านหนังสือ ..... เล่นฟุตบอล ...... อ่านการ์ตูน ...... ผมชอบดูวีดีโอครับ ต้องดูก่อนนอนแทบทุกคืน ...... แล้วก็ที่สำคัญ คงจะเป็น เลี้ยงลูก ๆ 4 ขา ( สุนัข ) ครับ
ลูก ๆ ผม ตอนนี้ก็ 22 ตัว แล้วครับ เพิ่งคลอดเมื่อตีหนึ่งคืนวันเสาร์นี่เองครับ วันนี้ก็อายุ ประมาณ 3 วันแล้ว คลอดมาอีก 9 ตัวครับ เป็นพันธ์ ร็อทไวเลอร์ เวอร์ชั่น รักเด็ก ( แม่เค้าชื่อ มดตะนอยครับ ) ต้องไปช่วยแม่เค้าทำคลอดจนเช้าครับ
เป้าหมายในชีวิต ..... อันนี้ไม่ต้องนึกครับ .... รอวันที่ภรรยาไม่ต้องทำงานครับ จะได้ขับรถพาไปเที่ยวทั่วไทย เที่ยวไปซื้อขายหุ้นไปครับ น่าจะเพลินดี ( แบบว่า เที่ยวไปหาเงินไป ( ยิ้ม ))
ยินดีที่ได้รู้จัก ( อีกครั้ง ) ครับ
.........................
สวัสดีครับพี่อาซ้อสี่
สำหรับเรื่องการซื้อหุ้นคืน
ผมกล่าวไว้ที่คห.หนึ่ง่ครับ แต่จะยกมาอีกรอบ ( เพื่อพี่อาซ้อสี่โดยเฉพาะ ( ยิ้ม ))
1. อาจจะซื้อคืนเมื่อราคาต่ำลงมา 5 ช่อง
2. อาจจะซื้อคืน ถ้าซื้อคืนได้ 3 ราคาที่เคยขายไป
3. อาจจะซื้อคืน เมื่อราคาเริ่มขึ้น ( ขึ้นจากราคาต่ำสุดมาประมาณ 3 - 4 ช่อง ครับ )
สำหรับหุ้นที่มีปริมาณเยอะ ( เช่น BEC ) ผมจะใช้วิธีที่ 3. ครับ เช่นเดียวกับที่คุณ F (kidmai) ได้ตอบไว้ให้พี่อาซ้อสี่แล้วครับ
แต่หุ้นที่มีปริมาณในมือน้อย ( เช่น KEST ) ผมจะเลือกใช้วิธีที่ 1. และ 2. ( เลือกตามใจชอบได้ครับ )
.......................
ที่พี่อาซ้อสี่ถามว่า .... น่าจะซื้อคืนเลยตอนใกล้ปิดตลาด ......
ตอบ ถ้าจะซื้อคืนเลย ตอนใกล้ปิดตลาด ผมอยากให้พี่อาซ้อสี่เลือกเฉพาะหุ้นตัวที่พี่อาซ้อสี่มีอยู่ในมือน้อย ๆ ครับ ( คือ รีบเอากลับคืนมาก่อน )
แต่ถ้าหุ้นที่มีอยู่ในมือมาก ๆ เช่น BEC ผมอยากให้ใช้ตามที่คุณ F (kidmai) บอกไว้ครับ คือ ซื้อเมื่อหุ้นเริ่มขึ้นมา ( ตามวิธีที่ 3. ) เพราะ จะได้กินรวบทีเดียวเลย และจะได้กระแสเงินสดแฝงมากกว่า รวมทั้ง หากซื้อแล้วหุ้นขึ้นต่อ ก็ได้โชคชั้นที่สองไปด้วยครับ
.......................
ข้อคิดที่ได้อีกอย่างคือ .. เวลาโทรบอกมาร์ ให้เคาะขายทันทีเลย .. ไม่ใช่ตั้งขาย ... เพราะมาร์ เค้ายังไม่ได้มาอ่านกระทู้นี้เขาไม่เข้าใจค่ะ (หัวเราะ ) :)
ผมว่าจะลองโทรไปแกล้งมาร์มั่งนะครับ มุขเนี่ยะ ( มาร์เค้าชอบแกล้งผมก่อนครับ )
...........................
