DSM concept ตอนที่ 45

ตอบคุณ นกเพนกวินอ้วน ครับ
ผมชอบข้อ 4. ครับ ...ขั้นตอนเพิ่มเติมที่ 4 สิ่งที่ยังขาดอยู่...............เล่นด้วยเงินของคนอื่น......
ผมอยากทำให้ได้เช่นกันครับ ..... ตอนนี้ก็มีเพื่อน ๆ หลายท่าน เอาเงินมาลงให้ผมลงทุนให้ แต่ก็เป็นเงินไม่มาก
แต่ผมก็รู้สึกดีในแง่ที่ว่า ทุกครั้งที่เค้าเอาเงินมาลง เหมือนเค้ามาซื้อหุ้นของผม ผมสามารถชักเงินส่วนของผมเก็บคืนมาได้
วันใดที่เค้าต้องการเงินคืน ผมก็เหมือนเข้าไปซื้อหุ้นคืนจากเค้า ผมรู้สึกเหมือนว่า ผมกำลังเป็นเจ้าของกิจการ เป็นเจ้าของหุ้น ที่สามารถขายหุ้น หรือ ซื้อหุ้นคืนจากเพื่อน ๆ ครับ
มันเป็นความรู้สึกดีใจลึก ๆ ครับ
..............
เด่นศรี
จากคุณ : เด่นศรี  - [ 30 ก.ค. 47 20:46:01 ]
ความคิดเห็นที่ 84 
หลังจากอ่านมาทั้งหมดนะคะ มีคำถามดังนี้
ช่องว่างในตลาดหุ้นที่คุณพูดถึง ทำไมคุณไม่ใช้มันทุกวันละคะ
ทั้งๆที่คุณรู้ว่ามันจะทำเงินกลับมาให้คุณได้ไม่ว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง
เพราะในระยะ3ปีกว่าที่คุณเล่นหุ้นด้วยวิธีนี้มาถ้าคุณใช้ช่องว่างมาโดยตลอด
วันนี้คุณคงมีกระแสเงินสดมากกว่าวันละ 10ล้านแล้วค่ะ
แสดงว่าช่องว่างตรงนี้มันเสี่ยงใช่มั๊ยหรือว่าช่องว่างตรงนี้มันไม่ได้มีทุกวันคุณจึงไม่ได้ใช้ทุกวัน
ก็แค่คำถามหนึ่งที่มาแสดงความคิดเห็นค่ะ คุณจะตอบหรือไม่ตอบก็เป็นสิทธิ์ของคุณ
อีกนิดนะคะ ขอบคุณมากค่ะที่คุณเสียเวลาเข้ามาตอบกระทู้ยาวๆได้แบบไม่เบื่อ อ่านแล้วได้อะไรเยอะเลยค่ะ

วันนี้พลาดอีกแล้ว ๕๕๕
--แก้คำผิดค่ะ--
แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 47 21:58:31
จากคุณ : =U_U= PoRpLe  - [ 30 ก.ค. 47 21:47:45 ]

ความคิดเห็นที่ 85 
ตอบคุณ =U_U= PoRpLe
ตั้งแต่ต้นปีมา ช่องว่างนี้ยังไม่ได้ถูกใช้เลยครับ
..........
ช่องว่างนี้ ไม่เพียงแต่ไม่เสี่ยง มันยังเป็นตัวลดความเสี่ยงให้เหลือน้อยกว่า ศูนย์ ด้วยครับ
................
ช่องว่างนี้ ทำให้ทุกการลงทุนมาหยุดอยู่ที่จุดเดียวกันได้อย่างกลมกลืนและสมดุล ครับ
...............
ผมไม่แน่ใจว่า การโยกเงินของต่างชาติ จะเกี่ยวกับช่องว่างตัวนี้หรือไม่ แต่ช่องว่างตัวนี้ สามารถทำให้การโยกเงินเป็นไปได้อย่างสมดุล
.................
ช่องว่างตัวนี้ รับรองว่า มันยิ่งใหญ่กว่าที่คุณ =U_U= PoRpLe คิดครับ
.................
ในภาวะตลาดหุ้นยังขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้ช่องว่างตัวนี้
..........
ภาวะตลาดอย่างนี้ ผมจะสะสมกระแสเงินสดแฝงไปเรื่อย ๆ
............
แต่หากผมใช้ช่องว่างนี้ ในช่วงนี้ ผมอาจจะได้กระแสเงินสดแฝงกลับมา ครั้งละ 2-3 แสนบาท
.............
