บะหมี่น้ำหนึ่งชาม ตอนที่ 6

ในที่สุดเถ้าแก่เนี้ยก็ได้สติ ตบไหล่ของเถ้าแก่ร้านขายผัก แล้วพูดว่า " ยินดีต้อนรับค่ะ...เชิญนั่งข้างในค่ะ...
นี่ตาเฒ่า...บะหมี่น้ำสามชามโต๊ะสอง " เถ้าแก่ที่ยืนตะลึงอยู่ก็รีบปาดน้ำตาแล้วรับคำว่า "ครับ..บะหมี่น้ำ
สามชาม"
หากดูกันตามจริงแล้ว สิ่งที่เถ้าแก่ร้านบะหมี่ทั้งสองได้ให้ไปมันไม่ได้มีค่ามากมายอะไรเลย มันเป็นแค่เพียง
บะหมี่ไม่กี่ก้อน คำพูดที่จริงใจและให้กำลังใจเพียงไม่กี่คำ รวมทั้งคำอวยพรว่า " ขอบคุณค่ะ(ครับ)
สวัสดีปีใหม่ค่ะ(ครับ) " ก็เท่านั้นเอง แต่มันกลับให้ผู้ที่ถูกความจริงอันโหดร้ายบีบให้จมอยู่ในสถานการณ์
คับขัน
ได้สามารถกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า อย่าพยายามมองข้ามตัวเอง ตัวเราเองสามารถ
มีอิทธิพลต่อสิ่งแวดล้อมให้น่าอยู่ได้ บางทีมันอาจจะเป็นแค่เพียงความใส่ใจความห่วงใยอันจริงใจของคุณ
เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก็สามารถนำพาเอาแสงสว่างอันเจิดจรัสอย่างไม่มีขีดจำกัดมาสู่โลกได้
ด้วยเหตุนี้ความหวังความใฝ่ฝันที่แรงกล้าของพวกเรา ... เพื่อนพ้องทั้งหลาย ... อย่ามัวเห็นแก่ตัวกัน
หรือเสียดายมันอยู่เลย หวังว่านับแต่บัดนี้เป็นต้นไป พวกเราจะสามารถมอบหัวใจแห่งความรักและความ
เมตตา
ที่เราอัดเก็บไว้ในใจมา เป็นเวลานานแสนนานนั้น มอบให้กับคนอื่นด้วยความเต็มใจ จุดประกายแห่ง
ความสว่างแก่โลก .... ถึงแม้จะเป็นแสงเพียงริบหรี่เท่านั้น แต่สำหรับคืนอันหนาวเหน็บอันเย็นยะเยือก
ของฤดูหนาว มันเป็นประกายแห่งความอบอุ่น และแสงสว่างอันสุกสกาวจริง ๆ เรื่องนี้ตอนที่เกิดขึ้นที่ญี่ปุน่
ทำให้คนญี่ปุ่นรู้สึกประทับใจมานับไม่ถ้วนแล้ว
ดังนั้นจึงมีคนพูดกันว่า " ใครที่อ่านนิทานเรื่องนี้แล้ว ไม่มีใครเลยที่จะไม่หลั่งน้ำตาให้ "
ถึงแม้คำพูดนี้ออกจะเกินจริงไปบ้าง แต่ก็มีคนจำนวนมากที่ได้อ่านนิทานเรื่องนี้แล้ว
รู้สึกประทับใจจริง ๆ จนน้ำตาร่วง และน้ำตาที่ร่วงรินเหล่านั้น มันไม่ใช่น้ำตาจากความรันทดใจ
แต่เป็นน้ำตาที่หลั่งให้แก่ความประทับใจต่อความห่วงใยอย่างจริงใจ และน้ำใจไมตรีอันกว้างขวาง
ที่มอบให้แก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