DSM concept ตอนที่ 44
ตอนนี้ผมยังไม่ได้เปิดพอร์ต(ก่อนนี้ใจไม่กล้ากลัวเจ๊ง) เพราะrich dad เค้ามีกฎ90/10 สำหรับการลงทุน
ผมจึงให้ความสำคัญกับ "เวลา" ในการวางแผนมากที่สุด
ผมดูแผนของคุณแล้วครับ ผมรู้สึกสบายใจกับการลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น จนพร้อมเปิดพอร์ตในไม่ช้าเลยครับ
ผมมีคำถามนิดหน่อยเกี่ยวกับ "ช่องว่าง" ที่คุณพูดถึง (คิดว่าเป็นสมมติฐานมากกว่า)
1 "ช่องว่าง" นี้ใช้เมื่อต้องการปรับพอร์ตใหม่ใช่ไหมครับ
2 "ช่องว่าง" นี้ ใช้ "ขาย" ก่อน "ซื้อ" ใช่ไหมครับ (จุดสำคัญไม่ได้อยู่ที่ การซื้อเลย อาจจะไม่ซื้อก็ได้ เปลี่ยนตัวไปเลยก็ได้ใช่ไหมครับ)
3 ถ้าเช่นนั้นแล้ว เราไม่มีทางที่จะเป็น "รายใหญ่" ได้เลยใช่ไหมครับ เพราะคุณไม่อยากให้พอร์ตโตมากเกินไปใช่ไหมครับ อย่างนี้ก็จะมีอิทธิพลต่อการกำหนดราคาไม่มากใช่ไหมครับ
4 ในทางกลับกัน ก็มีข้อดีคือ เราสามารถ "ขาย" ได้ง่ายใช่ไหมครับ นั่นคือเหตุผลที่คุณ ไม่ focus และกระจายหุ้นออกไปมากๆใช่ไหมครับ
ถ้าสมมติฐานผมผิดก็ขออภัยด้วยนะครับ ผมอยากจะลงทุนตามแนวของคุณอย่างเคร่งครัดจริงๆ ผมนับถือคุณด้วยใจจริงครับ ขอให้รวยเร็วๆนะครับ
ส่วนเรื่องจะมีคนมาเล่นวิธีนี้มากๆเนี่ยครับ ผมว่าไม่ต้องสนใจหรอกครับ กองทุนทั้งหลายเค้าไม่ชอบให้หุ้นนิ่งๆนักหรอกครับ(อันนี้ผมเดาเอง) และการเก็งกำไรมันตื่นเต้นกว่า วิธีนี้ค่อนข้างน่าเบื่ออยู่สักหน่อย(ผมชมคุณนะครับ คุณเด่นศรี) และก็อยู่ที่ "ใจ" จริงๆแหละ คนส่วนใหญ่จะเขวแน่นอนครับ (กำไร กองอยู่ตรงหน้าแล้วทำไมไม่ขายอะไรแบบเนี้ย)
ผมรู้ว่าคุณเด่นศรีจะรวยแน่นอน
ผมจะดำเนินตามแผนการนี้อย่างเคร่งครัดครับ
ขอบคุณมากมายครับ
จากคุณ : tk-everton (ทรงกฤษฎิ์) - [ 30 ก.ค. 47 12:27:36 ]
ความคิดเห็นที่ 77
ขอบคุณคุณเด่นศรีมากครับ
ไว้มีคำถามรบกวนถามอีก
ขอบคุณมาก ๆ เลยครับ
จากคุณ : yellowman (yellowest) - [ 30 ก.ค. 47 12:34:53 ]
ความคิดเห็นที่ 78
ชอบ idea นี้มากครับ
เป็นสูตรสำเร็จ ที่หามานานแล้ว
ผมชอบคิดว่า การเล่นหุ้นมันเป็นศิลป
เหมือนพวกการตลาด อะไรอย่างนี้ ซึ่งไม่มีสูตรสำเร็จ
แต่ผมมีคำถามนิดนึง
ว่า ถ้ามัน sideway
วันนี้ ลง 2 ช่อง พรุ่งนี้ขึ้น 3 ช่อง อีกวันลง 3 อะไรประมาณนี้
จะทำยังไงครับ
หรือกำหนด gap การซื้อขายให้กว้างขึ้นหรือแคบลงดีครับ
ขอบคุณครับ
จากคุณ : pavara - [ 30 ก.ค. 47 12:48:19 ]
ความคิดเห็นที่ 79
ความคิดเห็น
ขั้นตอนที่ 1 ต้องศึกษาหาความรู้เรื่องการลงทุน เช่น การวิเคราะห์งบการเงิน การวิเคราะห์กราฟเทคนิค ฯลฯ
ขั้นตอนที่ 2 ต่ำแหน่งที่จะขาย หรือตำแหน่งที่จะ ซื้อ......เป็นการยากที่จะหาตำแหน่งที่เหมาะสม (ตามวิธีคือทุก 10%) ถ้า...แล้ว เปลี่ยนเป็นการ ซื้อ-ขาย ตามการวิเคราะห์กราฟโดยพิจารณาจากตำแหน่งการกลับตัวของแท่งเทียน........น่าจะเป็นหลักการที่น่านำไปใช้........และ
