มองให้ไกล ไปให้ถึง !!!

อาจจะเรียกได้ว่ามุมมองในส่วนนี้ ผมขอเขียนเก็บไว้เพื่อให้กำลังใจตัวเอง ปลุกยักษ์ที่อยู่ในตัวตนออกมา ครั้นจะเขียนลงไปในส่วนของการมองทิศทางตลาดที่เขียนอยู่ทุกๆวัน มันก็ลบทิ้ง ไม่เคยเก็บไว้เลย บางครั้งความคิดของเรามันก็แว๊บหลบหายไปตามกระแสของความสับสนของตลาด มันเผลอหลงระเริง เหมือนลงไปเล่นเองแทนที่จะเป็นผู้ดูคนอื่นเล่น พอเอาตัวเองลงไปเล่นมันเลยมองอะไรที่ใกล้เกินไป ถึงแม้นเราจะมีหลักยึดแต่หลักมันยังไม่มั่นคงพอ มันก็จะโดนคลื่นความยั่วยวนของตลาดซัดซ้ายซัดขวาพาให้หลงทิศหลงทางเอียงไป เอียงมาได้เหมือนกัน การมีเป้าหมายในใจผมเชื่อว่าทุกคนมี แต่ในบางครั้งเราเองก็ยังอยากที่จะมีอะไรมาคอยเตือน คอยทวงสัญญาของความตั้งใจ บางคนอาจจะเขียนใส่กระดาษติดไว้ข้างฝาถึงเป้าหมายของตัวเอง อาจจะเขียนแปะไว้ในใจ แต่เชื่อสิว่าบางครั้งคนเราก็หลงลืมความตั้งใจหรือถูกบางเวลาของตลาดมา เบี่ยงเบน เกิดความไม่แน่ใจ จนกลายเป็นอารมณ์ชั่วขณะที่มาลบเลือนความตั้งใจ ปล่อยให้ยักษ์นั่งหลับอยู่ในตัว ผมเลยขอมุมส่วนนี้ให้ตัวเอง บันทึกความตั้งใจและให้กำลังใจตัวเอง เป็นแผนที่ของการลงทุน ผมอาจจะไม่ได้เข้ามา Update ทุกๆวัน แต่เวลาที่เกิดอะไรขึ้นในใจ ผมจะเข้ามาเขียนเป็นบทๆไปเรื่อยๆ ตัวเองบางครั้งก็ต้องหันมามองตัวเอง มาเตือนตัวเอง ให้เป้าหมายของตัวเองมาคอยสะกิดเตือนตัวเองไว้บ้าง หากเพื่อนๆจะแวะมาอ่านก็ไม่ว่ากันครับ คนเรามันมีเป้าหมายแตกต่างกัน พออะไรที่แตกต่างกัน..การกระทำมันก็แตกต่างกันตามไปด้วย ดังนั้นเป้าหมายของแต่ละคน เราก็ควรบันทึกมีมันไว้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมีเป้าหมายแล้ว หากไม่ลองลงมือทำมันก็ไปไม่ถึง ส่วนจะไปถึงไหม..นั่นมันเป็นอีกเรื่อง เราจะไม่มีวันรู้เลยว่า เป้าหมายที่คิดไว้ มันเป็นไปได้ไหม เราจะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้หรือมันเป็นแค่ความหวังลมๆแล้งๆก็ต่อเมื่อเราได้ ลงมือทำ !!!!
