จัดสรรเวลาเพื่อหาความรู้ และสร้างความเข้าใจในการลงทุน
เป็นเรื่องสำคัญที่ควรเริ่มต้นในช่วงวัยเริ่มทำงานเช่นกัน โดยในช่วงวัยนี้เป็นช่วงที่เหมาะสมในการเก็บออมและเริ่มลงทุน เนื่องจากอายุยังไม่มากนัก ยังมีระยะเวลาในการทำงานเก็บเงินอีกยาวนาน จึงสามารถที่จะลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีอัตราผลตอบแทน และการขยายตัวของเงินลงทุนสูงๆ ได้ เพราะถึงแม้ว่าจะขาดทุนก็ยังมีระยะเวลาในการทำงานหารายได้มาทดแทนได้
"3 รู้" สู่การลงทุน
สิ่งสำคัญในการวางแผนลงทุนใดๆ นั้น คุณควรรู้จักและเข้าใจหัวใจสำคัญในการวางแผนลงทุน 3 ประการอย่างถ่องแท้ ซึ่งจะเป็นบันไดให้คุณก้าวไปสู่การเป็น “ผู้ลงทุนที่มีคุณภาพ”
รู้จักตัวเอง (Know Yourself)
ก่อนการลงทุน คุณต้องสำรวจตนเองให้แน่ใจเสียก่อนว่าคุณมีเป้าหมายที่จะลงทุนเพื่ออะไร คาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนมากแค่ไหน และยอมรับความเสี่ยงได้มากน้อยเพียงใด เพื่อที่คุณจะได้จัดสรรเงินลงทุนได้อย่างเหมาะสมและตรงกับเป้าหมายการลงทุน ที่ตั้งเอาไว้
รู้จักเครื่องมือ (Know the Vehicles)
การเลือกสินทรัพย์ที่จะลงทุนให้เหมาะสมกับความต้องการและความพร้อม ในการลงทุนของตนเอง เปรียบเสมือนเครื่องมือนำทางให้การลงทุนของคุณไปสู่จุดหมายปลายทางที่ ต้องการได้ ซึ่งปัจจุบันทางเลือกในการลงทุนมีอยู่หลากหลายประเภท แต่ละประเภทต่างก็มีความสลับซับซ้อนที่แตกต่างกันออกไป ทั้งในเรื่องคุณลักษณะของสินทรัพย์ ความเสี่ยง และผลตอบแทน คุณจึงควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับทางเลือกในการลงทุนแต่ละประเภทให้เข้าใจ เพื่อให้สามารถเลือกลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รู้จักจังหวะลงทุน (Know the Markets)
เมื่อคุณรู้จักเครื่องมือการลงทุนแล้ว คุณควรศึกษาถึงปัจจัยต่างๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และจิตวิทยามวลชนที่มีอิทธิพลต่อทิศทางของตลาดการเงิน ซึ่งจะช่วยให้คุณกำหนดกลยุทธ์การลงทุนในภาวะตลาดต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม
สารพัดความเสี่ยงที่ควรรู้ก่อนลงทุน
เมื่อกล่าวถึง “ความเสี่ยง” คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงการขาดทุนหรือผลในทางลบเท่านั้น แต่หากพิจารณาจากทฤษฎีการลงทุนแล้ว “ความเสี่ยง” คือ การที่ผลตอบแทนจริงที่ได้รับจากการลงทุน เบี่ยงเบน หรือ แตกต่าง ไป จากผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนคาดหวังไว้ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นไปในทางบวกหรือลบก็ถือว่าเป็นความเสี่ยงด้วยกันทั้งนั้น ในเมื่อคุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงได้ คุณก็ควรทำความรู้จักกับความเสี่ยงประเภทต่างๆ ที่มีโอกาสเกิดขึ้นให้ดี เพื่อจะได้หาทางบริหารจัดการความเสี่ยงเหล่านั้นอย่างถูกวิธี
ความเสี่ยงตลาด (Market Risk)
เป็นความเสี่ยงจากกระแสความรู้สึกหรือทัศนคติของผู้ลงทุนที่มีต่อภาวะตลาดโดยรวม
ความเสี่ยงจากควมผันผวนของอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Risk)