ขั้นตอนที่ 3 ทำตามแผนการลงทุนของคุณ เด่นศรี ----> เป็นการเทรดหุ้นขาลง....จะต้องเป็นเงินลงทุนอย่างเดียวเท่านั้น (ความคิดเห็น)
ขั้นตอนเพิ่มเติมที่ 4 สิ่งที่ยังขาดอยู่...............เล่นด้วยเงินของคนอื่น.......(RETIRE YOUNG RETIRE RICH : เกษียณเร็ว เกษียณรวย โดย Robert T. Kiyosaki, Sharon L. Lechter, C.P.A. เรียบเรียงโดย ดร. สมจินต์ ศรไพศาล, ดร. ศุภกร สุนทรกิจ, ดร. วิยะดา นิตยาเกษตรวัฒน์, มัทยา ดีจริงจริง)
ผิดตก ยกเว้น
แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 47 16:53:21
แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 47 15:25:51
จากคุณ : นกเพนกวินอ้วน - [ 30 ก.ค. 47 15:22:44 ]
ความคิดเห็นที่ 80
คุณนกเพนกวินอ้วน .. ละเมออะไรคะ .. ไม่เห็นเข้าใจซักอย่าง
จากคุณ : สงสัยจิง จิง - [ 30 ก.ค. 47 16:13:58 A:202.133.160.45 X: ]
ความคิดเห็นที่ 81
ตอบความคิดเห็นที่ 80
^.^
......................................
เป็นความคิดเห็นหนึ่งครับ........ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าใจ
จากคุณ : นกเพนกวินอ้วน - [ 30 ก.ค. 47 16:43:05 ]
ความคิดเห็นที่ 82
สวัสดีครับ
ผมค่อยเข้ามาตอบคำถามตอนประมาณสัก 1 ทุ่ม นะครับ
เพราะว่าเพิ่งหายเจ็บกล้ามเนื้อจากการซ้อมฟุตบอล วันนี้เลยต้องไปซ้อมเอาใจพวกพี่ ๆ เค้าหน่อยครับ
...........
แล้วจะรีบกลับมาตอบครับ
..........
เด่นศรี
จากคุณ : เด่นศรี - [ 30 ก.ค. 47 17:24:25 ]
ความคิดเห็นที่ 83
ตอบพี่อาซ้อสี่ ครับ
สำหรับหุ้น KEST ที่มีอยู่ 400 หุ้น ถ้าเป็นผม ผมจะแก้ไขด้วย 2 วิธีคือ
1. ขายทีละ 100 หุ้น แต่เปลี่ยนจากทุก 3 ช่อง มาเป็น ทุก 5 ช่อง ครับ
2. หากได้เงินส่วนต่าง ( กระแสเงินสดแฝง ) สะสมจากการซื้อหุ้นอื่นคืนมา ผมจะซื้อ KEST เพิ่มให้เป็น 1000 หุ้น ครับ เพื่อให้สะดวกต่อแผนที่วางไว้
หากจะเปรียบเทียบกรณี KEST ให้เห็นชัดเจนขึ้น ผมก็จะสมมุติว่า พี่อาซ้อสี่ มีกิจการค้าขายอยู่ สินค้าในร้านของพี่ ก็มีทั้ง BEC ... KEST ... และหุ้นอื่น ๆ อีก
คราวนี้ก็มาพิจารณาว่า สินค้าในร้านตัวใดที่มีไม่พอขาย
BEC ก็มีเยอะอยู่แล้ว พอขายได้เรื่อย ๆ
KEST มีแค่ 400 น่าจะไม่พอขาย เพราะฉะนั้น ต้องซื้อเพิ่มเข้าร้าน ( แต่ไม่ต้องเพิ่มเงิน เพราะอาศัย กระแสเงินสดแฝง ที่เกิดจากการซื้อหุ้นคืน )
พอมองเห็นภาพมั้ยครับ
อะไรที่นึกภาพไม่ออก ลองนึกเปรียบเทียบว่า พอร์ตของเรา เป็นเหมือนกิจการหนึ่ง ( หรือ ร้านค้าหนึ่ง ) แล้วทำในสิ่งที่กิจการควรทำ จะทำให้เราตีความได้ง่ายขึ้นครับ
...............
