ตอนที่ 26 ตลาดหุ้น "ไซด์เวย์"

ลักษณะตลาดหุ้นที่แกว่งตัวออกด้านข้างและไม่มี ข่าวดีอะไรใหม่ๆเข้ามาในตลาด คนที่เล่นหุ้นแล้วได้ตังค์ต้อง "เล่นรอบ" คือเล่นหุ้นแบบ "ปิงปอง" จะได้เปรียบ แต่อย่าไปทุ่มเทอะไรกับมันมาก "เสี่ยยักษ์" วิชัย วชิรพงศ์ ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า สมัยก่อนชอบเล่น "หุ้นตัวเล็ก" (หุ้นเก็งกำไร) ช่วงดัชนี SET ประมาณ 300-400 จุด ตอนนั้นยังเล่นหุ้น "ไซส์เล็ก" กันอยู่ โดยยอมรับว่าที่รวยหุ้นส่วนหนึ่งรวยมาจากหุ้นเก็งกำไร ช่วงดัชนีต่ำๆช่วงนั้นนิยมเล่นหุ้นที่เขาเรียกว่า "Penny Share" หรือ "หุ้นถูกๆ" กัน แต่พอเล่นมาถึงจุดๆหนึ่ง มันเริ่มแรงเกินไป "ผมคิดว่าถึงเวลาถอยแล้ว คล้ายๆกับช่วงที่ตลาดหุ้นทรงๆ (ไซด์เวย์) หุ้นตัวเล็กก็จะถูกดึงขึ้นมาเล่นรอบ ลักษณะตลาดที่ซึมๆทรงๆ หุ้นขึ้นทุกครั้ง ตัวเล็กก็จะนำหน้ามาก่อน มักจะเป็นอย่างนี้" โดยธรรมชาติของตลาดหุ้น "ไซด์เวย์" ที่แกว่งตัวออกด้านข้าง เสี่ยยักษ์อธิบายว่า ดัชนีจะไม่ไปไหนไกล สังเกตว่าจะไม่มีข่าวดีอะไรใหม่ๆเข้ามาในตลาด ลักษณะของตลาดอย่างนี้คนที่เล่นหุ้นแล้วได้ตังค์ ต้อง "เล่นรอบ" คือเล่นหุ้นแบบ "ปิงปอง" จะได้เปรียบ แต่อย่าไปทุ่มเทอะไรกับมันมาก ให้เล่นเกาะกระแสเอาไว้
ส่วนเทคนิคที่เสี่ยยักษ์นำมาใช้ในการอ่านทิศ ทางตลาด เพื่อค้นหา "จังหวะ" เข้าไป "เล่นรอบ" (สั้นๆ) เขายกตัวอย่างปฏิบัติการจริงให้เห็นว่า ก่อนอื่นเราต้องอ่าน "ภาพรวม" ของตลาดให้ออก จากนั้นก็มาเช็คเครื่องมือทางเทคนิคตัวอื่นๆประกอบ (จะดูกราฟ Month) มาดูตัว RSI ว่ากลับมารึยัง! แล้วมาดู Fast Stochastic ตัวนี้เร็วขึ้นหน่อย พอเห็นว่าเริ่มตัดขึ้นแล้วนะ แล้วต้องมาตรวจดู Slow Stochastic ว่าเป็นอย่างไร (ตามกันมารึเปล่า) อีกตัวที่ต้องดู Modified Stochastic เริ่มตัดขึ้น แสดงว่าสัญญาณต่างๆเริ่มดี แต่ว่ายังต้องรอตัว Fast Stochastic (กราฟ Month) จะนำตัวอื่น เราต้องรอให้มันเกิด Divergence (Bullish Divergence สร้างจุดต่ำยกสูง) ขณะที่ SET ปรับลงมา แต่ตัวนี้มันเริ่มตัดขึ้น แล้วก็ยกสูง(ชัน)ขึ้น อย่างนี้เราก็ต้องรอ แสดงว่าหุ้นใกล้มาแล้ว "ผมก็ดูอย่างนี้ จะมีรอบสั้นๆให้เล่นได้ ตรงนี้เก็บไว้ใช้เป็นวิชาได้" แต่ในกรณีที่ "ภาพใหญ่" ของตลาดแกว่งตัวออกด้านข้าง (ภาพใหญ่ของ SET เกิดไซด์เวย์ เช่นที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปี 2547-ต้นปี 2550) เสี่ยยักษ์ชี้ให้เห็นว่า ลักษณะของดัชนีไม่ได้เป็นแนวโน้มขาลง แต่เครื่องมือเครื่องไม้ทางเทคนิคอย่างตัว MACD (กราฟ Month) มันตัดลงมาตลอด อย่างนี้ถือเป็น "จุดดี" รอให้มันตัดขึ้นมาเมื่อไหร่ ทุกคนจะ "วิ่งใส่หุ้น" กันหมด