แต่หากในช่วงนี้ ผมไม่ใช้ช่องว่างนี้ แต่ใช้การหารายได้จากกระแสเงินสดแฝง
ผมจะทำเงินได้เฉลี่ยวันละประมาณ 4 หมื่นบาท ต่อวัน ( เดือนละประมาณ 8 แสนบาท )
...........
และเมื่อตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นไป
นอกจากกระแสเงินสดแฝงที่ยังได้ ( อาจน้อยลง ) พอร์ตผมจะโตขึ้น พร้อมกระแสเงินสดแฝงจากช่องว่างนี้อีกประมาณครั้งละ 1 ล้านบาท
...........
เพราะช่องว่างนี้ จะเป็นการกินรวบตั้งแต่หัวจรดหาง
การใช้บ่อย ๆ จะได้รายได้ น้อยกว่าการใช้ใหญ่ ๆ เพียงครั้งเดียวครับ
.............
ไม่แน่ใจว่า คุณ =U_U= PoRpLe พอมองเห็นภาพหรือเปล่า ครับ
.............
และอย่างที่บอกครับ ถ้าใช้บ่อย โดยไม่ถูกจังหวะ มันจะเป็นเหมือนการเร่งขยายกิจการที่เร็วเกินไป หากตลาดผิดจังหวะ ทำให้ผมต้องมาชะลอการโตของพอร์ตลง เพื่อรักษาสมดุล ซึ่งจะทำให้พอร์ตโตช้ากว่าการปล่อยให้มันเป็นไปตามจังหวะของมันเอง
............
เหมือนการขยายกิจการที่เร็วเกินไปโดยไม่ได้ดูความพร้อมของเราเอง เร่งสร้างโน่น สร้างนี่ ขยายตรงนั้น ขยายตรงนี้ สุดท้ายหากคุมอยู่ ก็ต้องหยุดการสร้าง หรือต้องปล่อยทิ้ง หรือขายทิ้งอีก
แต่หากปล่อยให้กิจการโตอย่างเหมาะสม อาจจะเร่งแค่นิดหน่อยในขนาดที่เราควบคุมได้ มันจะโตได้เร็วกว่าการไปบีบคั้นหรือไปเร่งมันครับ
...........
สรุป
ช่องว่างนี้ ผมจะนำมาใช้เพื่อรักษาสมดุลของพอร์ตเท่านั้นครับ จนกว่าเมื่อไหร่ที่ผมพร้อมที่จะซื้อขายหุ้นในต่างประเทศ ช่องว่างนี้จะทำงานได้อย่างเต็มที่มากขึ้นครับ
เพราะ ช่องว่างนี้ จุดประสงค์หลักคือ ทำให้การลงทุนทุกอย่างในโลกมาอยู่ที่จุดเดียวกันอย่างกลมกลืนและสมดุล
แต่เพราะผมลงทุนแต่ใน SET เพียงอย่างเดียว ช่องว่างนี้ จึงถูกนำมาใช้ได้เพียง 10 เปอร์เซนต์ของมันแค่นั้นครับ
ผมจึงบอกว่า ช่องว่างนี้ มันยิ่งใหญ่กว่าที่คุณ =U_U= PoRpLe จะคาดคิดถึงครับ
.............
เด่นศรี
จากคุณ : เด่นศรี  - [ วันอาสาฬหบูชา 01:47:56 ]

 ความคิดเห็นที่ 86 
ยังสงสัยครับ
จะถามว่า
1. ถ้าหุ้นมันวิ่งมาเรื่อยๆ (แนวโน้มขึ้น) แต่ swing ในระหว่างวัน สมมุติ ลงไป 10 ช่อง แล้วกลับมา 5 ช่อง คุณเด่นจะทำยังไงครับ
2. ถ้าหุ้นวิ่งขึ้นมาแล้วอยู่มาวันหนึ่ง มันลง 3 ช่อง (เราตั้ง gap ไว้ 2 ช่อง) จะขายเมื่อลงจากจุดสูงสุด 2 ช่องเลยมั้ยครับ (10% ของพอร์ท)
3 จากนั้น วันรุ่งขึ้น มันขึ้น 5 ช่อง ก็ถือต่อ ใช่ไม้ยครับ
4. วันต่อมา ลง 3 ช่อง ก็ขายเมื่อลง 2 ช่องตามที่กำหนดไว้
5 เป็นอย่างนี้สลับไปมา ราคาหุ้นก็จะขึ้นไปเรื่อยๆ แต่หุ้นในมือยิ่งน้อยลง ทำยังไงครับ มันไม่ลงมาให้ซื้อน่ะ
จากคุณ : Shiniji (pavara)  - [ วันอาสาฬหบูชา 07:47:08 ]

ความคิดเห็นที่ 87 
ขอตอบคุณ =U_U= PoRpLe อีกนิดครับ
อยากให้ลองอ่านลิงค์นี้ครับ เกี่ยวกับการขยายตัวเร็วเกิน
http://www.bangkokbizweek.com/20040705/road/index.php?news=column_13980361.html
...........