พอร์ตของผมก็เช่นกัน เมื่อผมสะสมเงินสดแฝงได้ก้อนหนึ่ง ผมก็จะมาดูในพอร์ตว่า หุ้นตัวไหนที่มีปริมาณน้อย ผมก็จะเอาเงินส่วนนั้นซื้อหุ้นเติมเข้าไป ผมจะทำอย่างนี้ทุกเดือนครับ แต่ละเดือนจะดูเลยว่า เดือนนี้จะต้องเพิ่มหุ้นตัวไหนเข้าพอร์ต ( ด้วยเงินสดแฝงที่เราได้มาครับ )
....................
ตอบคุณ (ทรงกฤษฎิ์) ครับ
1 "ช่องว่าง" นี้ใช้เมื่อต้องการปรับพอร์ตใหม่ใช่ไหมครับ
ตอบ ก็ไม่เชิงว่าใช้ในการปรับพอร์ตครับ ผมว่าน่าจะเป็นการใช้แก้ปัญหาเมื่อปรับพอร์ตไม่ลงตัว จะถูกต้องกว่าครับ
นั่นคือ การปรับพอร์ตของผม ผมจะหมายถึงว่า เมื่อหุ้นที่เราซื้อมา ไม่เป็นดังที่เราหวัง คือ ซื้อแล้วราคากลับตกลง ผมก็จะใช้วิธีนี้ปรับพอร์ตของผม เพื่อหาประโยชน์จากหุ้นที่เราซื้อพลาดมา นั่นคือ ทำให้หุ้นทุกตัวในพอร์ต สามารถทำเงินให้เราได้
แต่จากนั้น จะมีหุ้นบางส่วนที่ซื้อคืนไม่ได้ ( เพราะราคาหุ้นกลับตัวขึ้นไป ) เมื่อผมแน่ใจแล้วว่า ยังงัยก็ซื้อคืนไม่ได้ ( แสดงว่า หุ้นขึ้นไปสูงกว่าที่เคยขายมาก ) ผมก็จะใช้ช่องว่างนี้ เข้ามาแก้ปัญหาครับ
2 "ช่องว่าง" นี้ ใช้ "ขาย" ก่อน "ซื้อ" ใช่ไหมครับ (จุดสำคัญไม่ได้อยู่ที่ การซื้อเลย อาจจะไม่ซื้อก็ได้ เปลี่ยนตัวไปเลยก็ได้ใช่ไหมครับ)
ตอบ ผมอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจคำถามนะครับ แต่ไม่เกี่ยวกับการขายก่อนซื้อครับ มันเป็นตัวแก้ปัญหาความไม่สมดุลย์ของพอร์ตครับ
3 ถ้าเช่นนั้นแล้ว เราไม่มีทางที่จะเป็น "รายใหญ่" ได้เลยใช่ไหมครับ เพราะคุณไม่อยากให้พอร์ตโตมากเกินไปใช่ไหมครับ อย่างนี้ก็จะมีอิทธิพลต่อการกำหนดราคาไม่มากใช่ไหมครับ
ตอบ ถ้า รายใหญ่ หมายความว่า มีเงินทุนเยอะ เราก็สามารถเป็นรายใหญ่ได้ครับ ( แต่ต้องทำไปเรื่อย ๆ )
แต่ถ้ารายใหญ่ หมายถึงว่า เราสามารถปั่นหุ้น หรือ ทุบหุ้นได้ ตรงนี้ผมคงไม่มีความสามารถถึงขนาดนั้น เพราะผมคิดว่า การจะทำอย่างนั้นได้ ต้องมีปัจจัยอื่นด้วยที่นอกเหนือจากเงินทุน ( ผมไม่กล้าเสี่ยงครับ กลัวพลาด จะเจ็บเอง )
4 ในทางกลับกัน ก็มีข้อดีคือ เราสามารถ "ขาย" ได้ง่ายใช่ไหมครับ นั่นคือเหตุผลที่คุณ ไม่ focus และกระจายหุ้นออกไปมากๆใช่ไหมครับ
ตอบ ถูกต้องเลยครับ ผมต้องกระจายหุ้นเพราะ เพราะหากผมมีหุ้นในมือแค่ตัวเดียว หากวันใดวันหนึ่ง เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ผมอาจจะต้องเทขายในไม้เดียว ตรงนี้ ผมจึงต้องกระจายหุ้นให้มากตัวครับ
แต่ถ้าหากถามว่า ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝัน ผมจะขายหุ้นทั้ง 50 ตัวได้ทันหรือเปล่า
ตรงนี้ หายห่วงครับ เพราะ มาร์ จะช่วยเททางเค้า ส่วนผมก็เท ทางผม ( พอร์ตผมสามารถคีย์ได้ด้วยผมเอง และ ด้วยมาร์อีกทางหนึ่งพร้อม ๆ กันครับ )
แต่อย่างว่าครับ ผมมักจะขายลงมาที่ละสเตร็ป ดังนั้นถ้าหุ้นมันไหลรูดอย่างรวดเร็ว ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ขายไปเรื่อย ๆ เพราะผมหวังอยู่เพียง .... ขายไปแล้ว ขอให้ลงมาเยอะ ๆ เถอะ .... เพี้ยง เพี้ยง ( ยิ้ม )
..............
