ถอดรหัสตลาดหุ้น #11 กลวิธี สวนควันปืน เล่นฝืนมวลชน
“Beating the Market – by Going Against the Crowd” เป็นหลักการสำคัญของบรรดากองทุนข้ามชาติขนาดยักษ์ ในการกำหนดกลยุทธ์การลงทุน ซึ่งปัจจุบันเจ้าของบริษัทและรายใหญ่ก็ไม่น้อยหน้า มีการประยุกต์หลักการนี้มาใช้ในหุ้นรายตัวให้เห็นอย่างต่อเนื่อง
เล่น สวนชาวบ้านซะงั้น ….. ข่าวดีจะขาย ข่าวร้ายจะซื้อ …..
เราจะซื้อ เมื่อมวลชนล้วนอยากขาย และ เราจะขายเมื่อมวลชนล้วนอยากซื้อ
กองทุน ต่างชาติขนาดใหญ่เงินทุนหนา ช่วงหลังๆมานี้เขาใช้กลวิธีนี้กับตลาดหุ้นไทยครับ
ในภาษาอังกฤษเรียก นักลงทุนกลุ่มนี้ว่า “Contrarian”
โดยทั่วไปแล้วกลุ่ม Contrarian จำเป็นจะต้องมีเงินลงทุนหนา สายป่านยาว และ มีความอดทนเป็นเลิศที่จะรอคอยการพลิกฟื้นของสถานการณ์
กลุ่ม Contrarian มีความเชื่อว่า นักลงทุนมักจะตื่นตระหนกจนราคาหุ้นร่วงลงมาเกินเหตุ ดังนั้นเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ราคาหุ้นก็ควรจะวิ่งกลับไปสู่มูลค่าที่ควรจะเป็นของกิจการได้ในที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากบริษัทนั้นยังมีฐานะทางการเงินที่ดี มีอัตราการเจริญเติบโตสูง และ มีเงินปันผลจ่ายแก่ผู้ถือหุ้นในอัตราที่สูง ซึ่งเป็นเสมือนเกราะป้องกันพอร์ตชั้นดีจากความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการ ลงทุน
ปัจจุบัน Contrarian ไม่ได้จำกัดเฉพาะในกลุ่มกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนระยะยาวเท่านั้น แต่ได้รับความนิยมในหมู่เฮดจ์ฟันด์ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะขอเรียกว่า กองทุนสวนมวลชน แทนก็แล้วกันนะครับ
เดี๋ยวเราไปดูกันว่ากองทุนสวนมวล ชน เขาเล่นอะไรกับจิตวิทยามวลชน
เมื่อทุกคนในตลาดหุ้นหมดอาลัย ตายอยาก ข่าวร้ายท่วมท้น มีการขายหุ้นกระหน่ำซ้ำเติมลงมา กองทุนสวนมวลชนเขาก็จะไปตั้งซื้อรอที่แนวรับ
เมื่อเขารับ มันก็หยุดไหล นักเก็งกำไรระยะสั้นก็จะเข้ามาซื้อหุ้น
เมื่อหุ้นดีด ตัวขึ้นไปเรื่อยๆ จนชนแนวต้านแรก กองทุนสวนมวลชนก็รู้ดีว่าเดี๋ยวจะต้องมีคนมาขายใส่แถวแนวต้าน เพราะข่าวร้ายยังปกคลุมตลาดอยู่ ก็เลยไปตั้งซื้อรอที่แนวต้าน
เมื่อ มวลชนขายลงมาเมื่อราคาหุ้นชนแนวต้าน แต่กองทุนสวนมวลชนตั้งซื้อรอ ราคาหุ้นมันก็หยุดไหล จากนั้นกองทุนสวนมวลชนก็จะซื้อผ่านแนวต้านขึ้นไป และเมื่อนักเก็งกำไรระยะสั้นเห็นว่าผ่านแนวต้านไปได้แล้ว ก็จะเริ่มเข้ามาซื้อหุ้น
