ถอดรหัสตลาดหุ้น #1 ทำเป็นเก่ง เจ๊งสถานเดียว

การเริ่มต้นของหลายๆท่านจะเริ่มต้นคล้ายๆกัน เอาตำรามาอ่าน, พิมพ์เอกสารและข้อมูลดิบมากมายที่ใครๆ ก็รู้กันทั่วไป เช่น งบการเงิน ค่าพีอี ค่าบีวี และอัตราส่วนทางการเงินต่างๆ มาศึกษา แล้วทำเป็นวิเคราะห์นั่น วิเคราะห์นี่ แล้วก็คิดเองเออเองว่าข้าเก่ง วิเคราะห์เก่ง มั่นใจ จนลืมไปว่าก่อนที่ท่านจะวิเคราะห์ มีกองทุนมากมายหลายกองนำข้อมูลไปประกอบการวิเคราะห์ก่อนท่านแล้ว และถ้ามันดีเขาก็ซื้อไปก่อนท่านแล้ว

ไม่ต้องมองใครเลยครับ ผมเองก็เริ่มแบบนั้น แหมๆ ก็จบเกียรตินิยมทางการบัญชีมานี่ครับ และต่อโทสายตรงทางด้าน Finance ซะด้วย แถมยังมีประสบการณ์ ทำงานเป็น Financial Consultant สังกัดบริษัทที่ปรึกษาธุรกิจอีก ดูเหมือนจะได้เปรียบคนอื่นด้วยซ้ำหากจะเล่นหุ้น เพราะเราวิเคราะห์เองได้หมด ทั้งงบการเงิน ชำแหละกระแสเงินสดของกิจการ หาอัตราส่วนทางการเงินต่างๆ วิเคราะห์แนวโน้ม เจาะลึกนโยบายธุรกิจ ติดตามกลยุทธ์ทางการตลาดของบริษัท ฮี่โธ่ ซำบายอยู่แล้ว สุดแสนจะชิวๆ

ตอนเริ่มต้น ผมนั่งค้นคว้าสำรวจหุ้นเกือบทุกตัวที่มีอยู่ในตลาด แล้วเลือกเอาเฉพาะหุ้นที่มี พี/อีต่ำๆ ราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีมากๆ คัดมาได้ 40 ตัว พร้อมทั้งแปลกใจ ว่าทำไมมีแต่เพียงเราเท่านั้นที่เป็นผู้ค้นพบแต่เพียงผู้เดียว ว่าหุ้นพวกนี้เป็นหุ้นราคาถูก เพราะหากเซียนหุ้นคนอื่นหรือกองทุนค้นพบ มันก็น่าจะโดนซื้อจนราคาแพงไปมากกว่านี้แล้วนะเนี่ยะ

จากหุ้น 40 ตัว ที่เลือกมาอย่างชาญฉลาด ผมก็เอามาคัดเลือกอีก เลือกเฉพาะที่ปันผลสม่ำเสมอ เงินสดดี หนี้สินน้อย และ ROE สูงๆ

หลังจากทุกทฤษฏีในตำราได้แปรเป็น การวิเคราะห์ ในที่สุดผมก็ลงทุนครั้งแรก ด้วยหุ้นชั้นเลิศราคาถูกจำนวน 5 ตัว …… เป็น 5 ตัวที่แน่นิ่ง และ มั่นคง ตลอด 2 ไตรมาสเลย …… ฉันจะขอคงอัตราส่วน พีอี พีบีวี ไว้อย่างงี้แหละ ว่างั้น
ตลอด 2 ไตรมาสของการเริ่มลงทุน มีโอกาสได้ฟังนักวิเคราะห์บ่อยขึ้น ได้อ่านบทวิเคราะห์ไทยๆ มากขึ้น ฟังดูเข้าท่าแหะ มันรื่นหูดี ทุกสรรพสิ่งความดีในบริษัท ออกมาอธิบายเป็นฉากๆ อย่ากระนั้นเลย ขายทิ้งชุดเก่า เข้าชุดใหม่ตามนักวิเคราะห์ น่าจะทำให้เงินงอกเงยงดงาม