จากคำถามว่า ..... อีกอย่างค่ะ ซ้อสงสัยว่า
ในการกำหนดจำนวนช่องที่ขาย และจำนวนหุ้นที่ขาย เราดูจากอะไรคะ เช่น ถ้าเรามีจำนวนหุ้นน้อย เช่น kest ซ้อมี 400 หุ้น (ถือว่าน้อย) แต่ราคาหุ้นแพง 34.75 บาท พี่เด่นศรีแนะนำว่า ควรจะทำครั้งละ 100 หุ้น 5 ช่อง .. แต่ พอเป็น BEC ซ้อมี 10000 หุ้น ตอนนี้ราคาหุ้นละ 17 บาท คุณเด่นศรี บอกให้ทำครั้งละ 1000 หุ้น 3 ช่อง ทำไมถึงต่างกันคะ... ...
ตอบครับ ... การขายหุ้นแต่ละตัว ผมจะดูปริมาณหุ้นเป็นหลักครับ
หากสามารถแบ่งขาย 10 เปอร์เซนต์ได้ ก็จะทำทุก 2 ช่อง ( แต่แนะนำให้พี่อาซ้อสี่และเพื่อน ๆ 3 ช่องครับ แต่หากเมื่อไหร่ ที่ใจ.. นิ่ง ... มากขึ้น สามารถปรับมาเป็นขายทุก 2 ช่องก็ได้ครับ แต่ก็ต้องอยู่ที่เวลาในการดูหน้าจอด้วยครับ ปรับให้เหมาะกับเวลาของแต่ละท่านเองครับ )
แต่หากหุ้นมีน้อย เช่น KEST มี 400 หุ้น ถ้าขายติด ๆ กันมาก เวลาจะซื้อกลับ จะซื้อคืนได้แค่ 100 - 200 หุ้น ครับ เพราะ จะเหลือหุ้นที่ไว้เป็นกองทัพหลังอีก 20- 30 % ครับ
แต่หากทิ้งช่วงห่างมากขึ้น จะซื้อกลับได้ง่ายขึ้นครับ เช่น ขาย KEST ที่ 34.75 ....... 33.00 ...... 31.75 ...... แล้วหุ้นขึ้นมาที่ 32.50 พี่อาซ้อสี่ก็ยังสามารถซื้อคืนของที่ราคา 33.00 และ 34.75 ได้ครับ
แต่ถ้าขายใกล้กันมาก จะซื้อคืนได้น้อย
นั่นคือ พี่อาซ้อสี่ ต้องปรับช่องที่จะขายตามความเหมาะสมครับ โดยมองถึงการซื้อให้ได้จำนวนหุ้นคืน เป็นหลักครับ
ไม่ งง นะครับ
........................
ส่วนหุ้นตัวอื่น ที่พี่อาซ้อสี่จะทำช็อทพอร์ต ก็ดูจากปริมาณหุ้นเป็นหลักครับ ลองวางแผนเองเลยครับ จะทำให้สามารถแก้เกมส์ได้เก่งขึ้นเรื่อย ๆ ครับ ( ยิ้ม )
.....................
สวัสดีครับ คุณ บุงเงอะ .. งะ
ผมตอบไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ
......................
เรียนถึง คุณ ปิงป่องแชะ และ คุณ F (kidmai) ครับ
ผมรบกวนให้คุณ ปิงป่องแชะ และ คุณ F (kidmai) ช่วยตอบคำถามเพื่อน ๆ ด้วยนะครับ เพราะบางช่วง ผมมาตอบช้า อาจจะไม่ทันการณ์ของเพื่อน ๆ และ พี่อาซ้อสี่ครับ
รบกวนด้วยนะครับ ..... ขอบคุณมาก มาก เลยครับ
...................