เมื่อหุ้นดีดตัวขึ้นไปเรื่อยๆ จนชนแนวต้านถัดไป กองทุนสวนมวลชนก็รู้ดีว่าเดี๋ยวจะต้องมีคนมาขายใส่แถวแนวต้าน เพราะข่าวร้ายยังปกคลุมตลาดอยู่ ก็เลยไปตั้งซื้อรอที่แนวต้านที่สอง เมื่อมวลชนขายหุ้นทิ้งลงมาจนหมดแรงขายแล้ว กองทุนสวนมวลชนก็จะซื้อผ่านแนวต้านที่สองขึ้นไป
แปลกไหมล่ะครับ คนส่วนใหญ่ตั้งซื้อที่แนวรับ ตั้งขายที่แนวต้าน แต่ตานี่มาแปลก ดันตั้งซื้อที่แนวต้าน
เมื่อกลุ่มอื่นขายหุ้นจนเกลี้ยงแล้ว เมื่อกองทุนสวนมวลชนได้หุ้นครบตามจำนวนที่วางแผนไว้แล้ว ก็จะกระชากลากให้ผ่านแนวต้านอย่างรวดเร็ว จนเกิด Buy Signal ตรงนี้นี่เองที่เสมือนเป็นการบีบให้กองทุนอื่นและมวลชนที่ไม่มีหุ้นอยู่ใน พอร์ตต้องมาไล่ ซื้อหุ้นตามขึ้นไปเรื่อยๆ
และเมื่อถึงเวลาที่ สถานการณ์ดีขึ้น เมื่อข่าวดีเต็มตลาด สื่อมวลชนและนักวิเคราะห์มองโลกในแง่ดี มีการปรับประมาณการดัชนีขึ้นไป เมื่อนั้นแหละครับ คือจังหวะขายของกองทุนสวนมวลชน
ลีลาในการขาย ก็เป็นไปในทำนองเดียวกันกับการซื้อเลยครับ
เมื่อทุกคนในตลาดหุ้น มองโลกในแง่ดี ข่าวดีเต็มไปหมด กองทุนสวนมวลชนก็จะขายแล้วล่ะ เพราะต้นทุนตัวเองต่ำกว่าใครเพื่อน แถมยังขายได้ราคาดี ขายได้ปริมาณมากอีกด้วย เพราะอารมณ์ช่วงนี้มีแต่คนอยากซื้อมากกว่าอยากขาย
เมื่อ เขาขายลงมาถึงแนวรับ เขาก็จะหยุดขาย ตรงจุดนี้มวลชนทั้งตลาดซึ่งรับรู้แต่ข่าวดี ก็กลัวว่าตนจะเสียโอกาส ทุกคนเลยมาตั้งรอซื้อหรือเคาะซื้อขึ้นไป
เมื่อมีออร์เดอร์ซื้อมารออ ยู่มากมาย ทำไมจะไม่ขายล่ะครับ กองทุนสวนมวลชนดีใจด้วยซ้ำที่มีออร์เดอร์ตั้งเยอะมารอซื้ออยู่
หลัง จากที่กองทุนสวนมวลชนทำเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า จนไม่มีใครกล้ามาตั้งซื้ออีก คราวนี้ล่ะเขาก็จะขายโครมลงมา เพื่อให้หลุดแนวรับ เพื่อให้เกิด Sell Signal ตรงนี้นี่เอง ที่เสมือนเป็นการบีบให้กองทุนอื่นและมวลชนอื่นต้องทำการขายหุ้นทิ้งตามลงมา เพราะขณะนี้ มีแนวโน้มว่าตลาดหุ้นจะดิ่งลงยาว
เห็นไหมครับ Contrarian เล่นสวนมวลชนตลอด คนส่วนใหญ่ตั้งซื้อที่แนวรับ ตั้งขายที่แนวต้าน แต่ตานี่มาแปลก ดันเจตนาขายให้เสียราคา ขายไปได้จนหลุดแนวรับลงมาเลย
ที่เล่าให้ฟังนี่ไม่ได้หมายถึงให้ท่าน ทำตัวฝืนตลาดในฐานะจ่าฝูงนะครับ
ท่านจะเป็นผู้นำในการใช้กลวิธีนี้ ไม่ได้
ผู้ที่จะใช้กลวิธีสวนมวลชนเพื่อบีบให้มวลชนเป็นผู้แพ้ตลอดกาล ได้จะต้องใจเย็น มีสายป่านยาวมาก มีเม็ดเงินลงทุนมหาศาล เมื่อเทียบกับทั้งตลาด และจำเป็นต้องกล้าได้กล้าเสียซะด้วย