เป็นความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยในตลาด ที่ส่งผลกระทบความสามารถในการกู้ยืมเงิน หรือราคาของหลักทรัพย์ในตลาด
ความเสี่ยงจากอำนาจซื้อลดลง (Purchasing Power Risk)
เป็นความเสี่ยงอันเนื่องมาจากภาวะเงินเฟ้อ โดยจะมีผลทำให้อำนาจการซื้อของเงินที่ได้รับจากการลงทุนลดลง หรือทำให้ผลตอบแทนที่ได้รับลดลง
ความเสี่ยงจากการดำเนินงาน (Business Risk)
เป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลง ของปัจจัยที่ส่งผลเฉพาะต่อแต่ละกิจการ หรือแต่ละอุตสาหกรรม ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากคุณภาพของทีมผู้บริหารงานที่ผิดพลาด หรือการแข่งขันที่รุนแรงในตลาด เป็นต้น
ความเสี่ยงทางการเงิน (Financial หรือ Default Risk)
เป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากความน่าเชื่อถือทางการเงิน หรือความสามารถในการชำระหนี้ของแต่ละกิจการ ซึ่งอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเงินทุนของกิจการ หรือการใช้เงินกู้ผิดวัตถุประสงค์ เป็นต้น
จัดสำหรับการลงทุนตามวัย
ถือ ได้ว่าเป็นวัยที่ได้เปรียบในการลงทุนมากที่สุด เนื่องจากยังไม่มีภาระที่ต้องรับผิดชอบมากนัก และยังมีโอกาสหารายได้อีกนาน จึงทำให้สามารถรับความเสี่ยง ได้มาก คนวัยนี้สามารถนำเงินออม 90% ไปลงทุนในหุ้นได้ แต่ไม่ใช่การลงทุนแบบเก็งกำไร ควรเป็นการลงทุนระยะยาว
"3 รู้" สู่การลงทุน
สิ่งสำคัญในการวางแผนลงทุนใดๆ นั้น คุณควรรู้จักและเข้าใจหัวใจสำคัญในการวางแผนลงทุน 3 ประการอย่างถ่องแท้ ซึ่งจะเป็นบันไดให้คุณก้าวไปสู่การเป็น “ผู้ลงทุนที่มีคุณภาพ”
รู้จักตัวเอง (Know Yourself)
ก่อนการลงทุน คุณต้องสำรวจตนเองให้แน่ใจเสียก่อนว่าคุณมีเป้าหมายที่จะลงทุนเพื่ออะไร คาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนมากแค่ไหน และยอมรับความเสี่ยงได้มากน้อยเพียงใด เพื่อที่คุณจะได้จัดสรรเงินลงทุนได้อย่างเหมาะสมและตรงกับเป้าหมายการลงทุน ที่ตั้งเอาไว้
รู้จักเครื่องมือ (Know the Vehicles)
การเลือกสินทรัพย์ที่จะลงทุนให้เหมาะสมกับความต้องการและความพร้อม ในการลงทุนของตนเอง เปรียบเสมือนเครื่องมือนำทางให้การลงทุนของคุณไปสู่จุดหมายปลายทางที่ ต้องการได้ ซึ่งปัจจุบันทางเลือกในการลงทุนมีอยู่หลากหลายประเภท แต่ละประเภทต่างก็มีความสลับซับซ้อนที่แตกต่างกันออกไป ทั้งในเรื่องคุณลักษณะของสินทรัพย์ ความเสี่ยง และผลตอบแทน คุณจึงควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับทางเลือกในการลงทุนแต่ละประเภทให้เข้าใจ เพื่อให้สามารถเลือกลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รู้จักจังหวะลงทุน (Know the Markets)
เมื่อคุณรู้จักเครื่องมือการลงทุนแล้ว คุณควรศึกษาถึงปัจจัยต่างๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และจิตวิทยามวลชนที่มีอิทธิพลต่อทิศทางของตลาดการเงิน ซึ่งจะช่วยให้คุณกำหนดกลยุทธ์การลงทุนในภาวะตลาดต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม
สารพัดความเสี่ยงที่ควรรู้ก่อนลงทุน
