DSM concept ตอนที่ 35

คุณเด่นศรีทำไมว่า Rich Dad.......
ทำไมคุณเด่นศรี ถึงว่า Rich Dad ของคุณ คิโยซากิ ว่าเป็นนักลงทุนที่เก่งที่สุดล่ะคะ .. ดิฉันตามอ่าน Rich Dad อยู่ค่ะ เป็นไปได้จริงมั้ยคะ และถ้าจะให้เก่งเหมือนเขาต้องทำไงบ้างคะ ?

จากคุณ : อาซ้อสี่ - [ 22 ก.ค. 47 21:33:23 A:202.133.160.169 X: ]
--------------------------------------------------------------------------------
 ความคิดเห็นที่ 1
เก่งเท่าคุณเด่นศรี ก็ได้ค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
จากคุณ : อาซ้อสี่ค่า :) - [ 22 ก.ค. 47 21:34:56 A:202.133.160.169 X: ]
 ความคิดเห็นที่ 2 
Rich Dad พูดถึงการลงทุนที่เป็นธรรมชาติครับ สามารถประยุกต์ใช้ได้กับการลงทุนทุกอย่างในโลก ขอเพียงให้มีการเคลื่อนไหวขึ้นลงของราคา
..........
แต่จากหนังสือ จะเน้นเนื้อหาเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ผู้อ่านที่ไม่มองให้กว้าง จะคิดถึงแต่อสังหาริมทรัพย์
........
แต่จริง ๆ แล้ว มันใช้ได้กับการลงทุนทุกอย่างในโลก โดยเฉพาะตลาดหุ้น ตลาดเงิน ตลาดสินค้าล่วงหน้า ตลาดน้ำมัน ตลาดทองคำ ๆลๆ
.........
เนื้อความในหนังสือ หลายอย่างที่ไม่ได้เน้น เป็นการกล่าวอ้างถึงคำพูดของพ่อรวยแบบลอย ๆ แต่ .... กลับเป็นจุดสำคัญที่ชี้ให้เห็นช่องว่าง หรือ โอกาสของการลงทุน ( รวมทั้งตลาดหุ้น ) โดยที่ไม่ต้องใช้ความสามารถพิเศษอะไรเลยครับ
........
อย่างที่หนังสือบอกแหละครับ การลงทุนเป็นเรื่องง่าย และเป็นไปอย่างอัตโนมัติ
.........
ผมค่อยมาตอบต่อนะครับ ขอตัวไปดูพอร์ตก่อนครับ
............
เด่นศรี
จากคุณ : เด่นศรี  - [ 23 ก.ค. 47 09:57:17 ]
ความคิดเห็นที่ 3 
ต้องลองเปลี่ยน แนวความคิด ครับ
^.^
จากคุณ : นกเพนกวินอ้วน  - [ 23 ก.ค. 47 10:58:16 ]
 ความคิดเห็นที่ 4
รออ่านอย่างใจจดใจจ่อค่ะ
จากคุณ : //f_thailand - [ 23 ก.ค. 47 10:58:58 A:202.133.133.32 X: ]
ความคิดเห็นที่ 5 
ผมเคยอ่านความเห็นของเพื่อน ๆ หลายท่าน ( ปีที่แล้ว ๆ มา ) เกี่ยวกับเนื้อหาของหนังสือชุดนี้
........
เกือบทุกท่าน จะกล่าวว่า หนังสือนี้ พูดถึงแต่อสังหาริมทรัพย์ แต่ถ้ามองให้กว้าง จะเห็นว่า อสังหาริมทรัพย์กับตลาดหุ้น หรือตลาดอื่น ๆ ไม่ได้แตกต่างกันเลยครับ
...........
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ก็มีการขึ้นลงของราคา บางช่วงตกต่ำ บางช่วงบูม บางช่วงไม่ค่อยไปไหน .... เช่นเดียวกับตลาดหุ้น แต่ .... ต่างกันที่ระยะเวลา เท่านั้นครับ
.........
กล่าวคือ อสังหาริมทรัพย์ ราคากว่าจะขึ้น บางครั้งใช้เวลาเป็นปีหรือมากกว่า แต่ราคาหุ้น ใช้เวลาแค่ไม่ถึงเดือน หรือ ไม่ถึงสัปดาห์
อสังหา ๆ มีขึ้นมีลง ราคาหุ้นก็มีขึ้นมีลง
เก็งกำไรอสังหา ๆ ก็คล้ายการเก็งกำไรหุ้น
............
นั่นคือ ในความคิดผม การลงทุนในหุ้น จะย่นเวลาได้เร็วกว่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
..........
แต่ว่า .... คนส่วนใหญ่พอจะเข้าใจว่า อะไรคือการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ แต่พอเข้าตลาดหุ้น กลับเข้ามาเก็งกำไร ( พนัน ) แล้วเรียกสิ่งนั้นว่าลงทุนในหุ้น ซึ่งผิดพลาดมาก
........
เดิมทีผมก็อ่านหนังสือนี้ แล้วตีความแต่เรื่องอสังหาริมทรัพย์ แล้วก็มาเก็งกำไรในตลาดหุ้น ปรากฎว่า เครียดอยู่ปีกว่า ๆ ขาดทุนไปเกือบ 2 ล้าน ( ภายในเวลาแค่ ไม่ถึง 4 เดือน )
.........
แต่พออ่านได้ประมาณ 4-5 รอบ ก็เริ่มเอะใจในบางส่วนและหลาย ๆส่วนของหนังสือ หลายอย่างที่เราไม่เข้าใจแต่ตีความไปว่าเราเข้าใจ ( งง มั้ยครับ )
.........
นั่นคือ เราตีความหนังสือผิดมาตลอด ( หนังสือชุดนี้ อ่านแต่ละรอบ จะตีความได้รอบละแบบครับ แปลกมาก )
...........
แม้แต่ตอนนี้ ในความคิดของผมเอง ผมบอกได้ว่า หนังสือการลงทุนในหุ้นที่ดีที่สุดก็คือ หนังสือพ่อรวยสอนลูก นี่แหละครับ
........
แล้วจะมาเล่าต่อครับ
เด่นศรี
จากคุณ : เด่นศรี  - [ 23 ก.ค. 47 12:55:57 ]
 ความคิดเห็นที่ 6 
ไม่เชิงว่าดีที่สุดครับ แต่เป็นขุมทรัพย์สำหรับคนช่างคิด
เลยทีเดียว
สิ่งที่ผมตีความได้จากหนังสือคือ
1. มองหาโอกาสตลอดเวลา
2. ต้องพร้อมจะลงมือเมื่อเห็นโอกาส
3. ต้องลงมือก่อนคนอื่น

