งานประจำของ VI

การที่จะเป็น Value Investor ที่ดีนั้นเราจะต้องทำอะไร?  ถ้า VI ไม่ค่อยซื้อขายหุ้นหรือตามราคาหุ้นแล้ว  วัน ๆ  เขาจะทำอะไร?  คำตอบของผมก็คือ  งานของ VI ก็คือ การค้นหาหุ้นที่จะลงทุนและการเพิ่มความสามารถในการเลือกหุ้นและการจัดการการ ลงทุนได้อย่างเหมาะสม  ซึ่งจะทำให้เราได้ผลตอบแทนที่ดีโดยที่มีความเสี่ยงไม่มาก  และต่อไปนี้ก็คือ  งานบางอย่างที่ผมคิดว่า VI ที่มุ่งมั่นควรทำเป็นประจำ
เรื่องแรกคือ  การหาความรู้เรื่องการลงทุนโดยเฉพาะที่เป็นแนว  Value Investment  และวิธีที่ดีที่สุดก็คือ  การอ่านหนังสือการลงทุนที่เขียนโดยนักวิชาการหรือนักลงทุนที่มีชื่อเสียงและ ได้รับการยอมรับว่าประสบความสำเร็จในสายงานของตน   หนังสือการลงทุนนั้นมีมากมายมหาศาลยากที่จะอ่านได้หมด  ดังนั้น  อย่างน้อยเราควรอ่านเดือนละเล่มโดยเฉลี่ย  และเนื้อหาของหนังสือนั้นควรจะครอบคลุมกว้างขวางในทุกด้านของทฤษฎีและปรัชญา การลงทุน  ข้อแนะนำเพิ่มเติมของผมก็คือ  นอกจากหลักการของ Value Investment แล้ว  อย่างน้อยเราควรจะต้องอ่านและเข้าใจทฤษฎี  “ตลาดที่มีประสิทธิภาพ” หรือ  Efficient Market ของนักวิชาการที่บอกว่าการลงทุนให้ได้กำไรมากกว่าปกติในระยะยาวนั้นแทบเป็น ไปไม่ได้ไม่ว่าคุณจะใช้หลักการอะไร  เหตุผลก็เพราะมันจะเป็นเครื่องเตือนใจเราตลอดเวลาว่า  การลงทุนเป็นเรื่องที่  “ไม่ง่าย”  อย่าประมาท
งานประจำอย่างที่สองก็ยังเป็นการอ่านหนังสือ  แต่ไม่ใช่หนังสือเกี่ยวกับการลงทุน   เหตุผลก็คือ  การลงทุนนั้นเกี่ยวข้องกับเรื่องอื่น ๆ  อีกมาก  ว่าที่จริงควรจะพูดกลับกันนั่นก็คือ  สิ่งต่าง ๆ  นั้นมีผลกระทบต่อการลงทุน  ดังนั้น  เราควรจะมีความรอบรู้ในเรื่องต่าง ๆ  อย่างกว้างขวาง  ซึ่งผมก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่ามันคืออะไร  วิธีของผมก็คือ  ผมจะพยายามเรียนรู้เรื่องหรือทฤษฎีหรือปรัชญาสำคัญ ๆ  ที่มีอยู่ในโลกนี้  เช่น  ทฤษฎีวิวัฒนาการของ ชาร์ล ดาร์วิน   ประวัติศาสตร์ของโลกตั้งแต่เริ่มมีมนุษย์   สงครามและการปฏิวัติครั้งใหญ่ ๆ  ของโลก  จิตวิทยาและสังคมวิทยาของมนุษย์   การเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยและสังคมโลกในยุคต่าง ๆ   ทฤษฎีการจัดการต่าง ๆ  ทั้งการตลาดการบริหารและการเงินที่เป็น “Break Through”  หรือเป็นหนังสือที่สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการ  เป็นต้น   ผมพบว่ายิ่งอ่านผมก็ยิ่งสนุก  แม้จะไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่ามันช่วยในการตัดสินใจลงทุนตรงไหน  ลองอ่านดู  อย่างน้อยเดือนละเล่มเช่นกัน
งานประจำอย่างที่สามก็คือการพบปะพูดคุยกับนักลงทุนที่เป็น VI ด้วยกันอย่างน้อยซักสองสามเดือนต่อครั้ง  นี่ก็เป็นการช่วยให้เราได้ข้อมูลหรือตัวหุ้นที่น่าสนใจที่เราจะกลับไป “ทำการบ้านต่อ”  นั่นก็คือ  ศึกษาเพิ่มเติมเพื่อที่จะหาหุ้นที่ดีที่เราจะลงทุน  ประเด็นสำคัญก็คือ  อย่า “ลอกการบ้าน”  คือซื้อหุ้นตามเพื่อนโดยที่เราไม่ได้ศึกษาเอง   การพบปะกับเพื่อน VI นั้น  ผมคิดว่าเป็นเรื่องของการ “มีสังคม”  ด้วยโดยเฉพาะคนที่เป็น VI อาชีพที่ไม่ได้ทำงานประจำแล้ว
งานประจำอย่างที่สี่นั้นคล้าย ๆ  และบ่อยครั้งปน ๆ กับงานอย่างที่สามนั่นคือ  การพบปะผู้บริหารหรือเยี่ยมเยือนบริษัทจดทะเบียน   นี่คือการเรียนรู้บริษัทและหุ้นที่เราสนใจลงทุนอย่างลึกซึ้งขึ้น  สำหรับนักลงทุนที่ไม่มีโอกาสพบกับผู้บริหารเป็นการส่วนตัวหรือเยี่ยมบริษัท  งาน  Opportunity Day หรืองานผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน  ซึ่งจัดโดยตลาดหลักทรัพย์เป็นประจำนั้น   เป็นช่องทางที่ง่ายและสะดวกในการทำงานนี้   โดยส่วนตัวผมคิดว่านักลงทุนควรใช้เวลากับเรื่องนี้อย่างน้อยสัก 2-3 เดือนต่อครั้ง