เด่นศรี
จากคุณ : เด่นศรี - [ 4 ส.ค. 47 21:07:54 ]
ความคิดเห็นที่ 147
ขอคำปรึกษาคุณ เด่นศรี พร้อมกับคำถามนะครับ
1. ผมติดหุ้น xxx ที่ราคา 4.51บ.จำนวน 600 หุ้น ราคา ปิด ณ. วันโพสนี้ 4.00บ. (ลงมากี่ช่องแล้วก็ไม่รู้ อุอุ ไม่อยากจำเลย)
- ถ้าผมจะทำ short อย่างที่คุณเด่นศรีบอก ที่ราคา 4.00บ.นี้ .... ผมจะต้องซื้อคืนที่ราคาเท่าไรครับถึงจะได้กำไรแฝง
จากคห.54
"เช่น ถ้าผมขาย BEC 10 เปอร์เซนต์ คือ 1000 หุ้น ที่ราคา 17.00 แล้วซื้อคืนมาที่ราคา 16.00 บาท ผมจะมีรายได้จากส่วนต่าง ( กระแสเงินสดแฝง ) = 1,000 บาท ( ต่อการซื้อหุ้นคืน 1 ครั้ง )
แต่ ..... หากผมทำไปเรื่อย ๆ จนมีเงินซื้อหุ้นทบต้น จนหุ้น BEC จาก 10,000 หุ้น กลายเป็น 100,000 หุ้น
ผมตัดขาย 10 % ( = 10,000 หุ้น ) ที่ ราคา 17.00 แล้วซื้อคืนที่ 16.00 ผมจะได้รายได้ส่วนต่างนี้เป็น 10,000 บาทต่อการซื้อคืน 1 ครั้ง"
+++ อ่านแล้วผมยังงอยู่นิดๆ
เริ่มต้น..ถ้าเราซื้อ BEC ที่ 18.00บาท ล่ะครับ และเราขายครั้งแรกที่ 17.00 ตามข้างบน เท่ากับเราขาดทุน ต้นทุนทันที 1000 ด้วยถูกไหมครับ แต่ได้เงินมา 17000 และเอาเงินนี้ มาซื้อที่ 16.00x1000 = 16000 หากเอาไปเทียบกับต้นทุน 17000 ดูเหมือนเราจะได้มาอีก 1000 จริง โดยที่เรายังมีจำนวนหุ้นกลับมาเท่าเดิม .... แต่แบบนี้ เราก็ยังคงขาดทุนสะสมอยู่ อีก 1000 นะครับ ถ้าเอาไปเทียบกับ การขาย จาก 18บาท ลงมา 17บาท
อย่าลืมนะครับว่า ต้นทุนของเราที่ 10% = 18x1000 = 18000
ขายที่ 17x1000 = 17000 ได้มา 17000 บาท ซึ่งขาดทุนไปก่อนแล้ว 1000 บาท (18000-17000=1000)
กลับมาซื้อที่ 16x1000=16000 โดยใช้เงินจาก การขายครั้งก่อน 17000-16000= 1000..... เหลือเงิน 1000 บาทจากการขายครั้งก่อน (ตรงนี้คุณคงหมายถึง "กำไรแฝง" ).... แล้วเงินอีก 1000 บาทที่ผมขายไปครั้งแรก ผมจะเอาคืนอย่างไรครับ??
ผมยัง มองไม่ออกว่าผมจะได้กำไรอะไรจากวิธีนี้ นอกจากได้หุ้นคืนและเฉลี่ยต้นทุนเดิม???
ถ้าผมต้องการเอาต้นทุนคืนอีก 1000 ผมต้องรอ ให้หุ้นขึ้นไปที่ 19 บาทถูกไหมครับ
สรุปก็คือ ในกำไรแฝง ยัง คงเหลือ ขาดทุน อยู่ถูกไหมครับ?
และถ้าขาย มากครั้งเท่าไร มันก็จะกลายเป็น ขาดทุนสะสม หรือเปล่า?ไหนจะค่าคอมฯอีก
แล้วเงินที่คุณเรียกว่า กำไรแฝงนั่น... จริงๆ แล้วมันก็คือเงินต้นทุน ที่หลงเหลืออยู่จากการลงทุนไป 100% ให้กับหุ้นตัวนั้น....
ส่วนตัว ผมคิดว่า...วิธีของคุณเด่นศรี ผมมองว่าเป็นการ ใช้ทรัพยากรเงินทุนเดิม(100%) ในการรักษาจำนวนหุ้นในพอร์ตโดยประโยชน์ที่แท้จริงคือ เหมือนกับการ cutloss แล้วซื้อเฉลี่ย โดยไม่ใช้เงินลงทุนเพิ่มมากกว่าอ่ะครับ
.... เว้นเสียแต่ว่าหุ้นตัวนั้น จะ"ลง"ไป 100%ในเวลาอันรวดเร็ว เงินที่ได้จากการขายครั้งแรก (ลง2-3ขั้น) อาจซื้อหุ้นได้เป็น 2 เท่า ก็เป็นไปได้(ถ้าเทียบกับการซื้อครั้งแรกสุด).. ซึ่งตรงนี้ถ้ามองจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้น 2 เท่าโดยใช้เงินเท่าเดิมในการลงทุน ว่าเป็นกำไรก็ได้...แต่ก็ต้องมองอีกว่า ทำไมหุ้นตัวนั้นถึง"ลง"ไป 100% ??