“สาเหตุ ที่หุ้นแบ็งค์ใหญ่ BBB ขึ้น เพราะปีนี้เป็นปีทองของแบ็งค์ เราแนะนำซื้อหุ้น BBB เพราะ (อย่างนี้อย่างโน้นอย่างนั้น) ……… ” แหะๆ ลืมแล้วครับ ว่า ไนล์ ฮวงโห แยงซีเกียง มิสซิปซิปปี้ และ เจ้าพระยา ที่ยกแม่น้ำทั้งห้ามาสาธยายมีอะไรบ้าง จำได้ขึ้นใจอยู่อย่างเดียวว่า “เราให้ราคาเป้าหมาย 130 บาท Recommend ซื้อ”

โอ้โห ราคาตอนนี้ 102 บาทเอง มีโอกาสงอกเงยขึ้นอีกตั้ง 28 บาทแน๊ะ ซื้อครับซื้อ ปีทองของแบ็งค์เชียวนะ ผมต้องซื้อลงทุนแล้วล่ะ

หลังจากที่ผมซื้อไป แล้ว ราคาไม่ยักกะขึ้น มีหนำซ้ำยังลงมาเหลือ 98 บาท ด้วยซ้ำ …. นักวิเคราะห์คนเดิมออกทีวี บรรยายว่าดี อย่างนี้อย่างโน้นอย่างนั้น “เราให้ราคาเป้าหมาย 130 บาท Recommend ซื้อ” นั่นนะซิ ได้ราคาถูกกว่าเดิมตั้ง 4 บาท ทำไมผมจะไม่ซื้อล่ะ

อ้าว 1 สัปดาห์ผ่านไป ไฉนลงมาเหลือ 96 บาทล่ะ แต่ผมก็ “คลายกังวล” เมื่อนักวิเคราะห์คนเดิม ออกทีวียืนยันความมั่นใจ ในหุ้น BBB พร้อมบรรยายว่าดีอย่างนี้อย่างโน้นอย่างนั้น “เราให้ราคาเป้าหมาย 130 บาท Recommend ซื้อ” เอาล่ะ ซื้อก็ซื้อ ถือว่าถัวเฉลี่ยต้นทุนแล้วกัน

สัปดาห์ ที่สอง ราคายังลงต่ออีก เหลือ 92 บาทเอง นักวิเคราะห์คนนั้นหายไปไหนแล้วไม่รู้ ต่อให้โผล่หน้ามาออกทีวี แล้วยืนยันให้ซื้อเพราะมันดีอย่างนี้อย่างโน้นอย่างนั้น ก็ไม่ซื้อแล้วล่ะ ผมไม่มีเงินซื้อแล้วครับ

สัปดาห์ที่สาม ราคาลงมาเหลือ 88 บาท ผมยังเฉยๆนะ เพราะจำที่นักวิเคราะห์บอกได้ ว่าปีนี้เป็นปีทองของแบ็งค์ ยังไงเดี๋ยวก็ต้องกลับไป 130 บาทอยู่ดี ….. แต่แล้ว สิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อนักวิเคราะห์คนเดิม โผล่มาทางทีวีแบบไม่บอกกล่าวล่วงหน้า พร้อมเอื้อนเอ่ยวจีอันโหดร้ายว่า
“สาเหตุ ที่หุ้นแบ็งค์ใหญ่ BBB ลง เพราะ(อย่างนี้อย่างโน้นอย่างนั้น) ……… ” แหะๆ ลืมแล้วครับ ว่าน้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งทั้งห้า ที่สาธยายมามีอะไรบ้าง จำได้ขึ้นใจ อยู่อย่างเดียวว่า “เราปรับประมาณการลง ให้ราคาเป้าหมาย 70 บาท Recommend
ขาย” …… (ฮา) จากที่ผมเฉยๆ ที่หุ้นลง เลยกลายเป็นความกังวลในทันที อ้าว เป็นปีที่ย่ำแย่ของหุ้นกลุ่มแบ็งค์ซะแล้ว

ใน ที่สุดบทเรียนบทที่ 1 ของผมก็เริ่มต้น คอร์สนี้เสียค่าลงทะเบียนเกือบแสน ขืนผมยังลงทะเบียนเรียนซ้ำเห็นทีจะพลาดท่า หมดตัวแน่!