งานประจำอย่างที่ห้าก็คือ  การติดตามผลการดำเนินงานประจำไตรมาศของบริษัทจดทะเบียน  งานนี้เราต้องทำปีละ 4 ครั้ง  แต่ละครั้งใช้เวลาวันละหลาย ๆ ชั่วโมงในช่วงเวลาประมาณ 1 สัปดาห์หลังวันประกาศผลประกอบการ  บ่อยครั้งที่ช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่ผมตัดสินใจซื้อหรือขายหุ้น  เพราะตัวเลขผลประกอบการเป็นสิ่งที่  “บอกอะไรบางอย่าง”  เกี่ยวกับความเชื่อของเราต่อตัวบริษัท
งานประจำอย่างที่หกนั้นเป็นงานที่ต้องทำทุกวัน  นั่นก็คือ  การอ่านหนังสือพิมพ์แนวธุรกิจ  นี่คือการติดตามข่าวสารทางเศรษฐกิจ ธุรกิจและบริษัทจดทะเบียนทั่ว ๆ  ไปและบางครั้งก็เกี่ยวกับหุ้นที่เราลงทุนอยู่หรือกำลังพิจารณาลงทุน   ถ้าเราไม่อ่านเราจะไม่เห็นภาพว่าอะไรเกิดขึ้นในวงการธุรกิจและภาพใหญ่ของ เศรษฐกิจ  ดังนั้น  ถ้าเราจะเป็น VI  ผมคิดว่าเราควรอ่านหนังสือพิมพ์แนวธุรกิจอย่างน้อยวันละหนึ่งฉบับ
งานประจำอย่างที่เจ็ดที่ผมจะพูดถึงก็คือ  การสังเกตและคิดถึงเรื่องเกี่ยวกับการลงทุนหรือหุ้นเมื่อเราทำกิจกรรมต่าง ๆ  ที่เกี่ยวพันกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหลาย   นี่คือสิ่งที่เราควรทำให้เป็นนิสัย  ทุกครั้งที่เราไปจ่ายตลาดเราควรสังเกตว่าสินค้าอะไรเป็นที่นิยม  ทุกครั้งที่เราใช้สินค้าหรือบริการเราควรคิดว่ามันดีไหมเราชอบไหม  บริษัทไหนเป็นเจ้าของ  เราควรสังเกตการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นหรือเลวลงของสินค้าหรือบริการที่ อยู่ในตลาด   เช่นเดียวกันเราควรสังเกตสิ่งใหม่ ๆ  ที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมและคิดไปถึงผลกระทบของมันต่อบริษัทและหุ้นที่อยู่ใน ตลาดหลักทรัพย์  ทุกอย่างนี้ถ้าเราทำจนติดเป็นนิสัยแล้วเราจะไม่รู้สึกว่ามันเป็นงาน  แต่มันเป็นเรื่องสนุกและจะทำให้เราเป็นนักลงทุนที่ดีขึ้น
งานประจำอย่างสุดท้ายที่จะต้องพูดถึงก็คือ  การวิเคราะห์  การตัดสินใจและสั่งซื้อขายหุ้น  และการทำรายงานพอร์ตการลงทุน   นี่ถือเป็นงานการลงทุนโดยตรง  แต่จริง ๆ  แล้วสำหรับผมก็ไม่ได้ใช้เวลามากมายอะไรนักถ้าเราไม่ได้ซื้อขายบ่อย  การวิเคราะห์หุ้นนั้นเป็นเรื่องที่บอกเป็นจำนวนครั้งที่ต้องทำยากขึ้นอยู่ กับพอร์ตของแต่ละคนและการวิเคราะห์ว่าทำละเอียดแค่ไหน  ส่วนการติดตามความเคลื่อนไหวของการลงทุนนั้น  ผมทำเกือบทุกวันแต่เป็นเรื่องของการเปิดดูจอคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้ขณะทำงานอื่น เช่นการอ่านหนังสือ  ส่วนการทำรายงานการลงทุนนั้นผมทำสัปดาห์ละครั้งเพื่อดูสถานะของพอร์ต  งานนี้ใช้เวลา Update ข้อมูลเพียงไม่กี่นาทีต่อสัปดาห์  ประเด็นสำคัญของการ  “ดูราคาหุ้น”  นั้นก็คือ  การมองหา  “โอกาส”  ที่อาจจะเกิดขึ้นมากกว่าที่จะเพื่อการซื้อขายเก็งกำไรในระยะเวลาสั้น ๆ
งานทั้งหมดที่กล่าวถึงนั้นดูเหมือนว่าจะมากเกินกว่าที่คนที่ยังทำงาน ประจำจะสามารถจัดการได้  อย่างไรก็ตาม  ด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารที่ดีมากในปัจจุบัน  VI ที่ยังทำงานประจำก็สามารถทำงานการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงพอสมควร  และถ้าเขาทำงานหนักหลังเวลางาน  เขาก็อาจจะทำได้ดีไม่แพ้ VI อาชีพเช่นเดียวกัน

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