แก้ไขเมื่อ 04 ส.ค. 47 23:27:29
แก้ไขเมื่อ 04 ส.ค. 47 23:17:12
จากคุณ : x-philes - [ 4 ส.ค. 47 21:40:40 ]
ความคิดเห็นที่ 148
ขอบคุณคุณซ้อสี่ที่ตั้งกระทู้ และขอบคุณคุณเด่นศรี ที่เข้ามาให้ความรู้ค่ะ อ่านแล้วเหมือนทำให้ความกังวลในการเล่นลดลงไปเยอะเลยค่ะ(ยังไม่ได้เข้านะคะ รอๆอยู่ ก็มาเจอกระทู้นี้) ขอถามบ้างนะคะ ตามประสาคนไม่รู้
1.อย่างที่คุณซ้อสี่ขาย kest ไปที่ 100 หุ้นเนี่ย ก็ไม่น่าจะคุ้มค่าคอมนี่คะ หรือว่าไม่คิดสนค่าคอมเหมือนคุณเด่นศรีคะ
2. เวลาที่คุณเด่นศรี ทยอยขายหุ้นเนี่ย แล้วพอถึงเวลานึงที่สามารถซื้อคืนมาได้ = จำนวนที่เราขายไปคืนมาแล้ว เงินส่วนต่างเนี่ยเก็บไว้ หรือว่าซื้อหุ้นตัวนั้นๆต่อเลยคะ
3. คือนานๆเข้ามาอ่านที แต่ถามหน่อยค่ะว่าคุณเด่นศรีเล่นมานรนหรือยังคะ เห็นประสบการณ์และความรู้ที่มาเผยแย่ให้ชาวสินธร แล้วอึ้งเลย
รบกวนเท่านี้ค่ะ ตอนนี้กำลังพยายามขีดๆเขียนๆตัวเลข ลองดูเพราะยังไม่ค่อยเข้าใจค่ะ
จากคุณ : Ouzo - [ 4 ส.ค. 47 22:17:02 ]
ความคิดเห็นที่ 149
มาแล้วค่า
จากคุณ : มาแล้วค่า - [ 4 ส.ค. 47 23:13:25 A:202.133.161.60 X: ]
ความคิดเห็นที่ 150
ฝากข้อคิดให้กับคนที่คิดจะ ซื้อ-ขายหุ้นครับ ง่ายๆพื้นฐานมากๆ
ให้ตอบตัวเองว่า กำไร ที่คุณต้องการนั้นคืออะไร
สวัสดีครับ
เพิ่งเล่นกลับจากเล่นฟุตบอลครับ มีเวลาตอบถึงก่อน 3 ทุ่ม แล้วที่เหลือ ผมจะมาตอบหลังเที่ยงคืนนะครับ ( ถ้าหากยังไม่หมดแรงหลับไปซะก่อน ( ยิ้ม ) )
................
ถึงคุณ warit ครับ
ผมสงสัยว่า ผมจะต้องถามคุณ warit มากกว่าซะแล้ว เพราะผมสารภาพครับ ว่าไม่ค่อยเข้าใจเรื่อง ซื้อ option เท่าไหร่ ( แทบจะไม่รู้รายละเอียดเลยครับ )
ส่วนเรื่อง ช็อทเซล ( ผมเขียนเป็นภาษาไทยนะครับ กลัวเขียนอังกฤษแล้วผิดครับ ) ในส่วนตัวผมแล้ว ผมคิดว่าผู้ที่จะทำช็อทเซลได้ ต้องมีความสามารถพิเศษในหลาย ๆ ด้านประกอบครับ เช่น เพื่อนฝูง ( รวมกันเป็นกลุ่ม ) ข้อมูลวงใน ข้อมูลรอบโลก เงินทุนที่มากมาย และ ฯลฯ
แต่หากเป็นรายย่อยอย่างพวกเรา การทำช็อทเซล จะค่อนข้างเสี่ยง
แต่อย่างที่บอกครับ ถ้าผมพอเข้าใจเรื่องช็อทเซลมากกว่านี้ คงจะให้คำตอบได้ชัดเจนขึ้นครับ
ผมเพิ่งทราบนะครับว่า ค่าคอม ๆ ของ US ถูกมากกว่าของเรา ( งั้นผมไปเอามาจากไหนเนี่ยะว่า ค่าคอม ๆ เค้าแพงกว่า .... ขออภัยด้วยครับ ( ยิ้ม ) )
เกมส์ 202 มีขายในไทยหรือยังครับ ใครทราบบ้างครับ ? .......