เพื่อนๆ หน้าใหม่ที่เข้ามาในตลาดหุ้น คงเคยลงคอร์สเดียวกับผมกันมาแล้วทั้งนั้นใช่ไหมครับ ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนเรียนซ้ำอีกนะครับ หากที่เรียนมาแล้วยังไม่เข้าใจ ก็ขอเสนอให้ไปอ่าน ใน Chapter ต่อจากนี้ไปน่าจะดีกว่า นอกจากจะช่วยให้ท่านประหยัดตังค์ได้เยอะแล้ว ยังแจกเงินให้นักเรียนอีกต่างหาก ถ้าสอบผ่าน!

หลังจากเสียค่าวิชาไป แล้ว ผมถึงเข้าใจว่า ตัวเลขในอดีตที่เราหรือผู้อื่นวิเคราะห์โดยว่าไปตามตำราเพียงอย่างเดียว มันยังไม่พอเพียงในการใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน แต่ต้องนำแนวโน้มในอนาคตมาร่วมการตัดสินใจด้วย

ในอดีตผู้ทำธุรกิจเพ จเจอร์รุ่นแรกๆ กำไรกันถ้วนหน้า ใครๆก็หลั่งไหลเข้ามาทำธุรกิจนี้ เพราะเป็นธุรกิจที่ทำกำไรงาม แต่เมื่อเทคโนโลยี่ก้าวหน้าขึ้น SMS บนโทรศัพท์มือถือก็เข้ามาทดแทนเพจเจอร์ และธุรกิจเพจเจอร์ก็ถึงกาลอวสาน

ตัว เลขในอนาคตที่นักวิเคราะห์ทำการประเมินมา มันแปรเปลี่ยนตลอดเวลาตามปัจจัยต่างๆ ที่เข้ามากระทบกิจการเช่นกัน

นัก วิเคราะห์ไม่ใช่ผู้บริหารกิจการนะครับ เขาจึงไม่รู้ลึกพอที่จะวิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำ และก็คงจะไม่มีผู้บริหารกิจการคนไหนเช่นกัน ที่จะบอกนักวิเคราะห์ว่า บริษัทเขากำลังจะย่ำแย่ ในทางตรงข้ามนักวิเคราะห์โดนผู้บริหารกิจการ หลอกเรื่อยแหละว่า กำไรจะดีขึ้น จะจ่ายเงินปันผลได้เพิ่มขึ้น

โลกทุก วันนี้มันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และราคาหุ้นจะแปรไปตามปัจจัยต่างๆที่กระทบต่อกิจการตลอดเวลา เร็วจนหมดเวลาที่จะมานั่งวิเคราะห์ตามตำรา แล้วคิดเองเออเองแล้วครับ อย่าลืมว่าสิ่งที่ท่านวิเคราะห์อยู่ มีเซียนหุ้น มีกองทุนต่างๆ วิเคราะห์ก่อนท่านหมดเกลี้ยงแล้ว แล้วถ้าเขายังไม่ใส่เงินเข้ามาซื้อ ท่านจะซื้อรออะไร

หุ้นที่ดีในอดีต อาจจะไม่ใช่หุ้นดีในวันนี้ และ หุ้นที่ดีในวันนี้ อาจจะเป็นหุ้นที่แย่ ในอีก 3 ปีข้างหน้าก็ได้ใช่ไหมครับ

เก็บ ตำรา จับตาดูความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันดีที่สุดครับ รายใหญ่หรือกองทุนเขาวิเคราะห์มามากแล้วในทุกแง่ทุกมุม ก่อนที่จะขนเงินหลายสิบล้าน หรือ หลายร้อยล้านบาทมาลงทุนในหุ้นแต่ละตัว จนเกิด “สัญญาณซื้อ” ให้เราเห็น

แล้วทำไมเราจะต้องเสียเวลามา วิเคราะห์ถูกๆผิดๆเองล่ะครับ ในเมื่อเราสามารถเกาะกระแสเงินลงทุนของเขาขึ้นไปได้เลยภายในเวลาไม่นานนัก

อย่า ผิดพลาดซ้ำๆ เหมือนกับที่ผมเคยทำมา
เอาตำราไปบริจาคห้องสมุด เถอะครับ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