วิธีนี้ ผมเดาเอาตามประสาของผมเองนะครับว่า ต่างชาติก็ทำคล้าย ๆ กันครับ
ลองสังเกตุดูครับ วันไหนเค้าขายวันนั้นหุ้นตก เพราะเค้าก็คงดูภาวะตลาดเหมือนกัน ถ้าหุ้นลง เค้าก็ขายตาม ไม่ฝืนตลาด โดยเฉพาะขายแล้วต้องลง เพราะเค้าจะได้ซื้อคืนในราคาถูกลง
วันไหนเค้าซื้อ หุ้นก็ขึ้น เพราะเค้าคิดว่า ถ้าซื้อแล้ว หุ้นต้องขึ้น
ผมก็คิดไปเรื่อย นะครับ
อีกอย่างนึงที่ผมชอบคิดเรื่อยเปื่อยคือ .... ถ้าผมซื้อหุ้นมาไว้ในมือ ผมก็ต้องอยากให้ราคามันขึ้นไปเรื่อย ๆ แม้ผมจะมีแค่ 100 หุ้น ก็ยังอยากให้ราคามันขึ้น จะได้ขายเอากำไร ยิ่งมีเป็น ล้านหุ้น ยิ่งต้องอยากให้หุ้นขึ้น
แต่ .... ต่างชาติ ที่มีหุ้นในมือมหาศาล ทำไมไม่ชอบให้หุ้นขึ้น แต่ชอบให้ขึ้น ๆ ลง ๆ และ ลงหนัก ๆ
ทำให้ผมคิดว่า .... ขาลง มันต้องมีอะไรดีกว่าขาขึ้นแน่ ๆ ถ้าขาขึ้นได้กำไร แสดงว่า ขาลงมันน่าจะอภิมหากำไรเลย
ผมคิดเล่น ๆ นะครับ
................
ตอบคุณ pavara
.....ถ้ามัน sideway
วันนี้ ลง 2 ช่อง พรุ่งนี้ขึ้น 3 ช่อง อีกวันลง 3 อะไรประมาณนี้
จะทำยังไงครับ
หรือกำหนด gap การซื้อขายให้กว้างขึ้นหรือแคบลงดีครับ.....
ถ้าเจอหุ้นอย่างนี้ ผมก็จะลองทำอย่างนี้ครับ
1. ให้เวลาเค้า ถ้าภายใน 1 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน มันยังทำรายได้ให้เราไม่ได้ ก็ต้องขายออกไปแล้วเปลี่ยนตัวลงทุน ( เราต้องคิดเอาไว้ก่อนด้วยว่า จะไปลงทุนตัวไหน )
2. การขาย ก็ไม่ใช่ขายทั้งหมด แต่ถ้าเป็นผม ผมก็จะขายทุกวัน วันละ 10 เปอร์เซนต์ ถ้าหากขายไปได้สักระยะ แล้วราคามันเกิดเคลื่อนไหว ผมก็จะกลับมาหามัน
นั่นคือ ถ้าไม่จำเป็นผมจะไม่เปลี่ยนตัว เพราะผมเลือกแล้วว่าผมต้องการกิจการนี้ นอกจากมันจะไม่สามารถทำรายได้ให้ผม ผมจึงจะไล่ออกจากพอร์ต ครับ
3. การเปลี่ยน gap ให้กว้างหรือแคบเข้า ถ้าเป็นผมผมคงไม่ทำครับ เพราะมันน่าอึดอัดมาก ผมถือว่าหุ้นตัวนี้ไม่น่าเสียเวลากับมันครับ
ของผมก็มีอยู่ตัวหนึ่ง .... ท่าน AOT นี่ก็ประมาณ 2 เดือนแล้ว ท่านยังจำศีลอยู่ที่ 50-53 อยู่เลยครับ
แต่ที่ยังไม่เปลี่ยน เพราะผมอยากได้กิจการนี้ ( และไม่อยากเป็นคน ... หลุด โลกกกก ) ( ยิ้ม ) ล้อเล่นครับ คือผมอยากได้กิจการนี้ และ อีกอย่าง หุ้นอีก 49 ตัวของผมมันยังขยันขันแข็ง ผมก็เลยให้โอกาส AOT เค้าพักฟื้นครับ
เผื่อวันดีคืนดี เค้าอาจจะวิ่งไปอยู่ 70 บาท หรือ บาดเจ็บกลับมาที่ 40 บาท ผมก็จะได้รีบเอาใจเค้าครับ ( ยิ้ม)
..................