....................
ตอบคุณ italy
จากคำถาม .... เอาราคาเมื่อวันศุกร์ มาเป็นตัวตั้ง 45.5 รอขายที่ 44.75 ยังไงก็ไม่ลงมาให้ขาย ปิดตลาดที่ 45.75
กรณีที่เป็นการรอขายครั้งแรก วันนี้ ผมต้อง เลือนราคาตั้งขาย มาที่ 45.00 ใช่เปล่าครับ ......
ตอบ จะเลื่อนขึ้นมาหรือไม่ก็ได้ครับ ตรงส่วนนี้ เราสามารถยืดหยุ่นได้ หากเลื่อนขึ้นมา เราก็สามารถเริ่มช็อทได้ในราคาที่สูงขึ้น แต่หากไม่เลื่อน เราก็สามารถให้โอกาสราคาหุ้นลงไปต่ำหน่อยได้ ( เผื่อว่ามันลงไม่ถึง ก็จะไม่ต้องขายครับ )
แต่ถ้าเป็นผม ผมก็จะเลื่อนราคาขึ้นมาครับ
....................
ตอบคุณ เต่าหยวนเปียว
วิธีการลงทุนหุ้น ไม่จำเป็นต้องเหมือนใครครับ ขอให้สะดวกแก่ตัวเรา ทำให้เราลงทุนได้อย่างสบายใจ นั่นแหละดีที่สุดครับ
ดังนั้น คุณ เต่าหยวนเปียว ต้องค่อย ๆ ปรับ ค่อย ๆ ผสมผสานกันไป จนกระทั่งกลายเป็นแนวทางของคุณ เต่าหยวนเปียว เองครับ
หนังสือที่บอกมา ผมจดชื่อไว้แล้วครับ เดี๊ยวจะไปหาซื้อมาไว้อ่านครับ ขอบคุณมากครับ
.......................
สวัสดีครับคุณ ปิงป่องแชะ
...................
สวัสดีครับ คุณ วฤณญา
ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ
งานอดิเรก เหรอครับ ( นึก นึก ) ..... ก็มีอ่านหนังสือ ..... เล่นฟุตบอล ...... อ่านการ์ตูน ...... ผมชอบดูวีดีโอครับ ต้องดูก่อนนอนแทบทุกคืน ...... แล้วก็ที่สำคัญ คงจะเป็น เลี้ยงลูก ๆ 4 ขา ( สุนัข ) ครับ
ลูก ๆ ผม ตอนนี้ก็ 22 ตัว แล้วครับ เพิ่งคลอดเมื่อตีหนึ่งคืนวันเสาร์นี่เองครับ วันนี้ก็อายุ ประมาณ 3 วันแล้ว คลอดมาอีก 9 ตัวครับ เป็นพันธ์ ร็อทไวเลอร์ เวอร์ชั่น รักเด็ก ( แม่เค้าชื่อ มดตะนอยครับ ) ต้องไปช่วยแม่เค้าทำคลอดจนเช้าครับ
เป้าหมายในชีวิต ..... อันนี้ไม่ต้องนึกครับ .... รอวันที่ภรรยาไม่ต้องทำงานครับ จะได้ขับรถพาไปเที่ยวทั่วไทย เที่ยวไปซื้อขายหุ้นไปครับ น่าจะเพลินดี ( แบบว่า เที่ยวไปหาเงินไป ( ยิ้ม ))
ยินดีที่ได้รู้จัก ( อีกครั้ง ) ครับ
.........................
สวัสดีครับพี่อาซ้อสี่
สำหรับเรื่องการซื้อหุ้นคืน
ผมกล่าวไว้ที่คห.หนึ่ง่ครับ แต่จะยกมาอีกรอบ ( เพื่อพี่อาซ้อสี่โดยเฉพาะ ( ยิ้ม ))
1. อาจจะซื้อคืนเมื่อราคาต่ำลงมา 5 ช่อง
2. อาจจะซื้อคืน ถ้าซื้อคืนได้ 3 ราคาที่เคยขายไป
3. อาจจะซื้อคืน เมื่อราคาเริ่มขึ้น ( ขึ้นจากราคาต่ำสุดมาประมาณ 3 - 4 ช่อง ครับ )
สำหรับหุ้นที่มีปริมาณเยอะ ( เช่น BEC ) ผมจะใช้วิธีที่ 3. ครับ เช่นเดียวกับที่คุณ F (kidmai) ได้ตอบไว้ให้พี่อาซ้อสี่แล้วครับ
แต่หุ้นที่มีปริมาณในมือน้อย ( เช่น KEST ) ผมจะเลือกใช้วิธีที่ 1. และ 2. ( เลือกตามใจชอบได้ครับ )
.......................