หัวใจของการลงทุน (ที่ผมเข้าใจ) ก็คือ
การบริหารเงินสดครับ
จากคุณ : ซีเค  - [ 23 ก.ค. 47 13:57:42 ]

ความคิดเห็นที่ 7 
ดีที่สุด สำหรับผมครับ
......
หัวใจของการลงทุน คือ การบริหารกระแสเงินสด ครับ ไม่ใช่เงินสด
โดยเฉพาะ กระแสเงินสดแฝง ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของการลงทุน
.......
ส่วนการลงทุน ไม่จำเป็นต้องรีบลงมือครับ ต้องค่อย ๆ ก้าวแบบทารก และ โอกาสของนักลงทุนจะมีอยู่ทุกวินาทีครับ ไม่จำเป็นต้องรอโอกาส เพราะนักลงทุนจะสร้างโอกาส แทนการรอโอกาส ครับ
.......
เด่นศรี
จากคุณ : เด่นศรี  - [ 23 ก.ค. 47 14:10:18 ]

 ความคิดเห็นที่ 8 
ขอแก้ไขนิดหนึ่ง
หัวใจของการลงทุนคือ แผนการ ครับ
เป้าหมายสูงสุดของการลงทุนคือ กระแสเงินสดแฝง
.......
กระแสเงินสดแฝง จะต่างจากเงินสด และ กระแสเงินสด
........
ทุกวันนี้ การเล่นหุ้นของต่างชาติ ที่ไม่ยอมให้หุ้นขึ้น เพราะ ถ้าหุ้นขึ้น เขาจะได้กำไร ( เงินสด ) ซึ่งต่างจากการทุบหุ้นให้หุ้นลง เขาจะได้กระแสเงินสดแฝง
.........
ซึ่งกระแสเงินสดแฝง นี้ จะสร้างความร่ำรวยได้มากกว่ากระแสเงินสดหรือกำไรมากมาย
........
ต่างชาติ ( ซึ่งมีหุ้นในมือมากมาย ) จึงไม่ยอมให้หุ้นขึ้น แต่ต้องดึงขึ้น ( เอากำไร ) แล้ว ทุบลง ( เอากระแสเงินสดแฝง )
..........
ถ้าไม่เข้าใจจุดนี้ ก็จะไม่เข้าใจวิธีการกินรวบทั้งสองทางของต่างชาติครับ ลองศึกษาดูนะครับ
.........
เด่นศรี
จากคุณ : เด่นศรี  - [ 23 ก.ค. 47 14:24:30 ]

