บทที่ 8.6: การบรรลุมรรคผลนิพพาน: สามัญญผลลำดับที่ ๕

สามัญญผลลำดับที่

เมื่อ ผู้เจริญภาวนาสามารถประคองจิตให้แน่วแน่ต่อไปอีกจิตย่อมบริสุทธิ์ขึ้นอีก ผ่องแผ้วสุกสว่างขึ้นอีก ปราศจากกิเลสและอุปกิเลส จึงทวีประสิทธิภาพในการงานยิ่งขึ้นอีก ยังผลให้บรรลุญาณซึ่งกำหนดรู้ใจของผู้อื่น หรือสัตว์อื่น เช่นรู้ว่าผู้อื่นกำลังคิดอะไรอยู่ รู้ว่าบุคคลใดมีภูมิหรือชั้นแห่งจิตอยู่ในระดับใดมีสมาธิหรือไม่ ดังมีเรื่องปรากฏอยู่ในอาฬวกสูตรว่า

สมัย หนึ่ง อาฬวกยักษ์ไปเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อถามปัญหา ยักษ์คิดอยู่ในใจว่า ถ้าพระพุทธองค์ไม่สามารถตอบปัญหาได้ ก็จะจับโยนเข้ามหาสมุทรเสีย ครั้นไปถึงที่ประทับของพระพุทธองค์ ยักษ์ได้แสดงอาการข่มขู่โดยเรียกพระพุทธองค์ให้เสด็จออกไปหา ยังมิทันที่ยักษ์จะพูดอะไรต่อไป พระพุทธองค์ก็ทรงล่วงรู้ความคิดของยักษ์ทันที จึงทรงตอบไปว่าจะเรียกตถาคตไปไยเล่า ตถาคตรู้ว่าท่านจะจับเราโยนข้ามมหาสมุทร แล้วตรัสต่อไปว่าปัญหาที่ท่านคิดจะถามเรานั้น พ่อของท่านบอกไว้ใช่มั้ย เราจะบอกท่านให้รู้ด้วยว่า พ่อของท่านได้รับคำตอบเรื่องนี้มาจากพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า... นี่คือพระญาณกำหนดรู้ใจผู้อื่นของพระพุทธองค์

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเรื่องญาณกำหนดรู้ใจผู้อื่นกับพระเจ้าอชาตศัตรูว่า

ภิกษุนั้น เมื่อ จิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส นุ่มนวล ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวอย่างนี้ ย่อมโน้มน้อมจิตไปเพื่อ “เจโตปริยญาณเธอ ย่อมกำหนดรู้ใจของสัตว์อื่น ของบุคคลอื่นด้วยใจ คือจิตมีราคะ หรือจิตปราศจากราคะก็รู้ว่าจิตปราศจากราคะ จิตมีโทสะก็รู้ว่าจิตมีโทสะ จิตมีโมหะก็รู้ว่าจิตมีโมหะ หรือจิตปราศจากโมหะก็รู้ว่าจิตปราศจากโมหะ จิตหดหู่ก็รู้ว่าจิตหดหู่ จิตฟุ้งซ่านก็รู้ว่าจิตฟุ้งซ่าน จิตเป็นมหรคต (บรรลุฌานระดับต่างๆ) ก็รู้ว่าจิตเป็นมหรคต หรือจิตไม่เป็นมหรคตก็รู้ว่าจิตไม่เป็นมหรคต จิตมีจิตอื่นก็รู้ว่าจิตมีจิตอื่นยิ่งกว่า หรือจิตไม่มีจิตอื่นก็รู้ว่าจิตไม่มีจิตอื่นยิ่งกว่า จิตเป็นสมาธิก็รู้ว่าจิตเป็นสมาธิ หรือจิตไม่เป็นสมาธิก็รู้ว่าจิตไม่เป็นสมาธิ จิตหลุดพ้นก็รู้ว่าจิตหลุดพ้น หรือจิตไม่หลุดพ้นก็รู้ว่าจิตไม่หลุดพ้นมหาบพิตร เปรียบเหมือนหญิงสาวชายหนุ่มที่ชอบการแต่งตัว เมื่อส่องดูเงาหน้าของตนในกระจกบริสุทธิ์สะอาด หรือในน้ำใส หน้ามีไฝก็จะพึงรู้ว่าหน้ามีไฝ หรือหน้าไม่มีไฝก็จะพึงรู้ว่าหน้าไม่มีไฝฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นแล เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลศ ปราศจากอุปกิเลส นุ่มนวล ควรแก้การงาน ตั้งมั่นไม่หวั่นไหวอย่างนี้ ย่อมโน้มจิตไปเพื่อ เจโตปริยญาณ เธอ ย่อมกำหนดรู้ใจของสัตว์อื่น ของบุคคลอื่นด้วยใจ (ดังกล่าวแล้ว) มหาบพิตร นี้แหละสามัญญผลที่เห็นประจักษ์ ทั้งดียิ่งกว่า ทั้งประณีตกว่า สามัญญผลที่เห็นประจักษ์ข้อก่อนๆ

ญาณกำหนดรู้ใจผู้อื่นนี้ มีศัพท์ทางศาสนาว่า เจโตปริยญาณเป็นผลอันเนื่องมาจากการทำจิตให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น

------------------------------------------------

มรดกธรรม หน้า ๑๗: ดูอาฬวกสูตรส.ส. ๑๕/๘๓๘/๘๑๔

สามัญญผลสูตร ที.สี ๙/๑๓๕/๑๐๕

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