ที่พี่อาซ้อสี่ถามว่า .... น่าจะซื้อคืนเลยตอนใกล้ปิดตลาด ......
ตอบ ถ้าจะซื้อคืนเลย ตอนใกล้ปิดตลาด ผมอยากให้พี่อาซ้อสี่เลือกเฉพาะหุ้นตัวที่พี่อาซ้อสี่มีอยู่ในมือน้อย ๆ ครับ ( คือ รีบเอากลับคืนมาก่อน )
แต่ถ้าหุ้นที่มีอยู่ในมือมาก ๆ เช่น BEC ผมอยากให้ใช้ตามที่คุณ F (kidmai) บอกไว้ครับ คือ ซื้อเมื่อหุ้นเริ่มขึ้นมา ( ตามวิธีที่ 3. ) เพราะ จะได้กินรวบทีเดียวเลย และจะได้กระแสเงินสดแฝงมากกว่า รวมทั้ง หากซื้อแล้วหุ้นขึ้นต่อ ก็ได้โชคชั้นที่สองไปด้วยครับ
.......................
ข้อคิดที่ได้อีกอย่างคือ .. เวลาโทรบอกมาร์ ให้เคาะขายทันทีเลย .. ไม่ใช่ตั้งขาย ... เพราะมาร์ เค้ายังไม่ได้มาอ่านกระทู้นี้เขาไม่เข้าใจค่ะ (หัวเราะ ) :)
ผมว่าจะลองโทรไปแกล้งมาร์มั่งนะครับ มุขเนี่ยะ ( มาร์เค้าชอบแกล้งผมก่อนครับ )
...........................
จากคำถามว่า ..... อีกอย่างค่ะ ซ้อสงสัยว่า
ในการกำหนดจำนวนช่องที่ขาย และจำนวนหุ้นที่ขาย เราดูจากอะไรคะ เช่น ถ้าเรามีจำนวนหุ้นน้อย เช่น kest ซ้อมี 400 หุ้น (ถือว่าน้อย) แต่ราคาหุ้นแพง 34.75 บาท พี่เด่นศรีแนะนำว่า ควรจะทำครั้งละ 100 หุ้น 5 ช่อง .. แต่ พอเป็น BEC ซ้อมี 10000 หุ้น ตอนนี้ราคาหุ้นละ 17 บาท คุณเด่นศรี บอกให้ทำครั้งละ 1000 หุ้น 3 ช่อง ทำไมถึงต่างกันคะ... ...
ตอบครับ ... การขายหุ้นแต่ละตัว ผมจะดูปริมาณหุ้นเป็นหลักครับ
หากสามารถแบ่งขาย 10 เปอร์เซนต์ได้ ก็จะทำทุก 2 ช่อง ( แต่แนะนำให้พี่อาซ้อสี่และเพื่อน ๆ 3 ช่องครับ แต่หากเมื่อไหร่ ที่ใจ.. นิ่ง ... มากขึ้น สามารถปรับมาเป็นขายทุก 2 ช่องก็ได้ครับ แต่ก็ต้องอยู่ที่เวลาในการดูหน้าจอด้วยครับ ปรับให้เหมาะกับเวลาของแต่ละท่านเองครับ )
แต่หากหุ้นมีน้อย เช่น KEST มี 400 หุ้น ถ้าขายติด ๆ กันมาก เวลาจะซื้อกลับ จะซื้อคืนได้แค่ 100 - 200 หุ้น ครับ เพราะ จะเหลือหุ้นที่ไว้เป็นกองทัพหลังอีก 20- 30 % ครับ
แต่หากทิ้งช่วงห่างมากขึ้น จะซื้อกลับได้ง่ายขึ้นครับ เช่น ขาย KEST ที่ 34.75 ....... 33.00 ...... 31.75 ...... แล้วหุ้นขึ้นมาที่ 32.50 พี่อาซ้อสี่ก็ยังสามารถซื้อคืนของที่ราคา 33.00 และ 34.75 ได้ครับ
แต่ถ้าขายใกล้กันมาก จะซื้อคืนได้น้อย
นั่นคือ พี่อาซ้อสี่ ต้องปรับช่องที่จะขายตามความเหมาะสมครับ โดยมองถึงการซื้อให้ได้จำนวนหุ้นคืน เป็นหลักครับ
ไม่ งง นะครับ
........................