ที่เอามา พูดคุยกัน ก็หวังให้ท่านเห็นกลวิธีของเขา และเกาะติดตามเขาให้ทัน จะได้ชนะแบบเขามั่ง
ดังนั้นถึงแม้จะมีข่าวดีอยู่ บางทีเราก็ต้องเสี่ยงขาย ล็อคกำไรออกมา และ ถึงบางช่วง จะมีข่าวร้ายท่วมตลาด เราก็อาจต้องกัดฟันซื้อ หากตลาดที่เราเล่นอยู่นั้น มีกองทุนสวนมวลชนเป็นเจ้าพ่อตลาดหุ้นอยู่ แต่การซื้อ ต้องเลือกดูหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐาน ไม่ได้เปลี่ยนไปในทางที่แย่ลงด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้นแล้วจะเสียหายใหญ่หลวงอย่างหาสาเหตุมิได้เลยครับท่าน
เมื่อ พูดถึง กลวิธีเล่นสวนมวลชนแล้ว ก็อดนึกถึง Mark Mobius ไม่ได้ แกชอบซื้อหุ้นตอนที่ตลาดหุ้นเผชิญหน้าอยู่กับความกลัว
Mark Mobius ราชาแห่งตลาดหุ้นเกิดใหม่ ถือเป็นผู้บุกเบิกการลงทุนในประเทศกำลังพัฒนา หลายครั้งด้วยกันที่แกเลือกจังหวะที่จะเข้าไปลงทุน ในช่วงที่แม้กระทั่งนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจต่างประเทศ ยังไม่กล้าแม้แต่จะคิดเข้ามาเที่ยว หรือมาลงทุนเลย
“The Best Time to Invest is when there’s Blood Running in the Streets” Mark Mobius พูดประโยคนี้อยู่บ่อยครั้ง หลังจากที่แกพบว่า นี่เป็นจังหวะที่จะทำให้เป็นเจ้าของกิจการได้ด้วยราคาต่ำสุด
Mark Mobius มีความชื่นชอบในตลาดหุ้นเกิดใหม่มากครับ ด้วยเล็งเห็นว่าตลาดหุ้นเกิดใหม่บางประเทศ มีอัตราการเติบโตสูงและคุ้มค่าความเสี่ยงที่จะเข้าลงทุน
พอร์ตการลง ทุนในกองทุนที่เขาบริหารอยู่ ส่วนใหญ่กระจายการลงทุนไปในประเทศเกาหลี จีน ไต้หวัน แอฟริกาใต้ และบราซิล
ในแต่ละปี เขาใช้เวลากว่า 10 เดือนต่อปี ในการเดินทางไปประเทศต่างๆ ทุกภูมิภาคทั่วโลก เพื่อเข้าชมกิจการ เพื่อค้นหาบริษัทที่จะลงทุน โดยไม่คำนึงว่าเป็นประเทศใด เพราะเขาสนใจเฉพาะกิจการที่มีปัจจัยพื้นฐานเยี่ยม และมีบรรษัทภิบาลและความโปร่งใสเท่านั้น
มาถึงตรงนี้ ท่านอาจจะนึกถึงวันงงๆ ของท่านออก
“น้องค่ะ ทำไมหุ้นมันขึ้นแรงจัง ไหนจะมาตรการ 30% ไหนจะ พรบ.ธุรกิจคนต่างด้าว ไหนจะผลประกอบการตกต่ำ”
“เอ ทำไมมันขึ้นแรงจังครับ ไหนจะปฏิวัติซ้อน ไหนจะมีม็อบหลายกลุ่มมาชุมนุม ไหนจะการเมืองที่ยังไม่นิ่ง”
มาถึงตรงนี้ อยากจะขอเสริมเพิ่มเติมหน่อยนึงครับ ว่าทำไมพวกสวนมวลชนถึงกล้าเสี่ยง หากตัวเองสวนๆซื้อขึ้นไปท่ามกลางข่าวร้ายเต็มตลาด แล้วอยู่ดีๆเกิดเหตุการณ์ช็อคตลาดขึ้นมาอย่างแรง ไม่เจ๊งย่อยยับกลับบ้านเลียแผลเป็นปีหรอกหรือ