เสี่ยยักษ์ยังกล่าวถึงคนเล่นหุ้นที่มีเงิน 100 ล้านบาทกับนักเล่นหุ้นประจำมีเงิน 10 ล้านบาทว่า จริงๆแล้วคนมีเงิน 100 ล้านบาท "ไม่ได้เปรียบ" เพราะถ้าคุณไม่ได้ฝึกฝนตัวเองมา จะมีลักษณะซื้อเป็น แต่ "ขายขาดทุนไม่เป็น" มันเสียดายเงิน ขาดทุนคุณก็เก็บไว้ จากขาดทุนน้อยก็กลายเป็นขาดทุนมาก ยกตัวอย่างคนมีเงิน 100 ล้านบาท การที่คุณจะ Cut Loss ยอมขาดทุน 2-3 ล้านบาท มันน่าจะง่ายกว่าคนที่เล่นหุ้นประจำมีเงิน 10 ล้านบาท แต่ในความเป็นจริง "ไม่ใช่" คนเล่นหุ้นที่เกาะติดตลาดทุกวัน เขาค่อยๆฝึกหัวใจ (ความกล้า)ไปเรื่อยๆ วันที่จะต้องยอมขาดทุน เขากล้ากว่าคนที่มีเงินเยอะ เพราะฉะนั้น คนที่ฝึกมาตั้งแต่เงินน้อยๆจะมีประสบการณ์มากกว่าพวกที่เอาเงินก้อนใหญ่มา เล่นเลย ภาษามวยเขาบอกว่า เบอร์ของหัวใจมันใหญ่ผิดกัน เคยซื้อโอเลี้ยงมาก่อน อยู่ข้างเวทีมาก่อน เขาจะมีความเคี่ยวมากกว่า ดังนั้นคนที่มีเงินน้อย อย่าคิดว่าตัวเองเสียเปรียบ
นอกจากนี้ เสี่ยยักษ์ยังกล่าวถึงเทคนิคการเล่นหุ้น "Penny Share" หรือ "หุ้นถูกๆ" ว่า ที่จริงแล้วรายย่อยได้เปรียบเยอะเลย..ถ้ารู้จักวิธีเล่น "ถ้าผมเป็นรายย่อย ผมวางแผนจะ "ขี่" รายใหญ่ (เจ้ามือ) "ธง" ของเราคือ อย่าไปหวังเล่นรวย คนที่คิดเล่นทีหวังจะเอากำไรเยอะๆสุดท้าย "ตายทุกราย" เชื่อผม !!! คุณต้องเกาะเขาไป ยกตัวอย่าง ถ้าจะเล่นหุ้น TYONG เล่นหุ้น BLAND เจ้ามือเสือมาก "อย่าไปใหญ่กว่าเจ้ามือ" สมมติ ผมเทรด BLAND-W1 อยู่ช่วงราคา 0.19-0.20 บาท ถ้าคุณไปกิน 0.21 บาท กะลากราคาขึ้นไป เจ้ามือเขาเลิกเลยนะ อย่างเมื่อเช้า (ขณะที่สัมภาษณ์) BLAND-W1 มีคนรวบราคา 0.21 บาทไป เจ้ามือมันเลิกเล่นเลย ถ้าเขากินเอง(ลากขึ้นไป) ไม่เป็นไร แต่ถ้าเราไปกินเขา "มันเลิก" พอเลิกเสร็จเขาจะบีบ (ทุบ) ให้คุณต้องคายหุ้นออกมาก่อน" ระหว่างที่เสี่ยยักษ์กำลังเทรดหุ้น BLAND-W1 ก็เล่าไปด้วยว่า "หุ้นถูกๆ" เขาจะเล่นกันไม่กี่ช่อง ตั้ง Bid กับ Offer เอาไว้ 2 ข้าง อย่าง BLAND-W1 ช่วงเช้าขายไป 0.21 บาท ช่วงบ่ายที่ตลาดกำลังจะ "รันเปิด" ถ้าซื้อคืนได้ที่ 0.20 บาท ก็หมายถึงว่า วันนี้คุณขายไป 0.21 บาท ซื้อกลับ 0.20 บาท ได้กำไร 5% ทันที
"ช่วงที่ตลาดกำลังจะเปิด เขาจะใช้วิธี "Random" (สุ่มจับคู่) ราคาไหนมากกว่ามันจะเปิดตรงนั้น ถ้าฝั่งซื้อ (Bid) มากกว่า 0.21 บาทมันก็จะเปิด 0.21 บาท นี่ฝั่งขาย (Offer) มีอยู่ 4.6 ล้านหุ้นกับ 5,000 หุ้น ฝั่งซื้อ (Bid) มีอยู่ 2.6 ล้านหุ้นกับ 9 แสนหุ้น เขารู้เวลาเปิด..เสร็จมัน!!! กลายเป็นว่าเราได้หุ้นที่ 0.21 บาทมา..หนีไม่ทัน" เสี่ยยักษ์เล่าเหตุการณ์แบบนาทีต่อนาที เกมนี้เท่ากับว่า "เราแพ้" "เล่นอย่างนี้ สนุกๆดวลกันทุกวัน ผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ ได้เสียไม่เยอะ แต่ผมชอบรอบใหญ่ๆ มากกว่า" เสี่ยยักษ์กล่าวปิดท้าย

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