ส่วนหุ้นตัวอื่น ที่พี่อาซ้อสี่จะทำช็อทพอร์ต ก็ดูจากปริมาณหุ้นเป็นหลักครับ ลองวางแผนเองเลยครับ จะทำให้สามารถแก้เกมส์ได้เก่งขึ้นเรื่อย ๆ ครับ ( ยิ้ม )
.....................
สวัสดีครับ คุณ บุงเงอะ .. งะ
ผมตอบไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ
......................
เรียนถึง คุณ ปิงป่องแชะ และ คุณ F (kidmai) ครับ
ผมรบกวนให้คุณ ปิงป่องแชะ และ คุณ F (kidmai) ช่วยตอบคำถามเพื่อน ๆ ด้วยนะครับ เพราะบางช่วง ผมมาตอบช้า อาจจะไม่ทันการณ์ของเพื่อน ๆ และ พี่อาซ้อสี่ครับ
รบกวนด้วยนะครับ ..... ขอบคุณมาก มาก เลยครับ
...................
เด่นศรี
จากคุณ : เด่นศรี - [ 4 ส.ค. 47 21:07:54 ]
ความคิดเห็นที่ 147
ขอคำปรึกษาคุณ เด่นศรี พร้อมกับคำถามนะครับ
1. ผมติดหุ้น xxx ที่ราคา 4.51บ.จำนวน 600 หุ้น ราคา ปิด ณ. วันโพสนี้ 4.00บ. (ลงมากี่ช่องแล้วก็ไม่รู้ อุอุ ไม่อยากจำเลย)
- ถ้าผมจะทำ short อย่างที่คุณเด่นศรีบอก ที่ราคา 4.00บ.นี้ .... ผมจะต้องซื้อคืนที่ราคาเท่าไรครับถึงจะได้กำไรแฝง
จากคห.54
"เช่น ถ้าผมขาย BEC 10 เปอร์เซนต์ คือ 1000 หุ้น ที่ราคา 17.00 แล้วซื้อคืนมาที่ราคา 16.00 บาท ผมจะมีรายได้จากส่วนต่าง ( กระแสเงินสดแฝง ) = 1,000 บาท ( ต่อการซื้อหุ้นคืน 1 ครั้ง )
แต่ ..... หากผมทำไปเรื่อย ๆ จนมีเงินซื้อหุ้นทบต้น จนหุ้น BEC จาก 10,000 หุ้น กลายเป็น 100,000 หุ้น
ผมตัดขาย 10 % ( = 10,000 หุ้น ) ที่ ราคา 17.00 แล้วซื้อคืนที่ 16.00 ผมจะได้รายได้ส่วนต่างนี้เป็น 10,000 บาทต่อการซื้อคืน 1 ครั้ง"
+++ อ่านแล้วผมยังงอยู่นิดๆ
เริ่มต้น..ถ้าเราซื้อ BEC ที่ 18.00บาท ล่ะครับ และเราขายครั้งแรกที่ 17.00 ตามข้างบน เท่ากับเราขาดทุน ต้นทุนทันที 1000 ด้วยถูกไหมครับ แต่ได้เงินมา 17000 และเอาเงินนี้ มาซื้อที่ 16.00x1000 = 16000 หากเอาไปเทียบกับต้นทุน 17000 ดูเหมือนเราจะได้มาอีก 1000 จริง โดยที่เรายังมีจำนวนหุ้นกลับมาเท่าเดิม .... แต่แบบนี้ เราก็ยังคงขาดทุนสะสมอยู่ อีก 1000 นะครับ ถ้าเอาไปเทียบกับ การขาย จาก 18บาท ลงมา 17บาท
อย่าลืมนะครับว่า ต้นทุนของเราที่ 10% = 18x1000 = 18000
ขายที่ 17x1000 = 17000 ได้มา 17000 บาท ซึ่งขาดทุนไปก่อนแล้ว 1000 บาท (18000-17000=1000)
กลับมาซื้อที่ 16x1000=16000 โดยใช้เงินจาก การขายครั้งก่อน 17000-16000= 1000..... เหลือเงิน 1000 บาทจากการขายครั้งก่อน (ตรงนี้คุณคงหมายถึง "กำไรแฝง" ).... แล้วเงินอีก 1000 บาทที่ผมขายไปครั้งแรก ผมจะเอาคืนอย่างไรครับ??
ผมยัง มองไม่ออกว่าผมจะได้กำไรอะไรจากวิธีนี้ นอกจากได้หุ้นคืนและเฉลี่ยต้นทุนเดิม???