เมื่อข่าวร้ายท่วมตลาด ทุกค่ายโบรกเกอร์มองลง กองทุนสวนมวลชนจะเริ่มหาจังหวะเข้าซื้อหุ้นครับ และทุกครั้งที่เข้าซื้อหุ้นในแต่ละระดับของแนวต้านขึ้นไป เขาเองก็ต้องบริหารความเสี่ยงเหมือนกันนะครับ ด้วยการ “Short” ฟิวเจอร์ กันไว้ เผื่อพลาด
เมื่อเขาล็อคระดับราคาขายดัชนีไว้ล่วงหน้าที่ราคา นี้แล้ว หากมีเหตุการณ์พลิกผันมาช็อคตลาด อย่างน้อยที่สุดมูลค่ารวมของพอร์ตก็เจ๊า ไม่กำไรไม่ขาดทุน หรือหากขาดทุนก็จะขาดทุนเล็กน้อยครับ เพราะมีกำไรจากการ “Short” ฟิวเจอร์ มาช่วยชดเชยผลขาดทุนในพอร์ตหุ้น
พอจะตอบคำถามที่ค้างคาใจทุกท่านได้ บ้างแล้วนะครับ ว่าทำไมเวลาข่าวร้ายท่วมตลาด หุ้นกลับขึ้นหน้าตาเฉย แต่พอข่าวดีเต็มไปหมด หุ้นกลับถูกนำมาขายลดราคา
Contrarian เขาจะหาโอกาสในทุกวิกฤติครับ
จึงไม่แปลกเลย ถ้าบางครั้งเราอาจจะต้องซื้อตามกระแสเงินที่เข้ามาผลักดันราคาจนหุ้นขึ้น แม้เปิดทีวี หนังสือพิมพ์ จะเจอแต่ข่าว สถานการณ์การเมืองตึงเครียด การเผชิญหน้ากันทางการเมือง สงคราม การจลาจล ฯลฯ
ขณะเดียวกัน บางครั้งเราอาจจะต้องขาย ทั้งๆที่ มองไปทางไหนก็เจอแต่ข่าวดี
จะว่า ไป กลวิธีนี้ก็คล้ายๆกับกลยุทธ์ทางการทหารเลยนะเนี่ยะ
ใช้เครื่องบิน รบไล่ยิงภาคพื้นดินแบบปูพรม แล้วแอบนำนาวิกโยธินยกพลขึ้นบกอย่างเงียบๆ ตามด้วยเหล่าทหารกล้าบุกประชิดศูนย์บัญชาการ ก่อนจะปักธงประกาศชัยเหนือข้าศึก
เล่น สวนชาวบ้านซะงั้น ….. ข่าวดีจะขาย ข่าวร้ายจะซื้อ …..
เราจะซื้อ เมื่อมวลชนล้วนอยากขาย และ เราจะขายเมื่อมวลชนล้วนอยากซื้อ
กองทุน ต่างชาติขนาดใหญ่เงินทุนหนา ช่วงหลังๆมานี้เขาใช้กลวิธีนี้กับตลาดหุ้นไทยครับ
ในภาษาอังกฤษเรียก นักลงทุนกลุ่มนี้ว่า “Contrarian”
โดยทั่วไปแล้วกลุ่ม Contrarian จำเป็นจะต้องมีเงินลงทุนหนา สายป่านยาว และ มีความอดทนเป็นเลิศที่จะรอคอยการพลิกฟื้นของสถานการณ์
กลุ่ม Contrarian มีความเชื่อว่า นักลงทุนมักจะตื่นตระหนกจนราคาหุ้นร่วงลงมาเกินเหตุ ดังนั้นเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ราคาหุ้นก็ควรจะวิ่งกลับไปสู่มูลค่าที่ควรจะเป็นของกิจการได้ในที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากบริษัทนั้นยังมีฐานะทางการเงินที่ดี มีอัตราการเจริญเติบโตสูง และ มีเงินปันผลจ่ายแก่ผู้ถือหุ้นในอัตราที่สูง ซึ่งเป็นเสมือนเกราะป้องกันพอร์ตชั้นดีจากความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการ ลงทุน
