ตอนที่ 3 : รู้จักออปชั่น
จริงๆเเล้ว หลักการทำงานของออปชั่นนั้น เราคุ้นเคยกันดี ผมต้องยกตัวอย่างดังนี้
สมมุติว่าเราต้องการจะซื้อบ้าน 1 หลังราคา 5,000,000 บาท โดยที่ใบจองราคา 50,000 บาท
1.ถ้าราคาบ้านเพิ่มขึ้น 10% จาก 5 ล้าน กลายเป็น 5.5 ล้าน ---> มูลค่าของใบจองก็จะขยับขึ้นอีก 0.5 ล้าน ทั้งที่เราลงทุนซื้อเเค่ใบจองเพียง 5 หมืน สรุปก็คือ เราลงทุน 50,000 บาท เเต่ได้กำไรถึง 500,000 คิดเป็นกำไรจากการลงทุนถึง 10 เท่าตัว ซึ่งมากมายมหาศาล
2.ถ้าเกิดราคาบ้านลดลง 10% จาก 5 ล้าน เหลือเพียง 4.5 ล้าน --> เราก็ไม่ซื้อบ้านนั้น เนื่องจาก ถ้าซื้อเราก็จะขาดทุนถึง 500,000 บาททันที เท่ากับว่าเรายอมทิ้งใบจองไปโดยยอมเสียเพียงเเค่ 50,000บาทเท่านั้น (เหมือนใบจองช่วยลดการขาดทุนให้เราได้)
ในความเป็น จริง ราคาบ้านไม่ได้ขึ้นลงเร็วขนาดนั้น เเต่ในตลาดโลก ใบจองทำงานลักษณะเดียวกันนี้ เรียกว่า" ออปชั่น" ซึ่งจัดว่าเป็นพลังทวีขึ้นสุดยอด ถ้าใครอ่านหนังสือ Rich Dad & Poor Dad เล่มเกษียณเร็วเกษียณรวย ก็จะพบว่า Robert ใช้ ออปชั่นเป็นเครื่องมือสำคัญในการลงทุนด้วยเหมือนกัน
สมมุติว่าเราต้องการจะซื้อบ้าน 1 หลังราคา 5,000,000 บาท โดยที่ใบจองราคา 50,000 บาท
1.ถ้าราคาบ้านเพิ่มขึ้น 10% จาก 5 ล้าน กลายเป็น 5.5 ล้าน ---> มูลค่าของใบจองก็จะขยับขึ้นอีก 0.5 ล้าน ทั้งที่เราลงทุนซื้อเเค่ใบจองเพียง 5 หมืน สรุปก็คือ เราลงทุน 50,000 บาท เเต่ได้กำไรถึง 500,000 คิดเป็นกำไรจากการลงทุนถึง 10 เท่าตัว ซึ่งมากมายมหาศาล
2.ถ้าเกิดราคาบ้านลดลง 10% จาก 5 ล้าน เหลือเพียง 4.5 ล้าน --> เราก็ไม่ซื้อบ้านนั้น เนื่องจาก ถ้าซื้อเราก็จะขาดทุนถึง 500,000 บาททันที เท่ากับว่าเรายอมทิ้งใบจองไปโดยยอมเสียเพียงเเค่ 50,000บาทเท่านั้น (เหมือนใบจองช่วยลดการขาดทุนให้เราได้)
ในความเป็น จริง ราคาบ้านไม่ได้ขึ้นลงเร็วขนาดนั้น เเต่ในตลาดโลก ใบจองทำงานลักษณะเดียวกันนี้ เรียกว่า" ออปชั่น" ซึ่งจัดว่าเป็นพลังทวีขึ้นสุดยอด ถ้าใครอ่านหนังสือ Rich Dad & Poor Dad เล่มเกษียณเร็วเกษียณรวย ก็จะพบว่า Robert ใช้ ออปชั่นเป็นเครื่องมือสำคัญในการลงทุนด้วยเหมือนกัน