ขอบเขตของความรอบรู้

ข้อสังเกตของผมอย่างหนึ่งสำหรับนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จก็คือ หลาย ๆ คนมีความเชี่ยวชาญในหุ้นบางกลุ่มหรือบางแบบเป็นพิเศษ บางคนก็เชี่ยวชาญในการเล่นหุ้นด้วยเทคนิคบางอย่าง ถ้าจะพูดแบบ วอเร็น บัฟเฟตต์ ก็คือ พวกเขามักลงทุนภายใต้ Circle Of Competence หรือ “ขอบเขตของความรอบรู้” ที่ตนมีอยู่หรือได้สร้างขึ้นมา

ลองมาดูว่าขอบเขตของความรอบรู้ (COC) ที่ผมพอจะนึกได้ว่ามีคนใช้และทำเงินให้ได้มากมายในตลาดหุ้นไทยมีอะไรบ้าง

COC แรกที่ผมจะพูดถึงก็คือ การปั่นหุ้น นี่คือวิธีทำเงินที่ได้ผลดีมากในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยเป็นกระทิงที่ร้อนแรง ย้อนหลังไปไม่ต่ำกว่า 15-20 ปี โดยเฉพาะในช่วงที่กฏหมายกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ยังไม่มีผลในการ ควบคุม คนที่รวยจากการปั่นหุ้นในยุคนั้น จำนวนไม่น้อยก็ “เจ๊ง” ไปจากภาวะวิกฤติ ความผิดพลาด และอาจจะเกิดจากการ “หักหลัง” และอื่น ๆ แต่ผมคิดว่าหลาย ๆ คนก็ยังรวยอยู่จนถึงทุกวันนี้ ในปัจจุบัน ผมคิดว่านี่ก็ยังน่าจะเป็น COC ที่สามารถทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ เพียงแต่การปั่นหุ้นในวันนี้อาจจะต้องมีกรรมวิธีที่ซับซ้อนขึ้นและคนที่ทำ ได้อาจจะต้องมีคุณสมบัติส่วนตัวเฉพาะ เช่น เป็นคนมีเงินมากพอสมควรและอาจจะต้องมีความกล้าได้กล้าเสียและกล้าเสี่ยงกับ การถูกจับหรือชื่อเสียงส่วนตัวด้วย

COC ที่สองนั้นน่าจะใกล้เคียงกับอันแรก นั่นก็คือ การเก็งกำไร นี่เป็นความเชี่ยวชาญในการ “เล่นหุ้น” ที่สามารถนำ COC ของการปั่นหุ้นมาใช้ได้มาก ยกเว้นแต่ว่าการซื้อขายหุ้นของตนเองนั้นจะต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้เข้าข่ายที่ เป็นความผิดตามกฏหมาย นอกจากนั้น หลาย ๆ คนยังต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการวิเคราะห์ “ทางเทคนิค” ที่จะช่วยให้การเก็งกำไรประสบความสำเร็จ เท่าที่เห็น ผมคิดว่าคนที่จะสามารถสร้าง COC ของการเก็งกำไรได้นั้น มักจะต้องมีเงินพอสมควร ต้องใช้เวลากับการลงทุนมาก ต้องติดตามการซื้อขายหุ้นนาทีต่อนาทีในช่วงที่กำลังเก็งกำไร และที่สำคัญ จะต้องมีจิตใจกล้าได้กล้าเสียมากกว่านักลงทุนทั่ว ๆ ไป ผมเชื่อว่านักเก็งกำไรหลายคนที่ประสบความสำเร็จในวันนี้อาจจะเคยเป็นนักปั่น หุ้นในอดีต ส่วนนักเก็งกำไรหน้าใหม่ ๆ นั้น ที่จะเชี่ยวชาญจริง ๆ น่าจะมีไม่มากนัก

COC ที่สามที่ผมคิดว่าน่าจะมีคนพัฒนาตนเองจนมีความเชี่ยวชาญและประสบความสำเร็จ ในการลงทุนที่น่าประทับใจก็คือ “การเก็งกำไรกับผลประกอบการ” นี่เป็นกลยุทธ์ในสไตล์ VI ที่ทำเงินได้เร็วและได้ผลตอบแทนที่สูงมากในช่วงที่ผ่านมาเร็ว ๆ นี้ คนที่เชี่ยวชาญในการเก็งกำไรกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนนั้น แน่นอนต้องมีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์กิจการของบริษัท เขาอาจจะต้องเจาะข้อมูลลึก ๆ จากผู้บริหารรวมถึงต้องวิเคราะห์ภาวะอุตสาหกรรมและอื่น ๆ ที่สำคัญเขาจะต้องหาบริษัทที่จะมีผลกำไรเติบโตโดดเด่นมากผิดปกติไม่ใช่การ เติบโตธรรมดา ๆ ปัจจัยที่สำคัญอื่น ๆ ก็เช่นต้องเป็นกิจการที่ไม่มีหรือไม่ใคร่มีนักวิเคราะห์สนใจด้วยเหตุที่อาจ จะเป็นหุ้นเล็กเกินไปหรือเป็นกิจการที่ซบเซามานานซึ่งทำให้ราคาหุ้นค่อนข้าง เหงาและอยู่ในระดับต่ำ นอกจากนั้น คนที่จะประสบความสำเร็จอาจจะต้องมีความสามารถในการ “โปรโมต” หุ้นให้เป็นที่รับรู้และสนใจแก่นักลงทุนหลังจากที่ตนเองได้ซื้อหุ้นไว้แล้ว