ผมจึงให้ความสำคัญกับ "เวลา" ในการวางแผนมากที่สุด
ผมดูแผนของคุณแล้วครับ ผมรู้สึกสบายใจกับการลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น จนพร้อมเปิดพอร์ตในไม่ช้าเลยครับ
ผมมีคำถามนิดหน่อยเกี่ยวกับ "ช่องว่าง" ที่คุณพูดถึง (คิดว่าเป็นสมมติฐานมากกว่า)
1 "ช่องว่าง" นี้ใช้เมื่อต้องการปรับพอร์ตใหม่ใช่ไหมครับ
2 "ช่องว่าง" นี้ ใช้ "ขาย" ก่อน "ซื้อ" ใช่ไหมครับ (จุดสำคัญไม่ได้อยู่ที่ การซื้อเลย อาจจะไม่ซื้อก็ได้ เปลี่ยนตัวไปเลยก็ได้ใช่ไหมครับ)
3 ถ้าเช่นนั้นแล้ว เราไม่มีทางที่จะเป็น "รายใหญ่" ได้เลยใช่ไหมครับ เพราะคุณไม่อยากให้พอร์ตโตมากเกินไปใช่ไหมครับ อย่างนี้ก็จะมีอิทธิพลต่อการกำหนดราคาไม่มากใช่ไหมครับ
4 ในทางกลับกัน ก็มีข้อดีคือ เราสามารถ "ขาย" ได้ง่ายใช่ไหมครับ นั่นคือเหตุผลที่คุณ ไม่ focus และกระจายหุ้นออกไปมากๆใช่ไหมครับ
ถ้าสมมติฐานผมผิดก็ขออภัยด้วยนะครับ ผมอยากจะลงทุนตามแนวของคุณอย่างเคร่งครัดจริงๆ ผมนับถือคุณด้วยใจจริงครับ ขอให้รวยเร็วๆนะครับ
ส่วนเรื่องจะมีคนมาเล่นวิธีนี้มากๆเนี่ยครับ ผมว่าไม่ต้องสนใจหรอกครับ กองทุนทั้งหลายเค้าไม่ชอบให้หุ้นนิ่งๆนักหรอกครับ(อันนี้ผมเดาเอง) และการเก็งกำไรมันตื่นเต้นกว่า วิธีนี้ค่อนข้างน่าเบื่ออยู่สักหน่อย(ผมชมคุณนะครับ คุณเด่นศรี) และก็อยู่ที่ "ใจ" จริงๆแหละ คนส่วนใหญ่จะเขวแน่นอนครับ (กำไร กองอยู่ตรงหน้าแล้วทำไมไม่ขายอะไรแบบเนี้ย)
ผมรู้ว่าคุณเด่นศรีจะรวยแน่นอน
ผมจะดำเนินตามแผนการนี้อย่างเคร่งครัดครับ
ขอบคุณมากมายครับ
จากคุณ : tk-everton (ทรงกฤษฎิ์) - [ 30 ก.ค. 47 12:27:36 ]
ความคิดเห็นที่ 77
ขอบคุณคุณเด่นศรีมากครับ
ไว้มีคำถามรบกวนถามอีก
ขอบคุณมาก ๆ เลยครับ
จากคุณ : yellowman (yellowest) - [ 30 ก.ค. 47 12:34:53 ]
ความคิดเห็นที่ 78
ชอบ idea นี้มากครับ
เป็นสูตรสำเร็จ ที่หามานานแล้ว
ผมชอบคิดว่า การเล่นหุ้นมันเป็นศิลป
เหมือนพวกการตลาด อะไรอย่างนี้ ซึ่งไม่มีสูตรสำเร็จ
แต่ผมมีคำถามนิดนึง
ว่า ถ้ามัน sideway
วันนี้ ลง 2 ช่อง พรุ่งนี้ขึ้น 3 ช่อง อีกวันลง 3 อะไรประมาณนี้
จะทำยังไงครับ
หรือกำหนด gap การซื้อขายให้กว้างขึ้นหรือแคบลงดีครับ
ขอบคุณครับ
จากคุณ : pavara - [ 30 ก.ค. 47 12:48:19 ]
ความคิดเห็นที่ 79
ความคิดเห็น
ขั้นตอนที่ 1 ต้องศึกษาหาความรู้เรื่องการลงทุน เช่น การวิเคราะห์งบการเงิน การวิเคราะห์กราฟเทคนิค ฯลฯ
ขั้นตอนที่ 2 ต่ำแหน่งที่จะขาย หรือตำแหน่งที่จะ ซื้อ......เป็นการยากที่จะหาตำแหน่งที่เหมาะสม (ตามวิธีคือทุก 10%) ถ้า...แล้ว เปลี่ยนเป็นการ ซื้อ-ขาย ตามการวิเคราะห์กราฟโดยพิจารณาจากตำแหน่งการกลับตัวของแท่งเทียน........น่าจะเป็นหลักการที่น่านำไปใช้........และ
