ตอนที่ 17 : ลงทุนครั้งเดียว........เก็บเกี่ยวตลอดชีวิต

ผมเคยคิดว่า มีอะไรบ้างที่เราลงทุนครั้งเดียว เเล้วเราสามารถที่จะได้รับผลของการลงทุนนั้นตลอดไป ซึ่งคำว่าลงทุนในที่นี้หมายถึง ทั้งการลงทุนด้วยเงินก็ดี ลงทุนเวลาก็ดี เนื่องจากเวลาเรามีเพียง 24 ชั่วโมงเท่านั้น เวลาจึงเป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่าเงินด้วยซ้ำ เพราะเราไม่สามารถเรียกเวลากลับคืนมาได้ ...ในหนังสือ Rich Dad & Poor Dad ได้พูดถึงการลงทุนที่สามารถเก็บเกี่ยวผลต่อเนื่องไว้เช่นเดียวกัน เเต่ก็อาจจะเน้นไปที่ เรื่องของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก ซึ่งการลงทุนชนิดดังกล่าวสามารถเก็บเกี่ยวรายได้จากการลงทุนนั้นทุกๆเดือนใน รูปของค่าเช่า
......ผมต้องการจะสื่อให้เห็นว่ารอบตัวเรานั้นมี โอกาสที่จะสร้าง asset ที่สามารถอยู่ติดตัวเราตลอดไป ไม่ว่าจะเป็น asset ทางความรู้ ,asset ทางการเงิน ..........ผมจะลองยกตัวอย่างทั้งจากเเนวคิดของผมเองเเละเพื่อนสายการเงิน เเล้วเขียน Payoff (Cost - benefit) ของการลงทุนเเต่ละอย่างซึ่ง.....เป็นการลงทุนเพียงครั้งเดียว เเต่สิ่งที่เราลงทุนไปนั้นสามารถที่จะอยู่กับเราตลอดชีวิตดูนะครับ สำหรับท่านนักลงทุนที่อยู่สายงานอื่นๆ ก็สามารถที่จะจินตนาการ สร้างภาพตามเเล้วลองเขียนต้นทุนที่ต้องใช้ กับผลลัพธ์ที่จะได้ในอนาคตดูของท่านเองดูครับ เเล้วท่านก็จะทราบว่าที่ท่านเขียนออกมาเป็นการลงทุนที่สามารถเก็บเกี่ยวได้ ตลอดไปหรือไม่

1.การ เรียน Phd. (Doctoral Degree)
Cost (ต้นทุนที่เราจะต้องลงทุน)
-ต้องมีผลการเรียนที่ดีถึงจะสามารเรียนต่อ สาขานี้ได้
-ต้องลงทุนเวลา ประมาณ 3-5 ปี เเละอาจจะต้องเเยกจากครอบครัวชั่วคราวไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ
-ลงทุนใน ภาษาอังกฤษ เพื่อให้ผ่านrequirement ขั้นต่ำ เเต่เมื่อลงทุนศึกษา Eng จนเข้าใจเเล้วสามารถนำไปใช้ได้ตลอดชีวิต
-ลงทุนเวลาฝึกฝนทักษะทางการ คำนวณอย่างหนัก
Fruit (เมื่อเราลงทุนบางอย่าง ไปย่อมต้องได้รับผลตอบเเทน ผมขอใช้คำว่าผลนะครับ)
-สามารถกลับมาเป็น อาจารย์ นักวิจัย นักวิชาการอิสระ หรือที่ปรึกษาของบริษัทได้
-มีคำนำ หน้าว่า ดร. ติดตัวไปตลอดชีพ ซึ่งเป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือติดตัวตลอดไป
-หาก เป็นอาจารย์ ก็สามารถได้เเบ่งปันความรู้ให้กับคนอื่นได้ตลอดชีพ
-เมื่อ เกษียณอายุเเล้ว ยังสามารถสอนได้ เเละสามารถเขียนหนังสือเพื่อส่งต่อความรู้ให้กับคนรุ่นหลัง
-มีความอิสระ พอสมควรในเวลาที่จะหยุดพักผ่อน
-มีรายได้หลายทางทีเดียว