ถ้าผมต้องการเอาต้นทุนคืนอีก 1000 ผมต้องรอ ให้หุ้นขึ้นไปที่ 19 บาทถูกไหมครับ
สรุปก็คือ ในกำไรแฝง ยัง คงเหลือ ขาดทุน อยู่ถูกไหมครับ?
และถ้าขาย มากครั้งเท่าไร มันก็จะกลายเป็น ขาดทุนสะสม หรือเปล่า?ไหนจะค่าคอมฯอีก
แล้วเงินที่คุณเรียกว่า กำไรแฝงนั่น... จริงๆ แล้วมันก็คือเงินต้นทุน ที่หลงเหลืออยู่จากการลงทุนไป 100% ให้กับหุ้นตัวนั้น....
ส่วนตัว ผมคิดว่า...วิธีของคุณเด่นศรี ผมมองว่าเป็นการ ใช้ทรัพยากรเงินทุนเดิม(100%) ในการรักษาจำนวนหุ้นในพอร์ตโดยประโยชน์ที่แท้จริงคือ เหมือนกับการ cutloss แล้วซื้อเฉลี่ย โดยไม่ใช้เงินลงทุนเพิ่มมากกว่าอ่ะครับ
.... เว้นเสียแต่ว่าหุ้นตัวนั้น จะ"ลง"ไป 100%ในเวลาอันรวดเร็ว เงินที่ได้จากการขายครั้งแรก (ลง2-3ขั้น) อาจซื้อหุ้นได้เป็น 2 เท่า ก็เป็นไปได้(ถ้าเทียบกับการซื้อครั้งแรกสุด).. ซึ่งตรงนี้ถ้ามองจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้น 2 เท่าโดยใช้เงินเท่าเดิมในการลงทุน ว่าเป็นกำไรก็ได้...แต่ก็ต้องมองอีกว่า ทำไมหุ้นตัวนั้นถึง"ลง"ไป 100% ??
แก้ไขเมื่อ 04 ส.ค. 47 23:27:29
แก้ไขเมื่อ 04 ส.ค. 47 23:17:12
จากคุณ : x-philes - [ 4 ส.ค. 47 21:40:40 ]
ความคิดเห็นที่ 148
ขอบคุณคุณซ้อสี่ที่ตั้งกระทู้ และขอบคุณคุณเด่นศรี ที่เข้ามาให้ความรู้ค่ะ อ่านแล้วเหมือนทำให้ความกังวลในการเล่นลดลงไปเยอะเลยค่ะ(ยังไม่ได้เข้านะคะ รอๆอยู่ ก็มาเจอกระทู้นี้) ขอถามบ้างนะคะ ตามประสาคนไม่รู้
1.อย่างที่คุณซ้อสี่ขาย kest ไปที่ 100 หุ้นเนี่ย ก็ไม่น่าจะคุ้มค่าคอมนี่คะ หรือว่าไม่คิดสนค่าคอมเหมือนคุณเด่นศรีคะ
2. เวลาที่คุณเด่นศรี ทยอยขายหุ้นเนี่ย แล้วพอถึงเวลานึงที่สามารถซื้อคืนมาได้ = จำนวนที่เราขายไปคืนมาแล้ว เงินส่วนต่างเนี่ยเก็บไว้ หรือว่าซื้อหุ้นตัวนั้นๆต่อเลยคะ
3. คือนานๆเข้ามาอ่านที แต่ถามหน่อยค่ะว่าคุณเด่นศรีเล่นมานรนหรือยังคะ เห็นประสบการณ์และความรู้ที่มาเผยแย่ให้ชาวสินธร แล้วอึ้งเลย
รบกวนเท่านี้ค่ะ ตอนนี้กำลังพยายามขีดๆเขียนๆตัวเลข ลองดูเพราะยังไม่ค่อยเข้าใจค่ะ
จากคุณ : Ouzo - [ 4 ส.ค. 47 22:17:02 ]
ความคิดเห็นที่ 149
มาแล้วค่า
จากคุณ : มาแล้วค่า - [ 4 ส.ค. 47 23:13:25 A:202.133.161.60 X: ]
ความคิดเห็นที่ 150
ฝากข้อคิดให้กับคนที่คิดจะ ซื้อ-ขายหุ้นครับ ง่ายๆพื้นฐานมากๆ
ให้ตอบตัวเองว่า กำไร ที่คุณต้องการนั้นคืออะไร