ขั้นตอนที่ 3 ทำตามแผนการลงทุนของคุณ เด่นศรี ----> เป็นการเทรดหุ้นขาลง....จะต้องเป็นเงินลงทุนอย่างเดียวเท่านั้น (ความคิดเห็น)
ขั้นตอนเพิ่มเติมที่ 4 สิ่งที่ยังขาดอยู่...............เล่นด้วยเงินของคนอื่น.......(RETIRE YOUNG RETIRE RICH : เกษียณเร็ว เกษียณรวย โดย Robert T. Kiyosaki, Sharon L. Lechter, C.P.A. เรียบเรียงโดย ดร. สมจินต์ ศรไพศาล, ดร. ศุภกร สุนทรกิจ, ดร. วิยะดา นิตยาเกษตรวัฒน์, มัทยา ดีจริงจริง)
ผิดตก ยกเว้น
แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 47 16:53:21
แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 47 15:25:51
จากคุณ : นกเพนกวินอ้วน - [ 30 ก.ค. 47 15:22:44 ]
ความคิดเห็นที่ 80
คุณนกเพนกวินอ้วน .. ละเมออะไรคะ .. ไม่เห็นเข้าใจซักอย่าง
จากคุณ : สงสัยจิง จิง - [ 30 ก.ค. 47 16:13:58 A:202.133.160.45 X: ]
ความคิดเห็นที่ 81
ตอบความคิดเห็นที่ 80
^.^
......................................
เป็นความคิดเห็นหนึ่งครับ........ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าใจ
จากคุณ : นกเพนกวินอ้วน - [ 30 ก.ค. 47 16:43:05 ]
ความคิดเห็นที่ 82
สวัสดีครับ
ผมค่อยเข้ามาตอบคำถามตอนประมาณสัก 1 ทุ่ม นะครับ
เพราะว่าเพิ่งหายเจ็บกล้ามเนื้อจากการซ้อมฟุตบอล วันนี้เลยต้องไปซ้อมเอาใจพวกพี่ ๆ เค้าหน่อยครับ
...........
แล้วจะรีบกลับมาตอบครับ
..........
เด่นศรี
จากคุณ : เด่นศรี - [ 30 ก.ค. 47 17:24:25 ]
ความคิดเห็นที่ 83
ตอบพี่อาซ้อสี่ ครับ
สำหรับหุ้น KEST ที่มีอยู่ 400 หุ้น ถ้าเป็นผม ผมจะแก้ไขด้วย 2 วิธีคือ
1. ขายทีละ 100 หุ้น แต่เปลี่ยนจากทุก 3 ช่อง มาเป็น ทุก 5 ช่อง ครับ
2. หากได้เงินส่วนต่าง ( กระแสเงินสดแฝง ) สะสมจากการซื้อหุ้นอื่นคืนมา ผมจะซื้อ KEST เพิ่มให้เป็น 1000 หุ้น ครับ เพื่อให้สะดวกต่อแผนที่วางไว้
หากจะเปรียบเทียบกรณี KEST ให้เห็นชัดเจนขึ้น ผมก็จะสมมุติว่า พี่อาซ้อสี่ มีกิจการค้าขายอยู่ สินค้าในร้านของพี่ ก็มีทั้ง BEC ... KEST ... และหุ้นอื่น ๆ อีก
คราวนี้ก็มาพิจารณาว่า สินค้าในร้านตัวใดที่มีไม่พอขาย
BEC ก็มีเยอะอยู่แล้ว พอขายได้เรื่อย ๆ
KEST มีแค่ 400 น่าจะไม่พอขาย เพราะฉะนั้น ต้องซื้อเพิ่มเข้าร้าน ( แต่ไม่ต้องเพิ่มเงิน เพราะอาศัย กระแสเงินสดแฝง ที่เกิดจากการซื้อหุ้นคืน )
พอมองเห็นภาพมั้ยครับ
อะไรที่นึกภาพไม่ออก ลองนึกเปรียบเทียบว่า พอร์ตของเรา เป็นเหมือนกิจการหนึ่ง ( หรือ ร้านค้าหนึ่ง ) แล้วทำในสิ่งที่กิจการควรทำ จะทำให้เราตีความได้ง่ายขึ้นครับ
...............