COC ที่สี่ที่ผมจะพูดถึงก็คือ “การลงทุนระยะยาวในหุ้นของกิจการที่โดดเด่น” COC นี้คล้ายกับ COC ที่สามในแง่ที่ว่ามันเป็นสไตล์ของ VI สิ่งที่แตกต่างก็คือระยะเวลาของการลงทุนที่มักจะยาวกว่ามาก การเลือกกิจการที่ลงทุนก็จะเน้นที่กิจการที่มีความเข้มแข็งในเชิงโครงสร้าง สูงกว่า พูดง่าย ๆ เน้นไปที่ DCA หรือความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืนของบริษัทมากกว่าเรื่องของผลประกอบ การในระยะสั้นเพียงหนึ่งหรือสองปี

COC ที่ห้าก็คือ ความเชี่ยวชาญในแง่ของ อุตสาหกรรม นี่คือความรอบรู้ในการที่จะวิเคราะห์และเข้าใจธุรกิจที่จะลงทุน เช่น คนที่เชี่ยวชาญเรื่องธุรกิจค้าปลีกก็จะรู้ว่าอะไรเป็นปัจจัยในการที่บริษัท จะทำกำไรได้ดี อะไรเป็นความเสี่ยง เขาจะสามารถคาดการณ์ถึง ยอดขาย กำไร การเติบโต และอื่น ๆ ของบริษัทได้ใกล้เคียงและสามารถนำมาใช้ในการตัดสินใจลงทุนได้ บางคนเก่งทางด้านของกิจการที่เป็นโรงงานผู้ผลิต เขาก็จะรู้เรื่องกระบวนการต่าง ๆ ของโรงงานและนำไปสู่การคาดการณ์ผลประกอบการได้ดี บางคนอาจจะชำนาญด้านอสังหาริมทรัพย์ เช่นเดียวกับที่บางคนรู้เรื่องเกี่ยวกับปิโตรเคมีและพลังงาน

COC สุดท้ายที่ผมจะพูดถึงและมีคนที่เชี่ยวชาญสามารถทำเงินร่ำรวยได้ก็คือ การเล่นหุ้นของกิจการที่เป็นวัฏจักร์ นี่เป็น COC ที่น่าสนใจเพราะว่ามันสามารถทำเงินได้เร็วและมากในเวลาอันสั้น นี่คือการสร้างความเชี่ยวชาญโดยเน้นไปที่อุตสาหกรรมที่มีความผันผวนตามภาวะ เศรษฐกิจ พวกเขาจะมองอุตสาหกรรมที่ตกต่ำลงโดยเฉพาะจากเหตุผลทางเศรษฐกิจและกำลังฟื้น ตัวขึ้น เข้าไปซื้อหุ้นในราคาต่ำและรอขายเมื่อผลประกอบการฟื้นตัว

ผมคงไม่สามารถจาระไนได้หมดว่าขอบเขตของความรอบรู้นั้นมีกี่วงและอะไรบ้าง เพราะว่ามันมีเยอะมากจนนับไม่ถ้วน เช่นบางคนอาจจะไปเจาะหา หุ้นของกิจการที่มีทรัพย์สินมาก บางคนอาจจะสร้างความเชี่ยวชาญในการหาหุ้น Turn Around หรือหุ้นที่กำลังฟื้นตัวจากสภาพที่ใกล้ล้มละลาย แต่สิ่งที่จะบอกได้ก็คือ การสร้าง COC นั้นต้องใช้เวลาศึกษาติดตามมากบ้างน้อยบ้างขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของสิ่ง ที่ศึกษาและความสามารถของนักลงทุน

นักลงทุนบางคนหรือจำนวนมากนั้น ผมเชื่อว่า ไม่มี COC ซักวงเลย ดังนั้น การที่จะลงทุนแล้วประสบความสำเร็จก็เป็นไปได้ยาก อย่างไรก็ตาม VI หลายคนนั้น มี COC จำนวนมากและขยายวงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ พูดง่าย ๆ เขาสามารถเล่นหรือลงทุนในหลายรูปแบบและหลายอุตสาหกรรมและประสบความสำเร็จจน ร่ำรวย ประเด็นก็มีอยู่บ้างเหมือนกันในแง่ที่ว่า COC บางอย่างมันซับซ้อนเกินไปจนเราไม่อาจจะเข้าใจมันได้ลึกพอ บางที การศึกษาหลากหลาย COC มากเกินไปก็ทำให้เรารู้จักมันไม่ดีพอแต่เราอาจจะคิดว่าเรารู้ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่อันตรายยิ่งกว่าการที่เรารับรู้ว่าเราไม่รู้จักมันดีพอ ดังนั้น สำหรับผมแล้ว ผมมักจะพยายามจำกัดวง COC ของผมไว้แล้วเลือกลงทุนเฉพาะในสิ่งที่ผมรู้ เหนือสิ่งอื่นใด เรามีเงินเพียงนิดเดียว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลงทุนในหุ้นจำนวนมากมายเพื่อที่จะประสบความสำเร็จ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