ปัจจุบัน Contrarian ไม่ได้จำกัดเฉพาะในกลุ่มกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนระยะยาวเท่านั้น แต่ได้รับความนิยมในหมู่เฮดจ์ฟันด์ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะขอเรียกว่า กองทุนสวนมวลชน แทนก็แล้วกันนะครับ
เดี๋ยวเราไปดูกันว่ากองทุนสวนมวล ชน เขาเล่นอะไรกับจิตวิทยามวลชน
เมื่อทุกคนในตลาดหุ้นหมดอาลัย ตายอยาก ข่าวร้ายท่วมท้น มีการขายหุ้นกระหน่ำซ้ำเติมลงมา กองทุนสวนมวลชนเขาก็จะไปตั้งซื้อรอที่แนวรับ
เมื่อเขารับ มันก็หยุดไหล นักเก็งกำไรระยะสั้นก็จะเข้ามาซื้อหุ้น
เมื่อหุ้นดีด ตัวขึ้นไปเรื่อยๆ จนชนแนวต้านแรก กองทุนสวนมวลชนก็รู้ดีว่าเดี๋ยวจะต้องมีคนมาขายใส่แถวแนวต้าน เพราะข่าวร้ายยังปกคลุมตลาดอยู่ ก็เลยไปตั้งซื้อรอที่แนวต้าน
เมื่อ มวลชนขายลงมาเมื่อราคาหุ้นชนแนวต้าน แต่กองทุนสวนมวลชนตั้งซื้อรอ ราคาหุ้นมันก็หยุดไหล จากนั้นกองทุนสวนมวลชนก็จะซื้อผ่านแนวต้านขึ้นไป และเมื่อนักเก็งกำไรระยะสั้นเห็นว่าผ่านแนวต้านไปได้แล้ว ก็จะเริ่มเข้ามาซื้อหุ้น
เมื่อหุ้นดีดตัวขึ้นไปเรื่อยๆ จนชนแนวต้านถัดไป กองทุนสวนมวลชนก็รู้ดีว่าเดี๋ยวจะต้องมีคนมาขายใส่แถวแนวต้าน เพราะข่าวร้ายยังปกคลุมตลาดอยู่ ก็เลยไปตั้งซื้อรอที่แนวต้านที่สอง เมื่อมวลชนขายหุ้นทิ้งลงมาจนหมดแรงขายแล้ว กองทุนสวนมวลชนก็จะซื้อผ่านแนวต้านที่สองขึ้นไป
แปลกไหมล่ะครับ คนส่วนใหญ่ตั้งซื้อที่แนวรับ ตั้งขายที่แนวต้าน แต่ตานี่มาแปลก ดันตั้งซื้อที่แนวต้าน
เมื่อกลุ่มอื่นขายหุ้นจนเกลี้ยงแล้ว เมื่อกองทุนสวนมวลชนได้หุ้นครบตามจำนวนที่วางแผนไว้แล้ว ก็จะกระชากลากให้ผ่านแนวต้านอย่างรวดเร็ว จนเกิด Buy Signal ตรงนี้นี่เองที่เสมือนเป็นการบีบให้กองทุนอื่นและมวลชนที่ไม่มีหุ้นอยู่ใน พอร์ตต้องมาไล่ ซื้อหุ้นตามขึ้นไปเรื่อยๆ
และเมื่อถึงเวลาที่ สถานการณ์ดีขึ้น เมื่อข่าวดีเต็มตลาด สื่อมวลชนและนักวิเคราะห์มองโลกในแง่ดี มีการปรับประมาณการดัชนีขึ้นไป เมื่อนั้นแหละครับ คือจังหวะขายของกองทุนสวนมวลชน
ลีลาในการขาย ก็เป็นไปในทำนองเดียวกันกับการซื้อเลยครับ
เมื่อทุกคนในตลาดหุ้น มองโลกในแง่ดี ข่าวดีเต็มไปหมด กองทุนสวนมวลชนก็จะขายแล้วล่ะ เพราะต้นทุนตัวเองต่ำกว่าใครเพื่อน แถมยังขายได้ราคาดี ขายได้ปริมาณมากอีกด้วย เพราะอารมณ์ช่วงนี้มีแต่คนอยากซื้อมากกว่าอยากขาย
เมื่อ เขาขายลงมาถึงแนวรับ เขาก็จะหยุดขาย ตรงจุดนี้มวลชนทั้งตลาดซึ่งรับรู้แต่ข่าวดี ก็กลัวว่าตนจะเสียโอกาส ทุกคนเลยมาตั้งรอซื้อหรือเคาะซื้อขึ้นไป