N-PARK เป็นอีกตัวในพอร์ตของผม ในช่วงหลัง ผมได้ยินข่าวว่า ซื้อโครงการโน้น ขยายโครงการณ์นี้ ขยายธุรกิจไปประเทศโน้นประเทศนี้ ผมก็รู้สึกในใจว่า .... ไม่ดีเลย น่าเป็นห่วง ว่าจะเกิดปัญหาในภายหลัง
แต่ก็นั่นแหละครับ แล้วมันก็เกิดขึ้น
แม้เค้าจะเกิดปัญหา แต่ผมกลับได้รายได้เข้ามาเร็วมากขึ้น
ที่ผมยกมาให้อ่าน มันเกี่ยวกับการขยายตัวที่เร็วเกินไป ซึ่งน่าจะทำให้คุณ =U_U= PoRpLe พอมองออกถึงเหตุผลที่ผมไม่ค่อยใช้ช่องว่างนี้
..............
ผมจะยกเรื่องราวของเพื่อนของผมอีกท่านหนึ่ง และ เมื่อจบเรื่องนี้ ผมจะไม่ขอกล่าวถึงเรื่อง ช่องว่างนี้อีกครับ
เพราะการลงทุนใน SET เพียงอย่างเดียว ใช้ประสิทธิภาพของช่องว่างนี้แค่ 10 % เท่านั้น
การบริหารพอร์ต ยังสามารถใช้แนวทางอื่นในการแก้ปัญหาได้อย่างไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
ผมจึงจะของดกล่าวเรื่องช่องว่างนี้ หลังจบตัวอย่างจริงของเพื่อนผม
...............
เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว เพื่อนผมท่านหนึ่ง ซึ่งมีวิสัยทัศน์ที่ไกลกว่าผมมาก ได้เริ่มเปิดร้านคอมพิวเตอร์ขึ้นมา 1 ห้อง มีพนักงานช่วยเหลือ 1 คน
ในขณะนั้น ผมยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ ผมได้แต่มองเค้าด้วยความชื่นชม ตอนนั้น เค้าก้าวไปก่อนแล้วสำหรับเพื่อน ๆ รุ่นเดียวกัน เค้าเป็นอะไรหลายอย่างที่ผมอยากคิดให้ได้อย่างเค้า
เค้ามองถึงโครงการณ์ต่าง ๆ ที่จะทำ แม้ในขณะที่อายุแค่ 20 นิด ๆ และยิ่งกว่านั้น เค้าทำเป็นรูปเป็นร่าง ถึงขนาดที่ผู้ใหญ่อายุ 40 ที่มีงานการที่มั่นคง ขอเข้าเป็นหุ้นส่วนด้วย
ผมได้แต่มองอยู่หลังเค้า
จากนั้นมาอีก 1 ปี ผมพบเค้า เค้าดูดีมาก เค้าเปิด office ใหม่ เป็นตึก 4 ชั้น และซื้อห้องข้าง ๆ เพิ่มเพื่อเก็บสต็อกคอมพิวเตอร์
เค้าพูดให้ผมฟังถึงความก้าวหน้าของธุรกิจเค้า ทั้งงานประมูล ทั้งการขยายงานไปอีก 2 จังหวัด
ผมได้แต่คิดอิจฉาและชื่นชม อายุเท่าเรา แต่เราตามไม่เห็นฝุ่น
เค้าถามผมว่า ผมคิดอย่างไรกับธุรกิจเค้าบ้าง
ตอนนั้น อาจเป็นเพราะผมมีคุณพ่อที่เก่งมากในทางการค้า ( ซึ่งปัจจุบัน ท่านก็ทำให้ธุรกิจท่านใหญ่ที่สุดในตัวเมืองแล้ว ท่านสอนผมด้วยของจริงถึงการค่อย ๆ ทำไป ค่อย ๆ โต )
ผมรู้สึกในใจว่า เพื่อนผมต้องแย่แน่ ๆ เพราะเค้าก้าวกระโดด เค้าโตเร็วเกิน ในขณะที่ฐานเค้ายังไม่แน่น เค้ายิ่งก้าว ยิ่งกระโดด ด้วยเม็ดเงินที่เค้าทำได้
..........
