สัญญาณแห่งความรุ่งเรือง

ตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ประกาศออกมาแต่ละไตรมาศนั้น  มีประโยชน์น้อยในการพิจารณาการลงทุน  เหตุผลก็เพราะมันเป็นสิ่งที่ผ่านมาแล้ว  นักลงทุนต้องการรู้ว่าอนาคต  หรือการประกาศตัวเลขในไตรมาศที่จะถึงเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรมากกว่า   การที่จะรู้ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรนั้น   บ่อยครั้งผมจะดูจาก  “สัญญาณ”  ที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่ผมเห็นและสัมผัสในชีวิตประจำวัน   อย่างเช่นในช่วงนี้ผมรู้สึกว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยคงจะรุ่งเรืองพอสมควรที เดียว  เพราะผมได้เห็นและรู้สึกว่ามีการเปลี่ยนแปลงในกิจกรรมทางเศรษฐกิจในเรื่อง ต่าง ๆ ต่อไปนี้
สัญญาณแรกซึ่งผมเริ่มรู้สึกเล็กน้อยมาได้หลายเดือนแล้วก็คือ  ร้านสะดวกซื้อมีคนเดินหยิบสินค้าและเข้าคิวจ่ายเงินมากขึ้น  ร้านสะดวกซื้อนั้น  จริง ๆ  แล้วเป็นสัญญาณที่ไม่แรงหรือเป็นสัญญาณอ่อน  เพราะจำนวนคนในแต่ละช่วงเวลานั้นมีไม่มาก  การรอจ่ายเงินก็ไม่นาน   อย่างไรก็ตาม  มันเป็นสิ่งที่ผมเห็นทุกวัน  บางวันเห็นมากกว่าหนึ่งครั้ง  และส่วนใหญ่เห็นหลายร้าน  เนื่องจากในซอยบ้านผมมีร้านสะดวกซื้อหลายร้านที่ผมต้องเดินผ่านเกือบทุกวัน  การมีคนเข้าร้านสะดวกซื้อมากขึ้นเป็นสัญญาณว่าคนชั้นกลาง-ล่าง มีเงินมากขึ้นในการซื้อสินค้า  เครื่องดื่มและอาหารบริโภคในชีวิตประจำวัน  ดังนั้น  นี่เป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจในระดับรากหญ้าน่าจะดีขึ้น
สัญญาณที่สองที่ผมเห็นก็คือ  ห้างสรรพสินค้าขนาดเล็กที่ให้บริการคนใน  “ท้องถิ่น”  และคนชั้นกลางที่เป็นพนักงานออฟฟิสที่มาต่อรถแถว  ๆ  อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ   โดยปกติผมจะเป็น “ลูกค้าประจำ”  เพราะต้องเดินจากบ้านไปรับประทานอาหารเย็นสัปดาห์ละหลาย ๆ  วัน   หรือแม้แต่ช่วงกลางวัน  บ่อยครั้งผมต้องแวะไปรับประทานอาหารและซื้อสินค้าจิปาถะ  พูดง่าย ๆ  นี่แทบจะเป็น “ห้องครัว” ของผม   ก่อนหน้านี้  ผมสามารถเลือกร้านอาหารและไม่ต้องรอนานกว่าจะได้รับประทาน  เพราะคนมีไม่มาก   แต่ในช่วง2-3 เดือนที่ผ่านมา  ผมเริ่มรู้สึกว่า  ร้านอาหารที่มีอยู่หลายร้านต่างก็เริ่มมีคิว  เมื่อสั่งอาหารแล้วก็ต้องรอนานขึ้นกว่าที่อาหารจะมาเสิร์พ   นอกจากนั้น  ในช่วงเกือบบ่ายสองโมงซึ่งในอดีตมักจะเป็นช่วงที่ร้านมักจะว่างก็กลายเป็น ว่าคนก็ยังเต็มร้านอยู่  นี่เป็นสัญญาณว่าคนชั้นกลางมีเงินมากขึ้น  และอาหารเป็นสิ่งแรกที่พวกเขาจะใช้เงินเพิ่ม
สัญญาณที่สามที่ผมเห็นก็คือ  ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่และหรูหรากลางเมือง  นี่คือสถานที่ที่ผมจะต้องเข้าไปซื้อหาสินค้าและอาหารเพื่อที่จะรับประทาน ตลอดสัปดาห์  ดังนั้น  ผมต้องเข้าไปจับจ่ายสินค้าและหา  “ความบันเทิง”  สัปดาห์ละครั้ง  และแน่นอน  ผมต้องสังเกตว่าอะไรเป็นอะไร   สิ่งแรกที่ผมเริ่มรู้สึกก็คือเรื่องที่จอดรถ   ก่อนหน้านี้การหาที่จอดรถก็ไม่ง่ายอยู่แล้ว   แต่ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมานั้น  การหาที่จอดรถก็ยากขึ้นเรื่อย ๆ   บางวันต้องถูกปัดให้ไปจอดรถในจุดที่อยู่ใกล้เคียงเนื่องจากที่จอดรถเต็มเกิน ไป  สร้างความยุ่งยากให้กับผมที่ต้องขนอาหารจำนวนมากในแต่ละครั้ง   และนี่เป็นสัญญาณว่า  “คนรวย”  กำลังใช้จ่ายมากขึ้น