เมื่อมีออร์เดอร์ซื้อมารออ ยู่มากมาย ทำไมจะไม่ขายล่ะครับ กองทุนสวนมวลชนดีใจด้วยซ้ำที่มีออร์เดอร์ตั้งเยอะมารอซื้ออยู่
หลัง จากที่กองทุนสวนมวลชนทำเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า จนไม่มีใครกล้ามาตั้งซื้ออีก คราวนี้ล่ะเขาก็จะขายโครมลงมา เพื่อให้หลุดแนวรับ เพื่อให้เกิด Sell Signal ตรงนี้นี่เอง ที่เสมือนเป็นการบีบให้กองทุนอื่นและมวลชนอื่นต้องทำการขายหุ้นทิ้งตามลงมา เพราะขณะนี้ มีแนวโน้มว่าตลาดหุ้นจะดิ่งลงยาว
เห็นไหมครับ Contrarian เล่นสวนมวลชนตลอด คนส่วนใหญ่ตั้งซื้อที่แนวรับ ตั้งขายที่แนวต้าน แต่ตานี่มาแปลก ดันเจตนาขายให้เสียราคา ขายไปได้จนหลุดแนวรับลงมาเลย
ที่เล่าให้ฟังนี่ไม่ได้หมายถึงให้ท่าน ทำตัวฝืนตลาดในฐานะจ่าฝูงนะครับ
ท่านจะเป็นผู้นำในการใช้กลวิธีนี้ ไม่ได้
ผู้ที่จะใช้กลวิธีสวนมวลชนเพื่อบีบให้มวลชนเป็นผู้แพ้ตลอดกาล ได้จะต้องใจเย็น มีสายป่านยาวมาก มีเม็ดเงินลงทุนมหาศาล เมื่อเทียบกับทั้งตลาด และจำเป็นต้องกล้าได้กล้าเสียซะด้วย
ที่เอามา พูดคุยกัน ก็หวังให้ท่านเห็นกลวิธีของเขา และเกาะติดตามเขาให้ทัน จะได้ชนะแบบเขามั่ง
ดังนั้นถึงแม้จะมีข่าวดีอยู่ บางทีเราก็ต้องเสี่ยงขาย ล็อคกำไรออกมา และ ถึงบางช่วง จะมีข่าวร้ายท่วมตลาด เราก็อาจต้องกัดฟันซื้อ หากตลาดที่เราเล่นอยู่นั้น มีกองทุนสวนมวลชนเป็นเจ้าพ่อตลาดหุ้นอยู่ แต่การซื้อ ต้องเลือกดูหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐาน ไม่ได้เปลี่ยนไปในทางที่แย่ลงด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้นแล้วจะเสียหายใหญ่หลวงอย่างหาสาเหตุมิได้เลยครับท่าน
เมื่อ พูดถึง กลวิธีเล่นสวนมวลชนแล้ว ก็อดนึกถึง Mark Mobius ไม่ได้ แกชอบซื้อหุ้นตอนที่ตลาดหุ้นเผชิญหน้าอยู่กับความกลัว
Mark Mobius ราชาแห่งตลาดหุ้นเกิดใหม่ ถือเป็นผู้บุกเบิกการลงทุนในประเทศกำลังพัฒนา หลายครั้งด้วยกันที่แกเลือกจังหวะที่จะเข้าไปลงทุน ในช่วงที่แม้กระทั่งนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจต่างประเทศ ยังไม่กล้าแม้แต่จะคิดเข้ามาเที่ยว หรือมาลงทุนเลย
“The Best Time to Invest is when there’s Blood Running in the Streets” Mark Mobius พูดประโยคนี้อยู่บ่อยครั้ง หลังจากที่แกพบว่า นี่เป็นจังหวะที่จะทำให้เป็นเจ้าของกิจการได้ด้วยราคาต่ำสุด
Mark Mobius มีความชื่นชอบในตลาดหุ้นเกิดใหม่มากครับ ด้วยเล็งเห็นว่าตลาดหุ้นเกิดใหม่บางประเทศ มีอัตราการเติบโตสูงและคุ้มค่าความเสี่ยงที่จะเข้าลงทุน