เมื่อกล่าวถึง “ความเสี่ยง” คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงการขาดทุนหรือผลในทางลบเท่านั้น แต่หากพิจารณาจากทฤษฎีการลงทุนแล้ว “ความเสี่ยง” คือ การที่ผลตอบแทนจริงที่ได้รับจากการลงทุน เบี่ยงเบน หรือ แตกต่าง ไป จากผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนคาดหวังไว้ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นไปในทางบวกหรือลบก็ถือว่าเป็นความเสี่ยงด้วยกันทั้งนั้น ในเมื่อคุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงได้ คุณก็ควรทำความรู้จักกับความเสี่ยงประเภทต่างๆ ที่มีโอกาสเกิดขึ้นให้ดี เพื่อจะได้หาทางบริหารจัดการความเสี่ยงเหล่านั้นอย่างถูกวิธี
ความเสี่ยงตลาด (Market Risk)
เป็นความเสี่ยงจากกระแสความรู้สึกหรือทัศนคติของผู้ลงทุนที่มีต่อภาวะตลาดโดยรวม
ความเสี่ยงจากควมผันผวนของอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Risk)
เป็นความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยในตลาด ที่ส่งผลกระทบความสามารถในการกู้ยืมเงิน หรือราคาของหลักทรัพย์ในตลาด
ความเสี่ยงจากอำนาจซื้อลดลง (Purchasing Power Risk)
เป็นความเสี่ยงอันเนื่องมาจากภาวะเงินเฟ้อ โดยจะมีผลทำให้อำนาจการซื้อของเงินที่ได้รับจากการลงทุนลดลง หรือทำให้ผลตอบแทนที่ได้รับลดลง
ความเสี่ยงจากการดำเนินงาน (Business Risk)
เป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลง ของปัจจัยที่ส่งผลเฉพาะต่อแต่ละกิจการ หรือแต่ละอุตสาหกรรม ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากคุณภาพของทีมผู้บริหารงานที่ผิดพลาด หรือการแข่งขันที่รุนแรงในตลาด เป็นต้น
ความเสี่ยงทางการเงิน (Financial หรือ Default Risk)
เป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากความน่าเชื่อถือทางการเงิน หรือความสามารถในการชำระหนี้ของแต่ละกิจการ ซึ่งอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเงินทุนของกิจการ หรือการใช้เงินกู้ผิดวัตถุประสงค์ เป็นต้น
จัดสำหรับการลงทุนตามวัย
ถือ ได้ว่าเป็นวัยที่ได้เปรียบในการลงทุนมากที่สุด เนื่องจากยังไม่มีภาระที่ต้องรับผิดชอบมากนัก และยังมีโอกาสหารายได้อีกนาน จึงทำให้สามารถรับความเสี่ยง ได้มาก คนวัยนี้สามารถนำเงินออม 90% ไปลงทุนในหุ้นได้ แต่ไม่ใช่การลงทุนแบบเก็งกำไร ควรเป็นการลงทุนระยะยาว
โดย เลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี แล้วซื้อทิ้งไว้หรือซื้อเพิ่มเรื่อยๆ จะมีโอกาสได้กำไรสูงมาก เพราะเวลาจะช่วยลดความเสี่ยงในเรื่องราคาหุ้นที่ขึ้นๆ ลงๆ ได้ ส่วนเงินออมที่เหลืออีก 10% ควรเก็บไว้ในรูปเงินฝากธนาคาร และตราสารหนี้ต่างๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือหุ้นกู้ที่มีความปลอดภัยของเงินต้นสูง และได้อัตราดอกเบี้ยที่แน่นอน
ตัวอย่างที่ยกมาเป็นเพียงแนวทางคร่าวๆ สำหรับการลงทุนให้เหมาะกับช่วงวัยของคุณเท่านั้น ซึ่งคุณสามารถที่จะปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนให้เหมาะกับข้อจำกัดของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเงินทุน ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และผลตอบแทนที่คาดหวัง เพื่อให้มีพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวคุณเองมากที่สุด
มหัศจรรย์แห่งเลข 72