แต่ผมไม่กล้าเตือนเค้า เพราะเค้ายิ่งใหญ่กว่าผมมากในขณะนั้น
.............
ถึงวันนี้ ผ่านมาประมาณ 10 ปี เค้ามีหนี้สินเกือบ 20 ล้าน
ต้องขอประนอมหนี้กับธนาคาร
ต้องหนีเข้ากรุงเทพ ๆ เพราะมีเจ้าหนี้บางราย ยกพวกมาพร้อมจะอุ้มเค้า
ปัจจุบัน เค้าเปลี่ยนซื่อ บริษัท เพราะชื่อเดิม ไม่มีใครส่งสินค้าให้เนื่องจากเครดิตไม่มีเหลือ
ทุกวันนี้ เค้ายังเป็นเพื่อนที่ดีของผม เราคุยกันเกือบทุกวัน ก่อนทำอะไรหลายอย่าง เค้ามักจะโทรมาคุยกับผม มาถามความเห็นผม เพราะผมมักจะวิจารณ์แบบตรง ๆ ( ถึงขนาดขอดูงบบัญชีของบริษัทเค้า เค้าว่าจะเอามาให้ดู แต่จนป่านนี้ ก็ยังไม่ได้ดูเลย ( ยิ้ม ))
.............
เรื่องของเค้า เป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับผมมาก
โดยเฉพาะเมื่อมาเจอคำกล่าวในหนังสือพ่อรวยว่า ............ เราต้องค่อย ๆ ก้าวไป อย่างก้าวทารก .......
ผมยิ่งมั่นใจในสิ่งที่ผมค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป
................
คิดว่าคงเป็นภาพที่มองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น สำหรับคำถามที่ผมตอบว่า ผมไม่ค่อยได้ใช้ ช่องว่าง ตัวนี้นะครับ
และผมจะงดบอกกล่าวถึง ช่องว่างนี้ เพราะมันจะกลายเป็นสิ่งที่ถกเถียงกันไม่รู้จบ ครับ
..................
ตอบคุณ pavara
1. ถ้าหุ้นมันวิ่งมาเรื่อยๆ (แนวโน้มขึ้น) แต่ swing ในระหว่างวัน สมมุติ ลงไป 10 ช่อง แล้วกลับมา 5 ช่อง คุณเด่นจะทำยังไงครับ
ตอบ ในขณะที่มันลงมา ของผมเองจะขายทุก 2 ช่อง
เช่น 18.00....17.80....17.60....17.40....17.20...และ 17.00
ถ้าหากมันยังลงต่อ ผมก็จะขายต่อ
แต่ปรากฎว่ามันงอหัวขึ้นมา 5 ช่อง เช่น จาก 17.00 .... 17.10 .... 17.20 ......17.30 .....17.40
พอถึง 17.40 ผมก็ซื้อกลับคืน แต่ซื้อเฉพาะที่ขายไปที่ราคา 17.60 .... 17.80 และ 18.00 ครับ
ส่วนจากนั้น ถ้ามันขึ้นต่อ ผมก็ไม่ขาย แต่จะถือไปเรื่อย ๆ
แต่หากมันลงต่อ ถ้ายังลงไม่ถึง 16.80 ผมก็จะไม่ขาย
ตรงคำถามรึเปล่าครับ ( ผมบอกค่อนข้างละเอียดเลยนะเนี่ยะ ( ยิ้ม ))
.................
2. ถ้าหุ้นวิ่งขึ้นมาแล้วอยู่มาวันหนึ่ง มันลง 3 ช่อง (เราตั้ง gap ไว้ 2 ช่อง) จะขายเมื่อลงจากจุดสูงสุด 2 ช่องเลยมั้ยครับ (10% ของพอร์ท)
ผมยังไม่ค่อยเข้าใจคำถามนะครับ แต่จะลองตอบดู
สมมุติว่า เราตั้งใจไว้ว่า จะขายทุก 2 ช่อง ( ราคาตอนนั้นอยู่ที่ 18.00 บาท )
แต่มันลงมา 3 ช่อง มาอยู่ที่ 17.70 บาท

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5