มุมมองส่วนนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องของทิศทางตลาดนะ อาจจะเรียกได้ว่าเป็นมากกว่าคำว่ากำไรหรือขาดทุน เป็นมากกว่าสิ่งที่เรียกว่าการลงทุน แต่มันเป็นพลังขับเคลื่อนว่าเราจะทำอะไร เราจะวางแผนทำอะไร ส่วนจะเอา "อะไร" มาเป็นตัวทำให้เรา "ไปถึง" นั่นเป็นแค่ "ของสมมุติอย่างหนึ่ง" ที่เราจะเอามาทำให้เราไปไกล้ความตั้งใจมากที่สุดเท่านั้นเอง ผมเลือกที่จะเอา "ตลาดหุ้น" ที่ไม่ใช่ "ตัวหุ้น" มาเป็นปัจจัยหลักที่จะทำความตั้งใจ เหตุที่เลือกเอา "ตลาดหุ้น" มากกว่าที่จะเอา "ตัวหุ้น" เพราะผมมีความเชื่ออยู่อย่างว่า ไม่มีหุ้นตัวไหนที่ขึ้นแล้วไม่มีวันลง หรือลงแล้วไม่มีวันโงหัวโผล่ขึ้นมา ต่อให้กิจการใดๆเติบโตได้ทุกวี่ทุกวัน ราคาหุ้นจะไม่ใช่สิ่งที่สะท้อนความเป็นจริงได้เสมอไป สมการง่ายๆในการลงทุนที่คนส่วนใหญ่คิดกันว่า..ในเมื่อหุ้นก็เติบโตดี แล้วทำไมราคาหุ้นมันจะไม่ดีเลยหละ มันก็ต้องดีตามสิ ในการทำธุรกิจในชีวิตจริงๆมันเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ในตลาดหุ้นมันมีอีกอย่างหนึ่งที่เรามองข้าม คือเรื่องของ"เวลา" และ "เรื่องของกระแสความสนใจหรือกระแสเงิน" นี่เป็นกรอบใหญ่ทางความคิด และเป็นพื้นฐานอันดับแรกของความตั้งใจของผม ความคิดของเราเป็นกรอบใหญ่ ความตั้งใจเป็นแผนที่ระยะยาว แต่การจะทำในรายละเอียดมันก็เป็นอีกเรื่องนึง เหมือนเราต่อ Jigsaw ที่เรามีภาพใหญ่ๆไว้ในใจแล้วค่อยๆประติดประต่อวางไปทีละชิ้น ทีละอัน การวาง Jigsaw ลงไปแต่ละตัว แต่ละวัน แต่ละรอบ..ตรงนี้แหละคือเรื่องของตัวหุ้น ที่เป็นมุมมองทิศทางตลาดที่ผมเขียนอยู่ทุกๆวัน การกระทำกับความตั้งใจมันเหมือนว่าจะเป็นเรื่องเดียวกัน แต่จริงๆแล้วมันคนละเรื่อง แต่เป็นคนละเรื่องที่ต้องมีอยู่คู่กันไป ผมอาจจะเอาส่วนของการใช้ Technical มาเขียนลงในส่วนนี้เรื่อยๆนะ แต่จะไม่มีส่วนของเรื่องทิศทางตลาดมาคุยเท่านั้น มุมมองส่วนนี้จะเป็น Diary ทางความคิดมากกว่า Diary ทางการลงทุน !!!
อาจจะเรียกได้ว่ามุมมองในส่วนนี้ ผมขอเขียนเก็บไว้เพื่อให้กำลังใจตัวเอง ปลุกยักษ์ที่อยู่ในตัวตนออกมา ครั้นจะเขียนลงไปในส่วนของการมองทิศทางตลาดที่เขียนอยู่ทุกๆวัน มันก็ลบทิ้ง ไม่เคยเก็บไว้เลย บางครั้งความคิดของเรามันก็แว๊บหลบหายไปตามกระแสของความสับสนของตลาด มันเผลอหลงระเริง เหมือนลงไปเล่นเองแทนที่จะเป็นผู้ดูคนอื่นเล่น พอเอาตัวเองลงไปเล่นมันเลยมองอะไรที่ใกล้เกินไป ถึงแม้นเราจะมีหลักยึดแต่หลักมันยังไม่มั่นคงพอ มันก็จะโดนคลื่นความยั่วยวนของตลาดซัดซ้ายซัดขวาพาให้หลงทิศหลงทางเอียงไป เอียงมาได้เหมือนกัน การมีเป้าหมายในใจผมเชื่อว่าทุกคนมี แต่ในบางครั้งเราเองก็ยังอยากที่จะมีอะไรมาคอยเตือน คอยทวงสัญญาของความตั้งใจ บางคนอาจจะเขียนใส่กระดาษติดไว้ข้างฝาถึงเป้าหมายของตัวเอง อาจจะเขียนแปะไว้ในใจ แต่เชื่อสิว่าบางครั้งคนเราก็หลงลืมความตั้งใจหรือถูกบางเวลาของตลาดมา เบี่ยงเบน เกิดความไม่แน่ใจ จนกลายเป็นอารมณ์ชั่วขณะที่มาลบเลือนความตั้งใจ ปล่อยให้ยักษ์นั่งหลับอยู่ในตัว ผมเลยขอมุมส่วนนี้ให้ตัวเอง บันทึกความตั้งใจและให้กำลังใจตัวเอง เป็นแผนที่ของการลงทุน ผมอาจจะไม่ได้เข้ามา Update ทุกๆวัน แต่เวลาที่เกิดอะไรขึ้นในใจ ผมจะเข้ามาเขียนเป็นบทๆไปเรื่อยๆ ตัวเองบางครั้งก็ต้องหันมามองตัวเอง มาเตือนตัวเอง ให้เป้าหมายของตัวเองมาคอยสะกิดเตือนตัวเองไว้บ้าง หากเพื่อนๆจะแวะมาอ่านก็ไม่ว่ากันครับ คนเรามันมีเป้าหมายแตกต่างกัน พออะไรที่แตกต่างกัน..การกระทำมันก็แตกต่างกันตามไปด้วย ดังนั้นเป้าหมายของแต่ละคน เราก็ควรบันทึกมีมันไว้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมีเป้าหมายแล้ว หากไม่ลองลงมือทำมันก็ไปไม่ถึง ส่วนจะไปถึงไหม..นั่นมันเป็นอีกเรื่อง เราจะไม่มีวันรู้เลยว่า เป้าหมายที่คิดไว้ มันเป็นไปได้ไหม เราจะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้หรือมันเป็นแค่ความหวังลมๆแล้งๆก็ต่อเมื่อเราได้ ลงมือทำ !!!!