2.การลงทุนเก็บ Cer ต่างๆของสายการเงิน
(สายการเงิน Cer มีความสำคัญค่อนข้างมากนะครับ)
Cost
-CFA : เป็นประกาศนียบัตรสำหรับ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เเละผู้จัดการกองทุน มี 3 ระดับ ใช้เวลาลงทุนประมาณ 2-3 ปี เเต่ละ1 level ต้องอ่านหนังสือขั้นต่ำ 250 ชั่วโมง เเละค่าสอบเเต่ละระดับ ประมาณ 1,000$
-FRM : เป็นประกาศนียบัตร ด้านการบริหารความเสี่ยง มี 2 ระดับ ใช้เวลาประมาณ 2 ปี เนื้อหาเน้นการคำนวณทางสถิติชั้นสูง
-CAIA เป็นประกาศนียบัตรด้าน Alternative investing (การลงทุนทางเลือก) สำหรับตราสารการลงทุนความเสี่ยงสูง มี 2 ระดับ ใช้เวลาประมาณ 1-2 ปีในการสอบ ค่าใช้จ่ายอยู่ 1,400$ ต่อ ระดับ
-CFP เป็นประกาศนียบัตรด้านการวางแผนทางการเงิน มีเนื้อหา 6 module
ประกาศนีย บัตรต่างๆที่ผมพูดมานี้ ไม่ต้องเก็บทั้งหมดนะครับ ให้เราเลือกที่เหมาะกับตัวเราเท่านั้นก็พอ
Fruit
-ได้ ความรู้เชิงลึกในด้านที่เราลงทุนศึกษา
-คำต่อท้าย ที่สามารถใช้ไปได้ ตลอดชีพ เช่น Andrew Scott,CFA Joe wittel,CFA,FRM ซึ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือในการเป็นผู้เชี่ยวชาญของทักษะนั้นๆ
-สามารถ เลื่อนสู่ตำแหน่งที่ต้องใช้ความรับผิดชอบมากขึ้น

3.ทักษะการ Trading หรือ การลงทุน
(คำ ว่าได้ทักษะนี้มาเเล้ว ผมหมายความว่า สามารถสร้างผลตอบเเทนได้ต่อเนื่องตลอดไปนะครับ )
Cost
-เวลา ในการฝึกช้อม ฝึกฝนอย่างหนัก อาจเจอช่วงเวลาที่เราล้มเหลวต่อเนื่องกัน เเต่ต้องไม่ยอมเเพ้ ถ้าเก่งจะใช้เวลา 1ปี (ฝึกเทรดทุกวัน ) ถ้าไม่มีพื้นฐานมาก่อนเลย หรือไม่ค่อยมีเวลาก็อาจะใชเวลา 2-5 ปี
-เงิน ทุน อาจะต้องยอมลงทุนเงิน ทั้งในเรื่องการศึกษา ทั้งทดลอง Trade
Fruit
-ทักษะในการเทรด จะอยู่ติดตัวเราตลอดไป เราอาจะเคยได้ยินคำว่า "สัมผัสเเห่งไมดาส" คือเเตะถูกอะไรก็กลายเป็นทองไปหมด ถ้าเรามีทักษะการเทรดติดตัว เราจะสามารถทำเงินได้ทุกที่เเละทุกเวลาซึ่งผมมองว่าไม่ต่างอะไรกับสัมผัสไม ดาส เลย เอาเป็นว่าพบกันตอนหน้าผมจะเขียนเรื่อง สัมผัสเเห่งไมดสเเล้วกันครับ
-มีรายได้จากการเทรด โดยรายได้จะค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเรารู้จักการบริหารการเงินที่ดี เเละทำให้มันทบต้น
-มีอิสระภาพทางด้านเวลา จะมีเวลาเหลือ มากมายที่เราสามารถจะท่องเที่ยวในวันเสาร์อาทิตย์ หรือพักผ่อนเมื่อเราเป็นเทรดเดอร์เต็มเวลา
-สุดยอด Life style เทรดเดอร์บางคนเอาเวลาส่วนใหญ่ไปท่องเที่ยว ทานอาหาร พักผ่อน ผมขอยกตัวอย่าง เทรดเดอร์ชาวไทยคนนึง ที่ผมรู้จัก เค้าเป็นนักเปียโนเเล้วเทรดสร้างรายได้พิเศษช่วงตอนกลางคืน ผมไปทานข้าวกับเค้าที่ร้านอาหารเพื่อคุยเรื่องเทรดเเละเรื่องทั่วไป ระหว่างคุยกันเค้าก็เอาLaptop มาตั้ง ต่อInternet ทำการเข้าเทรดตามระบบทันที (ต่อหน้าต่อตาผมเลย 555) เเละก็เป็นการทำเงินอย่างรวดเร็วปรากฏว่ามื้อนั้น เทรดเดอร์คนนั้นสามารถทำเงินได้มากกว่า ค่าอาหารถึง 2 เท่า ภายในเวลาไม่นานนัก ซึ่งก็เป็น Lifestyle ที่เเปลกไปอีกเเบบนึง เหมือนกัน
ผมได้ยกตัวอย่าง 3 ตัวอย่างใกล้ๆตัวผม ที่เป็นการลงทุนเวลา ตั้งเเต่ 1-5 ปี เเล้วสามารถเก็บเกี่ยวผลตอบไปได้ตลอดชีพ ซึ่งนักลงทุนก็ลองคิดดูนะครับ ว่ารอบๆตัวท่าน มีทักษะอะไร หรือการลงทุนชนิดใด ที่สามารถลงทุนครั้งเดียวเเล้วเก็บเกี่ยวไปได้ตลอดชีพเช่นเดียวกัน

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