หมีก็เพื่อน กระทิงก็เพื่อน

ช่วงนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมทั้งของพี่ไทยต่างพากันขวัญผวาจากการถูกตะปปอย่างรุนแรง ของพญาหมียักษ์ที่เกิด Sub prime, Lehman Brothersและ อีกเยอะที่เรียกว่าวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์
          ผมเลยขอนำบทความหมีก็เพื่อน กระทิงก็เพื่อนในหนังสือยุทธศาสตร์หุ้นห่านทองคำมาฉายให้ดูเพราะอาจจะเป็น ข้อคิดพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสให้นักลงทุนไทยกันได้บ้าง
           “วันที่ตึก World  Trade ของ นครนิวยอร์ก ถูกถล่มตลาดหุ้นทั่วโลกถูกกระทบโดยการเทขายทิ้งอย่างตระหนกตกใจชาวหุ้นโดย ทั่วไปพากันวิตก  คิดว่านี่คือจุดจบ
          แต่พอเวลาผ่านไป  เริ่มทำใจกันได้เริ่มมีข่าวดีมาเสริมตลาดหุ้นก็กลับมาคึกคักใหม่
          เมื่อมองดูกันให้ชัดๆ จะเห็นว่า  ตลาดหุ้นจะมีการเคลื่อนไหว เพียง  3  อย่างคือ ขึ้น  ลงหรืออยู่เฉยๆวิ่งขึ้น  เมื่อมีผู้สนใจซื้อมากกว่าผู้ที่ต้องการจะขายเรียกว่าเป็นภาวะกระทิง /images/emoticons/mozilla_yell.gifbull  market) ตกลงมา เมื่อมีคนอยากขายมากกว่าอยากซื้อเรียกว่า ภาวะหมี /images/emoticons/mozilla_yell.gifbear market)
          ทีนี้พอ ทั้งหมีทั้งกระทิง  สู้กันจนเหนื่อยต้องมีการพัก  ตลาดก็จะอยู่นิ่งๆหรือเคลื่อนไหวในช่วงแคบๆเรียกว่า sideway
          พูด กันจริงๆแล้ว  ตลาดหุ้นก็ดำเนินไปครรลองของธรรมชาติไม่ไปทางไหนจนสุดโด่ง  แต่ชาวหุ้นที่เป็นนักเล่นหุ้น  ไม่ยอมรับอย่างนั้น คิดแต่เพียงว่า  เมื่อซื้อหุ้นแล้ว  ราคาจะต้องวิ่งขึ้นเพียงอย่างเดียวเวลาหุ้นขึ้น  ก็ดีใจ  ตื่นเต้น พากันซื้อมากขึ้นตลาดก็เกิดอาการเขียวยกแผงจิตใจของนักเล่นหุ้นจะคึกคัก  ฮึกเหิมเข้าใจว่าการทำกำไรในตลาดหุ้นเป็นเรื่องง่ายนิดเดียวบางคนถึงกับ เชื่อว่า จะสามารถมาหาค่ากับข้าวจากตลาดได้ทุกวัน
          ครั้นพอตลาดอยู่นิ่งๆ เพราะคุณกระทิงได้วิ่งมาจนหมดแรงนักเล่นหุ้นก็จะเกิดความอึดอัด  กระวนกระวายเพราะทำอะไรไม่ได้   หาค่ากับข้าวได้ยากเต็มที่พอดีพอร้าย  มีข่าวด้านลบโผล่ออกมาติดต่อกันสัก 2 – 3 เรื่องคุณกระทิง ก็ยอมถอย หลีกทางให้กับคุณหมีราคาหุ้นก็เริ่มซวดเซลงตามแรงเทขายของนักเล่นหุ้นซึ่ง กลัวว่าจะถูกแขวนติดอยู่บนยอดดอย
          คราวนี้  นักเล่นหุ้นจะเริ่มเซ็งอย่างหนักความเครียดก็เข้ามาถามหา  นอนไม่หลับกันเป็นแถวบางคนถึงกับกลับไปทะเลาะกับคนทางบ้าน
          แบบนี้ก็เป็นเรื่องน่าเศร้านะครับเพราะตลาดหุ้นมีประตูความเป็นไปได้ถึง  3  ทางคือ  วิ่งขึ้น  ร่วงลง  และ อยู่เฉยๆ  ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นแต่นักเล่นหุ้นจะมีความสุขได้เฉพาะเมื่อตลาด หุ้นขาขึ้นเท่านั้นคือพอใจตลาดหุ้นเพียง  1  ใน  3  หรือเท่ากับ 33% อีก  2  ใน  3 หรือ 67%  ต้องคอยกลุ้มอกกลุ้มใจ
         ผมเองยอมรับว่า   กลัวตลาดหุ้นเวลาวิ่งขึ้นแรงๆเพราะในสภาพของตลาดภาวะกระทิง  ซึ่งมีสีเขียวเต็มไปหมดนั้นย่อมหมายถึงว่า  ราคาหุ้นได้สูงเพิ่มขึ้นเกือบทุกตัวใครต้องการจะซื้อในช่วงนี้ ต้องควักกระเป๋าจ่ายแพงขึ้น
         ผมจึงมักจะไม่ค่อยชอบซื้อหุ้นใน จังหวะเวลาเช่นนี้เพราะมีแต่คนต้องการจะซื้อ  ด้วยการ bid  ราคาให้สูงขึ้นๆทางด้าน offer ไม่ค่อยมีใครใจถึงจะเสนอขายถ้าใครจะซื้อจึงเท่ากับต้องแย่งซื้อด้วยราคาแพง เมื่อซื้อแพง  เวลาคิดกลับออกมาเป็นอัตราผลตอบแทน /images/emoticons/mozilla_yell.gifyield)จะ ได้ผลตอบแทนที่ลดลง
         หุ้นเคยราคา 20 บาท  จ่ายเงินปันผล 2 บาท ได้ yield 10%ราคาขึ้นไปเป็น  40  บาท  yield จะกลับลดลงมาเหลือ 5%
         เห็นไหมครับว่า  ในภาวะกระทิง  จะได้ผลตอบแทนที่ต่ำลง? ผมจึงมักชอบที่จะขายในภาวะกระทิงมากกว่า เพราะได้ราคาดี  ไม่ต้องคอยง้อคนซื้อ  ทำให้ขายได้ง่ายเพียงแต่ผมจะไม่ขายหุ้นจนหมด  ค่อยๆทะยอยขายออก ทำไปเรื่อยๆ  ต้นทุนสุทธิของหุ้นที่ผมยังเหลืออยู่ก็ลดลงๆ กลับทำให้ yield ที่ได้รับ  เพิ่มสูงขึ้นอีกต่างหาก
          ผมจึงชอบคบคุณกระทิงเป็นเพื่อน เพราะทำให้ขายได้ราคาดี ครั้นตลาดอยู่นิ่งๆผมไม่อยู่นิ่งด้วยหรอกครับ ใช้เวลาไปศึกษา ค้นคว้า  หาหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีๆ แล้วต้องเลือกไว้ในใจ   คอยจังหวะที่คุณหมีจะมาเยือน
          ผมเห็นว่า  แทนที่จะนั่งเล่นหุ้นในห้องค้า  ฆ่าเวลาทิ้งไปเฉยๆหันมาใช้เวลาให้เป็นประโยชน์จะดีกว่า
          ทำการบ้านด้วยตัวเองมาก เข้าร่วมกิจกรรมกับสโมสรมดงานบ้าง เป็นการเตรียมตัวให้พร้อม  โดยยังไม่ต้องทำอะไรกับตลาดหุ้น
          พอมีข่าวร้ายมากระทบตลาดหุ้น คุณหมีที่ซ่อนตัวอยู่จะกระโจนออกมาทันทีจังหวะนี้  ผมก็ถือว่าคุณหมีเป็นเพื่อนอีกเหมือนกัน เพราะคุณหมี  ทำให้คนกลัว  บางวันเทขายทิ้งอย่างไม่คิดชีวิต เลยมีของดีๆ ถูกๆ ออกมาขายเต็มตลาด สีแดงเต็มไปหมด คนมักจะพูดว่า  เลือดท่วมจอ แต่ ผมก็มองสีแดง  เป็น สีทับทิม เป็นโอกาสได้เลือก  shopping หุ้นแบบ  on sales
          ตัวอย่างครับ มีหุ้นน้ำมันพืชอยู่ตัวหนึ่ง พอมีเรื่องโรคซาร์ โรคไข้หวัดนก คนก็ตกใจพากันขายทิ้ง เหลือหุ้นละ 7 บาท ทำให้คนที่คอยติดตามผลงานของบริษัท มองเป็นโอกาสทะยอยซื้อเข้าพอร์ต
          พอผลการดำเนินงานตอนหลังออก มา ดีมากกว่าที่คาด เพราะผู้บริหารของบริษัท ได้ปรับปรุงการทำงาน มีการบริหารความเสี่ยงที่ดี กำไรเลยออกมาดี หุ้นวิ่งไปเกิน 30 บาท (ถ้าไม่จ่ายหุ้นปันผลเสียก่อน) 

          ข่าวดีครับ ราคาของหุ้นตัวนี้ตอนนี้ก็ลงมาต่ำอีกครั้ง เพราะความตกใจเทขาย อย่างไม่คิดชีวิตของนักเก็งกำไร จึงอาจจะเป็นโอกาสทอง ของนักลงทุนคุณภาพแบบถือยาว ถ้าไม่ตกใจตามพวกแมงเม่าไปด้วยก่อน
          เห็นไหมครับว่า  โอกาสในตลาดหุ้นมีทุกขณะ เวลาขึ้น  ก็เป็นโอกาสได้ทยอยขาย เวลาลง  ก็เป็นโอกาสได้ค่อยๆเก็บหุ้นเข้าพอร์ต เวลานิ่งๆก็เป็นโอกาสได้ใช้เวลาศึกษาทำการบ้าน
          ทำได้อย่างนี้  ชาวหุ้นก็สามารถเก็บเกี่ยวจากตลาดหุ้นได้เต็มที่ ครบ 100% ไม่ใช่แค่ 33%  ในฐานะนักเล่นหุ้น เพราะฉะนั้น  ถ้าไม่อยากขาดทุนชีวิต ต้องมองตลาดหุ้นในมติใหม่ด้วยการคบคุณหมีและคุณกระทิง ไว้เป็นเพื่อน ทำชีวิตให้เต็มร้อย  ดีกว่านะครับ”
          อ่านแล้ว ท่านนักลงทุนคงได้ข้อคิด ที่จะใช้เจ้าหมีใหญ่แฮมเบอร์เกอร์ให้เป็นเพื่อน ระวังอย่างเดียวอย่าผลีผลามซื้อจนเงินหมด ต้องกันเงินสดไว้ใช้จ่ายให้ผ่านพ้นปี 09-10 ให้ได้ เพราะตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็วมากการมีสภาพคล่องคือมีเงินในมืออย่าง เพียงพอ จึงสำคัญมากที่สุดครับ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