มุมมองส่วนนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องของทิศทางตลาดนะ อาจจะเรียกได้ว่าเป็นมากกว่าคำว่ากำไรหรือขาดทุน เป็นมากกว่าสิ่งที่เรียกว่าการลงทุน แต่มันเป็นพลังขับเคลื่อนว่าเราจะทำอะไร เราจะวางแผนทำอะไร ส่วนจะเอา "อะไร" มาเป็นตัวทำให้เรา "ไปถึง" นั่นเป็นแค่ "ของสมมุติอย่างหนึ่ง" ที่เราจะเอามาทำให้เราไปไกล้ความตั้งใจมากที่สุดเท่านั้นเอง ผมเลือกที่จะเอา "ตลาดหุ้น" ที่ไม่ใช่ "ตัวหุ้น" มาเป็นปัจจัยหลักที่จะทำความตั้งใจ เหตุที่เลือกเอา "ตลาดหุ้น" มากกว่าที่จะเอา "ตัวหุ้น" เพราะผมมีความเชื่ออยู่อย่างว่า ไม่มีหุ้นตัวไหนที่ขึ้นแล้วไม่มีวันลง หรือลงแล้วไม่มีวันโงหัวโผล่ขึ้นมา ต่อให้กิจการใดๆเติบโตได้ทุกวี่ทุกวัน ราคาหุ้นจะไม่ใช่สิ่งที่สะท้อนความเป็นจริงได้เสมอไป สมการง่ายๆในการลงทุนที่คนส่วนใหญ่คิดกันว่า..ในเมื่อหุ้นก็เติบโตดี แล้วทำไมราคาหุ้นมันจะไม่ดีเลยหละ มันก็ต้องดีตามสิ ในการทำธุรกิจในชีวิตจริงๆมันเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ในตลาดหุ้นมันมีอีกอย่างหนึ่งที่เรามองข้าม คือเรื่องของ"เวลา" และ "เรื่องของกระแสความสนใจหรือกระแสเงิน" นี่เป็นกรอบใหญ่ทางความคิด และเป็นพื้นฐานอันดับแรกของความตั้งใจของผม ความคิดของเราเป็นกรอบใหญ่ ความตั้งใจเป็นแผนที่ระยะยาว แต่การจะทำในรายละเอียดมันก็เป็นอีกเรื่องนึง เหมือนเราต่อ Jigsaw ที่เรามีภาพใหญ่ๆไว้ในใจแล้วค่อยๆประติดประต่อวางไปทีละชิ้น ทีละอัน การวาง Jigsaw ลงไปแต่ละตัว แต่ละวัน แต่ละรอบ..ตรงนี้แหละคือเรื่องของตัวหุ้น ที่เป็นมุมมองทิศทางตลาดที่ผมเขียนอยู่ทุกๆวัน การกระทำกับความตั้งใจมันเหมือนว่าจะเป็นเรื่องเดียวกัน แต่จริงๆแล้วมันคนละเรื่อง แต่เป็นคนละเรื่องที่ต้องมีอยู่คู่กันไป ผมอาจจะเอาส่วนของการใช้ Technical มาเขียนลงในส่วนนี้เรื่อยๆนะ แต่จะไม่มีส่วนของเรื่องทิศทางตลาดมาคุยเท่านั้น มุมมองส่วนนี้จะเป็น Diary ทางความคิดมากกว่า Diary ทางการลงทุน !!!

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