พอร์ตของผมก็เช่นกัน เมื่อผมสะสมเงินสดแฝงได้ก้อนหนึ่ง ผมก็จะมาดูในพอร์ตว่า หุ้นตัวไหนที่มีปริมาณน้อย ผมก็จะเอาเงินส่วนนั้นซื้อหุ้นเติมเข้าไป ผมจะทำอย่างนี้ทุกเดือนครับ แต่ละเดือนจะดูเลยว่า เดือนนี้จะต้องเพิ่มหุ้นตัวไหนเข้าพอร์ต ( ด้วยเงินสดแฝงที่เราได้มาครับ )
....................
ตอบคุณ (ทรงกฤษฎิ์) ครับ
1 "ช่องว่าง" นี้ใช้เมื่อต้องการปรับพอร์ตใหม่ใช่ไหมครับ
ตอบ ก็ไม่เชิงว่าใช้ในการปรับพอร์ตครับ ผมว่าน่าจะเป็นการใช้แก้ปัญหาเมื่อปรับพอร์ตไม่ลงตัว จะถูกต้องกว่าครับ
นั่นคือ การปรับพอร์ตของผม ผมจะหมายถึงว่า เมื่อหุ้นที่เราซื้อมา ไม่เป็นดังที่เราหวัง คือ ซื้อแล้วราคากลับตกลง ผมก็จะใช้วิธีนี้ปรับพอร์ตของผม เพื่อหาประโยชน์จากหุ้นที่เราซื้อพลาดมา นั่นคือ ทำให้หุ้นทุกตัวในพอร์ต สามารถทำเงินให้เราได้
แต่จากนั้น จะมีหุ้นบางส่วนที่ซื้อคืนไม่ได้ ( เพราะราคาหุ้นกลับตัวขึ้นไป ) เมื่อผมแน่ใจแล้วว่า ยังงัยก็ซื้อคืนไม่ได้ ( แสดงว่า หุ้นขึ้นไปสูงกว่าที่เคยขายมาก ) ผมก็จะใช้ช่องว่างนี้ เข้ามาแก้ปัญหาครับ
2 "ช่องว่าง" นี้ ใช้ "ขาย" ก่อน "ซื้อ" ใช่ไหมครับ (จุดสำคัญไม่ได้อยู่ที่ การซื้อเลย อาจจะไม่ซื้อก็ได้ เปลี่ยนตัวไปเลยก็ได้ใช่ไหมครับ)
ตอบ ผมอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจคำถามนะครับ แต่ไม่เกี่ยวกับการขายก่อนซื้อครับ มันเป็นตัวแก้ปัญหาความไม่สมดุลย์ของพอร์ตครับ
3 ถ้าเช่นนั้นแล้ว เราไม่มีทางที่จะเป็น "รายใหญ่" ได้เลยใช่ไหมครับ เพราะคุณไม่อยากให้พอร์ตโตมากเกินไปใช่ไหมครับ อย่างนี้ก็จะมีอิทธิพลต่อการกำหนดราคาไม่มากใช่ไหมครับ
ตอบ ถ้า รายใหญ่ หมายความว่า มีเงินทุนเยอะ เราก็สามารถเป็นรายใหญ่ได้ครับ ( แต่ต้องทำไปเรื่อย ๆ )
แต่ถ้ารายใหญ่ หมายถึงว่า เราสามารถปั่นหุ้น หรือ ทุบหุ้นได้ ตรงนี้ผมคงไม่มีความสามารถถึงขนาดนั้น เพราะผมคิดว่า การจะทำอย่างนั้นได้ ต้องมีปัจจัยอื่นด้วยที่นอกเหนือจากเงินทุน ( ผมไม่กล้าเสี่ยงครับ กลัวพลาด จะเจ็บเอง )
4 ในทางกลับกัน ก็มีข้อดีคือ เราสามารถ "ขาย" ได้ง่ายใช่ไหมครับ นั่นคือเหตุผลที่คุณ ไม่ focus และกระจายหุ้นออกไปมากๆใช่ไหมครับ
ตอบ ถูกต้องเลยครับ ผมต้องกระจายหุ้นเพราะ เพราะหากผมมีหุ้นในมือแค่ตัวเดียว หากวันใดวันหนึ่ง เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ผมอาจจะต้องเทขายในไม้เดียว ตรงนี้ ผมจึงต้องกระจายหุ้นให้มากตัวครับ
แต่ถ้าหากถามว่า ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝัน ผมจะขายหุ้นทั้ง 50 ตัวได้ทันหรือเปล่า
ตรงนี้ หายห่วงครับ เพราะ มาร์ จะช่วยเททางเค้า ส่วนผมก็เท ทางผม ( พอร์ตผมสามารถคีย์ได้ด้วยผมเอง และ ด้วยมาร์อีกทางหนึ่งพร้อม ๆ กันครับ )
แต่อย่างว่าครับ ผมมักจะขายลงมาที่ละสเตร็ป ดังนั้นถ้าหุ้นมันไหลรูดอย่างรวดเร็ว ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ขายไปเรื่อย ๆ เพราะผมหวังอยู่เพียง .... ขายไปแล้ว ขอให้ลงมาเยอะ ๆ เถอะ .... เพี้ยง เพี้ยง ( ยิ้ม )
..............