 ความคิดเห็นที่ 9
ไม่มีศัพท์ "กระแสเงินสดแฝง" ใน Rich Dad เลยนี่คะ แล้ว "กระแสเงินสดแฝง" นี่หมายความว่าไงหรือคะ คือการที่เราถือหุ้น และเมื่อหุ้นเราตก ... เราทำทีว่าขายไปก่อน แล้วไปซื้อคืนมาภายในวัน .. เมื่อราคาตกไปมากกว่าที่ขายใช่มั้ยคะ ซึ่งถึงแม้หุ้นลง เราก็ยังได้กำไร ... นี่ใช่ "กระแสเงินสดแฝง" ที่คุณหมายถึงหรือเปล่าคะ... ถ้าใช่้ ก็ถือว่า ฝรั่งสามารถคุมเกมได้ทั้งเวลาตลาดขึ้นและลงซิคะ..... เป็นไปได้ซ้ออยากกลับไปอ่านทบทวนอีก ใช่เล่ม 4 การลงทุนมั้ยคะ ที่คุณอ่านซ้ำๆ.. ... ยังรออ่านต่อนะคะ .. คิดว่ายังไม่ใช่แก่นทั้งหมดที่ คุณเด่นศรีอยากบอก.. ดื่มน้ำก่อนนะคะ จะได้หายเหนื่อย :)
จากคุณ : อาซ้อสี่ - [ 23 ก.ค. 47 15:41:19 A:202.133.162.250 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10
เพราะหนังสือพ่อรวยฯ นี่แหละ ที่ทำให้มาเล่นหุ้น เพราะพออ่านปุ๊บคิดอีกหน่อย ก็มองช่องทางออกเลย แต่ที่เหลือต้องพึ่งตัวเอง พึ่งหนังสือคงไม่รอดมาถึงมาวันนี้ เพราะสูตรสำเร็จในโลกนี้ไม่มี ต้องประยุกต์ใช้เอาเอง สูตรใครสูตรมัน เลียนแบบกันยาก เพราะปัจจัยแวดล้อมไม่เหมือนกัน
จากคุณ : หนังสือดีมีค่ากว่าทอง - [ 23 ก.ค. 47 15:43:32 A:203.107.212.136 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 
สวัสดีค่ะคุณเด่นศรี
หลังจากศึกษาการเล่นหุ้นมาคุณมานาน ตอนนี้เปิดพอร์ตเล่นแล้วค่ะ
รู้ซึ้งแล้วว่า "มันอยู่ที่ใจ" จริงๆ
ตอนนี้กำลังเรียนรู้การฟูมฟักหุ้นอยู่ค่ะ
ส่วนหนังสือ Rich dad ที่คุณแนะนำให้อ่านเล่มสี่ ก็อ่านจบแล้ว
หนังสือเน้นเรื่องอสังหาฯจริงๆ แต่ก็จะพยายามไปอ่านทำความเข้าใจอีกรอบนะคะ
จากคุณ : PITnap no.3  - [ 23 ก.ค. 47 16:51:07 ]

 ความคิดเห็นที่ 12 
กระแสเงินสดแฝง ..... อยู่ในหนังสือเล่ม เกษียณเร็วเกษียณรวย หน้า 199 ครับ
........
เป็นกระแสเงินสดที่เกิดจากการลดค่าของทรัพย์สิน
.........
ตัวอย่างการเพิ่มค่าและลดค่า เช่น จากหุ้น KTB
การรอให้หุ้น KTB ขึ้นจาก 9.40 ไปเป็น 11.00 อาจต้องใช้เวลาเป็นเดือน เป็นปี
แต่การลดค่า จากราคา 11.00 มาเหลือแค่ 9.40 ใช้เวลาแค่ 3 วัน เท่านั้นเองครับ
ลองคิดดูครับว่า การเล่นขาขึ้น กับ เล่นขาลง ใครจะรวยเร็วกว่ากัน .......
........
ฝรั่งเค้าทำเงินทั้งสองทางครับ แต่มองทางขาลงเป็นหลัก เพราะได้เร็วกว่า มากกว่า
แต่ที่ต้องทำให้หุ้นขึ้นด้วยเพราะ ถ้ามีแต่หุ้นลง รายย่อย ( หรือกองทุน ) ที่ไหนจะเอาเงินมาให้ฝรั่ง ..... เค้าจึงต้องเอาขึ้นเพื่อเรียกลูกค้า ให้ลูกค้าได้กำไรไปบ้างครับ
..........
หนังสือนี้ อยู่ที่การตีความของผู้อ่าน คนอ่านพันคน ก็ตีความได้พันแบบ พออ่านรอบใหม่ ก็จะได้อะไรใหม่ในของเก่ามาเรื่อย ๆ
.............
อย่างที่ คห. 10 บอกแหละครับว่า ไม่มีสูตรสำเร็จ หนังสือชุดนี้ ก็ไม่ได้บอกสูตรสำเร็จ แต่บอกธรรมชาติของการลงทุน ให้เห็นว่า เป็นเรื่องง่าย และ ธรรมดา แต่เรามุ่งแต่หาวิธียาก ๆ เพราะคิดว่า วิธียาก ๆ น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5