พอร์ตการลง ทุนในกองทุนที่เขาบริหารอยู่ ส่วนใหญ่กระจายการลงทุนไปในประเทศเกาหลี จีน ไต้หวัน แอฟริกาใต้ และบราซิล
ในแต่ละปี เขาใช้เวลากว่า 10 เดือนต่อปี ในการเดินทางไปประเทศต่างๆ ทุกภูมิภาคทั่วโลก เพื่อเข้าชมกิจการ เพื่อค้นหาบริษัทที่จะลงทุน โดยไม่คำนึงว่าเป็นประเทศใด เพราะเขาสนใจเฉพาะกิจการที่มีปัจจัยพื้นฐานเยี่ยม และมีบรรษัทภิบาลและความโปร่งใสเท่านั้น
มาถึงตรงนี้ ท่านอาจจะนึกถึงวันงงๆ ของท่านออก
“น้องค่ะ ทำไมหุ้นมันขึ้นแรงจัง ไหนจะมาตรการ 30% ไหนจะ พรบ.ธุรกิจคนต่างด้าว ไหนจะผลประกอบการตกต่ำ”
“เอ ทำไมมันขึ้นแรงจังครับ ไหนจะปฏิวัติซ้อน ไหนจะมีม็อบหลายกลุ่มมาชุมนุม ไหนจะการเมืองที่ยังไม่นิ่ง”
มาถึงตรงนี้ อยากจะขอเสริมเพิ่มเติมหน่อยนึงครับ ว่าทำไมพวกสวนมวลชนถึงกล้าเสี่ยง หากตัวเองสวนๆซื้อขึ้นไปท่ามกลางข่าวร้ายเต็มตลาด แล้วอยู่ดีๆเกิดเหตุการณ์ช็อคตลาดขึ้นมาอย่างแรง ไม่เจ๊งย่อยยับกลับบ้านเลียแผลเป็นปีหรอกหรือ
เมื่อข่าวร้ายท่วมตลาด ทุกค่ายโบรกเกอร์มองลง กองทุนสวนมวลชนจะเริ่มหาจังหวะเข้าซื้อหุ้นครับ และทุกครั้งที่เข้าซื้อหุ้นในแต่ละระดับของแนวต้านขึ้นไป เขาเองก็ต้องบริหารความเสี่ยงเหมือนกันนะครับ ด้วยการ “Short” ฟิวเจอร์ กันไว้ เผื่อพลาด
เมื่อเขาล็อคระดับราคาขายดัชนีไว้ล่วงหน้าที่ราคา นี้แล้ว หากมีเหตุการณ์พลิกผันมาช็อคตลาด อย่างน้อยที่สุดมูลค่ารวมของพอร์ตก็เจ๊า ไม่กำไรไม่ขาดทุน หรือหากขาดทุนก็จะขาดทุนเล็กน้อยครับ เพราะมีกำไรจากการ “Short” ฟิวเจอร์ มาช่วยชดเชยผลขาดทุนในพอร์ตหุ้น
พอจะตอบคำถามที่ค้างคาใจทุกท่านได้ บ้างแล้วนะครับ ว่าทำไมเวลาข่าวร้ายท่วมตลาด หุ้นกลับขึ้นหน้าตาเฉย แต่พอข่าวดีเต็มไปหมด หุ้นกลับถูกนำมาขายลดราคา
Contrarian เขาจะหาโอกาสในทุกวิกฤติครับ
จึงไม่แปลกเลย ถ้าบางครั้งเราอาจจะต้องซื้อตามกระแสเงินที่เข้ามาผลักดันราคาจนหุ้นขึ้น แม้เปิดทีวี หนังสือพิมพ์ จะเจอแต่ข่าว สถานการณ์การเมืองตึงเครียด การเผชิญหน้ากันทางการเมือง สงคราม การจลาจล ฯลฯ
ขณะเดียวกัน บางครั้งเราอาจจะต้องขาย ทั้งๆที่ มองไปทางไหนก็เจอแต่ข่าวดี
จะว่า ไป กลวิธีนี้ก็คล้ายๆกับกลยุทธ์ทางการทหารเลยนะเนี่ยะ
ใช้เครื่องบิน รบไล่ยิงภาคพื้นดินแบบปูพรม แล้วแอบนำนาวิกโยธินยกพลขึ้นบกอย่างเงียบๆ ตามด้วยเหล่าทหารกล้าบุกประชิดศูนย์บัญชาการ ก่อนจะปักธงประกาศชัยเหนือข้าศึก