ไม่ใช่เฉพาะห้างสรรพสินค้าหรูเท่านั้นที่ผมรู้สึกว่าคนมีรายได้สูงจะเข้า ใช้บริการมากขึ้น  โรงพยาบาลเอกชนระดับสูงที่ผมใช้บริการอยู่เป็นประจำ  และผมต้องไปตรวจสุขภาพทุก 2-3 เดือน  ก็มีคนเข้าใช้บริการหนาตาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  เดี๋ยวนี้  การใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนนั้นคงไม่ใช่แค่เป็นเรื่องของความเจ็บป่วยเพียง อย่างเดียว  แต่เป็นเรื่องที่เป็น “ทางเลือก” มากขึ้น   นั่นก็คือ  ถ้ามีรายได้ดีขึ้น  คนก็จะเลือกใช้บริการของโรงพยาบาลเอกชนมากขึ้น  ในขณะที่ถ้าเศรษฐกิจไม่ดีพวกเขาอาจจะไปโรงพยาบาลน้อยลง  ดังนั้น  นี่ก็เป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่ผมเห็นในช่วงเร็ว ๆ  นี้
สัญญานที่ผมเริ่มเห็นล่าสุด  และผมคิดว่ามันเป็นสัญญาณที่แรงมาก   มันเป็นสัญญาณที่ผมเคยเห็นเมื่อสมัยก่อนปี 2540 ที่เศรษฐกิจไทยยังเติบโตสูงมากก็คือ  “รถป้ายแดง”  ที่วิ่งอยู่ในท้องถนน   ในยุคนั้น  รถป้ายแดงที่วิ่งอยู่บนท้องถนนนั้นมีจำนวนมากจนเป็นที่สังเกตได้ชัดเจน  หลังจากวิกฤติเศรษฐกิจ  ยอดขายรถใหม่ก็ลดลงจนเราไม่รู้สึกว่ามีรถป้ายแดงเป็นเรื่องเป็นราวเป็นเวลา นับสิบปี    จวบจนกระทั่งถึงในช่วงนี้ที่ผมรู้สึกว่ามีรถป้ายแดงมากขึ้นจนรู้สึกได้   รถป้ายแดงเป็นสัญญาณที่บอกว่าคนมีรายได้สูงและคนชั้นกลางระดับสูงมีความมั่น ใจและมีเงินหรือมีปัญญาที่จะซื้อรถมาใช้ได้มากขึ้น  นั่นหมายความว่าเศรษฐกิจกำลังร้อนแรง  และก็คงเติบโตสูงมากอย่างที่มีการคาดกันว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้อาจจะโตถึง เกือบ 10% ได้
สัญญานสุดท้ายที่ผมไม่ได้สัมผัสด้วยตนเองแต่ก็เริ่มมานานพอสมควรก็คือ  การซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม  นี่เป็นสัญญาณที่แรงมากในช่วงก่อนวิกฤติปี 2540  ที่มีการซื้อขายเก็งกำไรและราคาอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวด เร็ว   แต่ในช่วงหลังนี้   อาจจะเป็นเพราะความต้องการบ้านจริง ๆ  ของคนไทยอาจจะไม่สูงมากเนื่องจากการเกิดที่น้อยลงและสต็อกบ้านเก่ามีมาก  ดังนั้น  สัญญาณทางด้านการซื้ออสังหาริมทรัพย์จึงไม่ชัดเจนนัก  อย่างไรก็ตาม  การซื้อบ้านและคอนโดก็อยู่ในระดับที่ดีมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา  และเป็นการแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยแข็งแรงดี  คนระดับกลางและสูงมีเงินและพร้อมที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยและ ลงทุนจำนวนมาก
สัญญาณทั้งหลายที่กล่าวมาดูเหมือนว่าจะสอดคล้องและยืนยันอย่างชัดเจนว่า  เศรษฐกิจไทยในช่วงนี้ค่อนข้างจะดีมาก  และน่าจะดีต่อไปอย่างน้อยอีกระยะหนึ่ง  หน้าที่ของเราก็คือ  หาหุ้นที่จะได้ผลดีจากภาวะเศรษฐกิจแบบนี้  แน่นอน  กิจการจำนวนมากหรือส่วนใหญ่น่าจะได้รับประโยชน์   อย่างไรก็ตาม  ไม่ใช่ว่าทุกบริษัทจะต้องมีผลประกอบการดีขึ้น  ส่วนตัวผมเองนั้นคิดว่า  การที่เศรษฐกิจดีไม่ใช่เงื่อนไขของการเข้าลงทุน  มันเป็นเพียง  “โบนัส”  ที่ผมจะได้จากการลงทุนในหุ้นของกิจการที่อยู่และเติบโตได้แม้ว่าเศรษฐกิจจะ ไม่ดี  เพราะผมคิดว่า  เศรษฐกิจปีนี้อาจจะดี   แต่ปีหน้าทุกอย่างอาจจะเปลี่ยนได้   สำหรับนักลงทุนระยะยาวแบบที่ถือหุ้นร้อยเปอร์เซ็นต์ตลอดชีวิต  ไม่มีอะไรสำคัญกว่าการลงทุนในบริษัทที่  “อยู่ได้ในทุกฤดูกาล”

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