วิธีนี้ ผมเดาเอาตามประสาของผมเองนะครับว่า ต่างชาติก็ทำคล้าย ๆ กันครับ
ลองสังเกตุดูครับ วันไหนเค้าขายวันนั้นหุ้นตก เพราะเค้าก็คงดูภาวะตลาดเหมือนกัน ถ้าหุ้นลง เค้าก็ขายตาม ไม่ฝืนตลาด โดยเฉพาะขายแล้วต้องลง เพราะเค้าจะได้ซื้อคืนในราคาถูกลง
วันไหนเค้าซื้อ หุ้นก็ขึ้น เพราะเค้าคิดว่า ถ้าซื้อแล้ว หุ้นต้องขึ้น
ผมก็คิดไปเรื่อย นะครับ
อีกอย่างนึงที่ผมชอบคิดเรื่อยเปื่อยคือ .... ถ้าผมซื้อหุ้นมาไว้ในมือ ผมก็ต้องอยากให้ราคามันขึ้นไปเรื่อย ๆ แม้ผมจะมีแค่ 100 หุ้น ก็ยังอยากให้ราคามันขึ้น จะได้ขายเอากำไร ยิ่งมีเป็น ล้านหุ้น ยิ่งต้องอยากให้หุ้นขึ้น
แต่ .... ต่างชาติ ที่มีหุ้นในมือมหาศาล ทำไมไม่ชอบให้หุ้นขึ้น แต่ชอบให้ขึ้น ๆ ลง ๆ และ ลงหนัก ๆ
ทำให้ผมคิดว่า .... ขาลง มันต้องมีอะไรดีกว่าขาขึ้นแน่ ๆ ถ้าขาขึ้นได้กำไร แสดงว่า ขาลงมันน่าจะอภิมหากำไรเลย
ผมคิดเล่น ๆ นะครับ
................
ตอบคุณ pavara
.....ถ้ามัน sideway
วันนี้ ลง 2 ช่อง พรุ่งนี้ขึ้น 3 ช่อง อีกวันลง 3 อะไรประมาณนี้
จะทำยังไงครับ
หรือกำหนด gap การซื้อขายให้กว้างขึ้นหรือแคบลงดีครับ.....
ถ้าเจอหุ้นอย่างนี้ ผมก็จะลองทำอย่างนี้ครับ
1. ให้เวลาเค้า ถ้าภายใน 1 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน มันยังทำรายได้ให้เราไม่ได้ ก็ต้องขายออกไปแล้วเปลี่ยนตัวลงทุน ( เราต้องคิดเอาไว้ก่อนด้วยว่า จะไปลงทุนตัวไหน )
2. การขาย ก็ไม่ใช่ขายทั้งหมด แต่ถ้าเป็นผม ผมก็จะขายทุกวัน วันละ 10 เปอร์เซนต์ ถ้าหากขายไปได้สักระยะ แล้วราคามันเกิดเคลื่อนไหว ผมก็จะกลับมาหามัน
นั่นคือ ถ้าไม่จำเป็นผมจะไม่เปลี่ยนตัว เพราะผมเลือกแล้วว่าผมต้องการกิจการนี้ นอกจากมันจะไม่สามารถทำรายได้ให้ผม ผมจึงจะไล่ออกจากพอร์ต ครับ
3. การเปลี่ยน gap ให้กว้างหรือแคบเข้า ถ้าเป็นผมผมคงไม่ทำครับ เพราะมันน่าอึดอัดมาก ผมถือว่าหุ้นตัวนี้ไม่น่าเสียเวลากับมันครับ
ของผมก็มีอยู่ตัวหนึ่ง .... ท่าน AOT นี่ก็ประมาณ 2 เดือนแล้ว ท่านยังจำศีลอยู่ที่ 50-53 อยู่เลยครับ
แต่ที่ยังไม่เปลี่ยน เพราะผมอยากได้กิจการนี้ ( และไม่อยากเป็นคน ... หลุด โลกกกก ) ( ยิ้ม ) ล้อเล่นครับ คือผมอยากได้กิจการนี้ และ อีกอย่าง หุ้นอีก 49 ตัวของผมมันยังขยันขันแข็ง ผมก็เลยให้โอกาส AOT เค้าพักฟื้นครับ
เผื่อวันดีคืนดี เค้าอาจจะวิ่งไปอยู่ 70 บาท หรือ บาดเจ็บกลับมาที่ 40 บาท ผมก็จะได้รีบเอาใจเค้าครับ ( ยิ้ม)
..................