เป็นความโชคดีที่เกิดมาเป็นนักลงทุนรายย่อย !!!!

ผมไม่เคยนึกอิจฉาหรือไปแอบฝันว่าจะทำให้ได้เหมือน คนอื่นเลยนะ จากคนธรรมดากลายมาเป็นนักลงทุนพอร์ตร้อยล้าน พันล้านและคิดว่าในเมืองไทยสักวันจะมีพอร์ตหมื่นล้านเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะเราไม่ได้ไปเป็นหัวหน้าทหารหรือไปเป็นแม่ทัพรองในศึกการลงทุน ที่ต้องตอยมารับฟังคำสั่งหรือรอให้ใครชูดาบบอกว่า พวกเราลุย...ยยย..ย แต่จริงๆแล้วเราคือจอมทัพที่กำหนดและชี้ชะตาศึกครั้งนี้ด้วยตนเอง ไม่เคยอยากรู้ว่าใครเอาเงินไปลงทุนอะไร ไม่มีความจำเป็นอยากรู้ว่าเค้ามีหุ้นอะไร ไร้ความหมาย ไร้ประโยชน์เปล่าๆ ผมมีกุนซื้อซ้าย กุนซือขวา คือความคิดของตัวเอง มีลูกสมุนที่เป็นเครื่องไม้เครื่องมือช่วยในการวางแผนศึก จุดจบศึกครั้งนี้ไม่มีวันจบตราบใดที่ยังไม่วางมือ แต่เราจะวางมือเมื่อไหร่ ตรงไหน ก็อยู่ที่เป้าหมายของแต่ละคน เรามีโอกาสรอบตัวมากมายเหลือเกิน โอกาสที่เหนือกว่าพวกรายใหญ่ เชื่อผมสิว่า นี่แหละคือสิ่งเดียวที่เรามีที่ทรงประสิทธิภาพมากที่สุด แต่เราจะกล้าใช้มันไหม เมื่อเรา "ปักเสาธง" แห่งความตั้งใจขึ้นมาได้แล้ว ก็มาถึง "วิธี" ว่าเราจะทำสำเร็จได้อย่างไร ซึ่งรายละเอียดตรงนี้ ต่อให้ผมทำให้ดูอย่างไร ก็ได้ผลไม่เหมือนกัน ดังนั้นผมก็จะเล่าในสิ่งที่ผมได้ทำมาแล้ว กำลังทำ และจะทำในอนาคต เรื่องของวิธีมันก็คือรูปแบบการลงทุน ซึ่งผมมองตัวเองว่าผมคือรายย่อย หากคนอ่านมองตัวเองว่าเป็นรายใหญ่ ผมเชื่อว่ารูปแบบที่ผมใช้ คุณก็ใช้ไม่ได้ หากวันนึงสิ ผมโตจนขึ้นไปนั่งบนแท่นของคำว่า "รายใหญ่" วิธีปัจจุบันผมก็คงใช้ไม่ได้เช่นกัน ผมไม่ได้เปลี่ยนรูปแบบทางความคิดของตัวเอง แต่เปลี่ยนตัวเองให้กลมกลืนกับสภาพตลาดแห่งความเป็นจริงเท่านั้นเอง ผมยอมรับว่าผมเกิดมาจากการเล่นเก็งกำไร ก็คนมันมีเงินมาลงทุนเริ่มแรกไม่กี่แสนบาท แต่คิดอยากรวยเป็นร้อยล้านเหมือนกันนี่ อะไรที่ได้เร็วมาเร็ว มันก็อยากได้กันทั้งนั้น แต่ผมว่ามันยากนะ หากปัจจัย หรือจังหวะมันไม่ส่งเสริมกัน ผมอาจจะโชคดีหน่อยที่ผมเข้ามาอยู่ในจังหวะของตลาดที่กำลังเป็นใจพอดี
ต้องบอกว่ากระทิงรอบที่ผ่านมาเมื่อตอนต้นปี 2002 หรือเกือบ 6 ปีก่อน ช่วงที่ SET วิ่งขึ้นไปจากประมาณ 300 จุดลากยาวม้วนเดียวขึ้นไปที่ 800 จุด เป็นช่วงที่ทำกำไรและเป็นฐานกำลังที่สำคัญมาถึงทุกวันนี้ จริงๆผมก็เข้ามาในตลาดก่อนนั้น 1-2 ปีเหมือนกัน แต่มันยังมองไม่เห็นอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน ก็เล่นสะเปะสะปะ ขึ้นๆลงๆเหมือนกันนะ หากจะบอกว่าหุ้นที่เป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของผมครั้งสำคัญก็ต้องยกให้ TPI, HEMRAJ และ SATTEL เพราะโยกเปลี่ยนตัวถูกทั้งจังหวะและเวลา ออกตัวที่ 1 เข้าตัวที่ 2 ออกตัวที่ 2 ไปเข้าตัวที่ 3 กำไรมารวมกันต้องเรียกว่าเฉียด 500% เพราะแต่ละตัวกำไรเกิน 1 เท่าตัวทั้งนั้นเลย แต่เพราะพอร์ตเล็กๆมันเลยทำได้ หาก Size ใหญ่มันทำแบบนั้นไม่ได้หรอก อาจจะซื้อได้แต่รับรองว่าไม่มีวันขายได้ เพราะจำนวนไม่มากแต่มันสามาถซื้อหรือขายได้ทันที หาก Size ใหญ่กว่าจะซื้อให้ได้ครบก็ต้องใช้เวลา ยิ่งเวลาขายยิ่งใช้เวลามากกว่า ในช่วงเวลานั้นใครๆก็กำไรหุ้นกันหมด อีกทั้งช่วงนั้นรายย่อยคนไทยเองก็ "ใจถึง" และ "ลากยาว" มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ผมไม่ได้อยากให้วันนี้ย้อนกลับไปเป็นแบบวันนั้นนะ เราไม่ต้องการเปลี่ยนอะไรแต่เปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับเหตุการณ์ปัจจุบันให้ ได้มากกว่า วันนี้มันไม่เหมือนวันนั้น สายป่านของกลุ่มคนที่เรียกว่า "นักเก็งกำไร" หดสั้นลงไปเยอะ มีแต่ความหวาดระแวงในการทำราคาหุ้น เมื่อความสามัคคีหรือกำลังใจของคนไม่เกิด ผลที่ตามมาคือราคาหุ้นก็ขึ้นๆลงๆตามความกล้าและความกลัวของคน ก็ถือเป็นความโชคดีอีกเหมือนกันที่พอมีฐานกำลังเงินหน้าตักมากพอสมควรก็มา เข้าจังหวะหุ้น Bchip ที่ต้องบอกว่าเหนือกว่าสิ่งที่เคยได้มาอีกหลายเท่าตัว
ทั้งหมดที่เล่าให้ฟัง ต้องบอกว่าความท้าทายของผมยังไม่จบ ยังไม่ได้เริ่มแบบจริงๆจังๆ เหตุเพราะยอมรับว่าที่ผ่านมา "สายตาแคบ มองไม่ไกล" ก็เลยเล่นสั้นๆ เล่นเป็นรอบๆ กราฟบอกขายก็ขาย กราฟบอกซื้อก็ซื้อ แต่มองกราฟแบบสั้นๆมากเกินไป แต่ผมกลับมองว่าดีสำหรับการเริ่มต้น เพราะเราย้อนมองอดีต แต่หากมันเป็นปัจจุบัน ผมว่ากำไรมากน้อยไม่สำคัญ อาศัยลูกขยัน สะสมเงินหยอดกระปุกมันก็เต็มเร็วได้เหมือนกัน ก็เพิ่งจะมาเริ่มมองตัวเองว่าได้เวลาที่จะต้องเปลี่ยนตัวเองใหม่ได้แล้ว มองตลาดใหม่ จัดตัวเองใหม่ หนีความวุ่นวายออกมามองความจริงของตลาดและมองไกลกว่าที่เคยมอง แต่ยอมรับว่าวันนี้ยังทำไม่ได้ ยังคงต้องฝึกไปอีกนาน(มั๊ง) ผมไม่เคยนึกย้อนไปเสียดายโอกาสที่ผ่านมานะ อย่างหุ้น "ไม่จน" ผมยังขายที่ 4 บาทกว่าๆเลยนะ หากถือมาต่ออีกแค่ไม่ถึงเดือน ราคา 10 บาท สงสัยซื้อเจ้า Porche มาเป็นของแถมได้เลย เวลาที่คนเราเล่น Poker แล้วได้กำไรมาอยู่ที่หน้าตัก หากเป็นผมๆจะเอาทุนออกไปแล้วเล่นต่อ ด้วยความกล้ามันอาจจกล้าทุ่มสุดตัว ได้เสียกันไปเลย แต่ในตลาดหุ้นมันไม่เป็นแบบนั้น เราทุ่มแบบนั้นไม่ได้ ผมไม่เคยเชื่อว่าอะไรจะชัวร์ 100% นะ อยู่ดีๆอาจจะมีใครไม่รู้ขับเครื่องบินชนตึกที่ไหนอีกก็ได้ ใครจะไปรู้ ผมกลัวเสียโอกาสและเสียจังหวะ ไม่ได้กลัวขาดทุนนะ เพราะเงินหน้าตักมันมีค่าเป็น 0 มันเลยกล้าที่จะเล่นไปตามเกมส์ ขอให้ดีใจว่าได้เริ่มเข้ามาในตลาดหุ้นในชื่อว่า "นักลงทุนรายย่อย" ใช้โอกาสตามมวลชน อย่าไปใช้ตามความคิดของตัวเอง อันนี้ผมหมายถึง Technical นะ เพราะอารมณ์ของราคาหุ้นที่มองผ่านสายตา มองผ่านตัวเลข มันทำได้เพียงสร้างความรู้สึกให้คนดูหรือคนเล่นเท่านั้น ซึ่งหากใครยังคงเชื่อสายตาตัวเองแบบนั้น รับรองว่าเล่น 10 ครั้งก็จะชนะไม่ถึง 1 ครั้ง เพราะผมเห็นมาเยอะมากที่สิ่งที่เห็นกับสิ่งที่เกิดขึ้นใน Technical มันไปคนละทางเดียวกัน การซื้อขายมันมีอะไรแอบแฝงอยู่เสมอนะ ท่องไว้ในใจ หากอยากพลุดพ้นตัวเองเลื่อนฐานะขึ้นมาเป็นรายย่อยที่ไม่ย่อย ต้องขยันที่จะหาโอกาส อย่านั่งรอโอกาส เหนื่อยแต่คุ้มค่าแน่นอน ระยะแรกอาจจะต้องศึกษาหลัก Technical เป็นส่วนประกอบหลัก มันจะเป็นอะไรที่สวนทางนะ ยิ่งพอร์ตใหญ่ขึ้นไปเท่าไหร่ ยิ่งใช้ Technical น้อยลงเท่านั้น !!!
เขียนมาซ๊ะเยอะ ผมลองกลับมาอ่านใหม่ทั้งหมด อาจจะมองอะไรไม่เห็น บทความอันนี้ขอเขียนแบบ "นึกอะไรก็ขอเขียนตามใจ" ซักครั้ง คงไม่มีอะไรมากครับ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๔๓ วันพฤหัสบดี ที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๓

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นเอก สอบในสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๔๓ วันเสาร์ ที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๓