มงคลที่ ๓๒ ประพฤติพรหมจรรย์ - บัณฑิตต้องอบรมตน


โลกอันชรา นำเข้าไปไม่ยั่งยืน โลกไม่มีผู้ต้านทาน ไม่เป็นใหญ่เฉพาะตน โลกไม่มีอะไรเป็นของตน จำต้องละสิ่งทั้งปวงไป โลกบกพร่องอยู่เป็นนิตย์ ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา ดูกร...มหาบพิตร ธัมมุทเทส ๔ข้อนี้แล พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงแล้ว ที่อาตมภาพรู้เห็นและได้ฟังแล้ว จึงออกจากเรือน บวชเป็นบรรพชิต
ความประมาทเป็นทางแห่งความตาย เป็น อันตรายต่อการดำเนินชีวิตในวัฏสงสาร ตลอด ๔๕พรรษาของพระบรมศาสดาที่ทรงปฏิบัติพุทธกิจ สั่งสอนเหล่าเวไนยสัตว์ให้ได้บรรลุธรรม โดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยากลำบาก ท่านทรงแนะนำให้ชาวโลกดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท ให้เห็นทุกข์เห็นโทษในการเกิดว่าเป็นทุกข์ ทรงสอนให้เราแสวงหาหนทางพ้นทุกข์ ด้วยการทำความเพียรฝึกฝนอบรมใจ ยกตนขึ้นสู่หนทางพระนิพพาน ความตายเป็นสิ่งที่ทุกชีวิตจะต้องพบเจอ ต่างกันแต่ว่าช้าหรือเร็วเท่านั้น ดังนั้น เราต้องดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท สั่งสมแต่คุณงามความดี หมั่นเจริญสมาธิภาวนา ฝึกฝนใจให้หยุดนิ่ง ในที่สุดเราจะมีที่พึ่งภายใน คือ พระธรรมกาย กันทุกคน

มีวาระพระบาลีใน มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ ว่า

"โลกอันชรานำเข้าไปไม่ยั่งยืน โลกไม่มีผู้ต้านทาน ไม่เป็นใหญ่เฉพาะตน โลกไม่มีอะไรเป็นของตน จำต้องละสิ่งทั้งปวงไป โลกบกพร่องอยู่เป็นนิตย์ ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา ดูกร...มหาบพิตร ธัมมุทเทส ๔ข้อนี้แล พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงแล้ว ที่อาตมภาพรู้เห็นและได้ฟังแล้ว จึงออกจากเรือน บวชเป็นบรรพชิต"
การออกบวชเป็นหนทางที่จะนำไปสู่ความหลุดพ้น ทำให้เรามีโอกาสศึกษาพระธรรมคำสอนอันบริสุทธิ์ของพระสัมมาสัมพุทธ เจ้า เป็นหนทางลัดที่จะนำพาตัวเรา ก้าวไปสู่จุดหมายปลายทางของชีวิตได้อย่างรวดเร็วที่สุด การตัดสินใจบวชอย่างมีเป้าหมาย เพื่อสลัดออกจากกองทุกข์ และกระทำพระนิพพานให้แจ้ง เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากในโลก เพราะผู้บวชจะต้องมีคุณสมบัติที่ครบถ้วนบริบูรณ์ ต้องเป็นชาย ไม่พิกลพิการ มีศรัทธา เลื่อมใสในพระรัตนตรัย และต้องได้รับอนุญาตจากผู้ปกครอง จึงจะได้บวช
*ดังเรื่องของ พระรัฐบาลเถระ ที่ได้รับฟังธรรมจากพระบรมศาสดา แล้วสามารถสอนตนเองว่า "ฆราวาสช่างคับแคบ เป็นทางมาแห่งธุลี บรรพชาเป็นทางปลอดโปร่ง ผู้อยู่ครองเรือนจะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์โดยส่วนเดียวประดุจ สังข์ขัด ไม่ใช่ของทำได้ง่าย ทางที่ดีเราควรจะปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ ออกบวชเป็นบรรพชิต"
ท่านอยากบวชมาก แต่พ่อแม่เกรงว่าจะไม่มีผู้มาสืบสกุล จึงไม่ยอมให้ท่านบวช ท่านมุ่งมั่นถึงขนาดยอมอดข้าว จนพ่อแม่เห็นใจ ต้องยอมอนุญาตให้บวช ครั้นบวชแล้วก็ตั้งใจปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด มุ่งฝึกฝนใจให้หยุดนิ่ง ในที่สุดท่านก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
สมัยหนึ่ง พระราชาตรัสถามว่า "ท่านรัฐบาลผู้เจริญ คนส่วนใหญ่ออกบวชเพราะว่าแก่ชรา อยากมีที่พึ่งทางใจ เพราะความเจ็บไข้ได้ป่วยบ้าง เพราะเสื่อมจากโภคสมบัติบ้าง จึงอยากมาอาศัยพระศาสนา และเสื่อมจากญาติบ้าง เมื่อเห็นว่าจะไม่มีที่พึ่ง จึงพากันออกบวช แต่ท่านไม่ได้มีความเสื่อมเหล่านั้นเลย แล้วทำไมถึงออกบวชเป็นบรรพชิตเล่า"

พระรัฐบาลเถระได้ถวายพระพรว่า "มหาบพิตร พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงธัมมุทเทส ๔ข้อไว้ว่า

๑.โลกอันชรานำเข้าไปไม่ยั่งยืน
๒.โลกไม่มีผู้ต้านทาน ไม่เป็นใหญ่เฉพาะตน
๓.โลกไม่มีอะไรเป็นของตน จำต้องละสิ่งทั้งปวงไป
๔.โลกบกพร่องอยู่เป็นนิตย์ ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา
เมื่ออาตมารู้เห็นและได้ฟังแล้ว จึงออกบวชเป็นบรรพชิต"
จากนั้น พระเถระก็ได้เมตตาอธิบายเพิ่มเติมว่า "เมื่อพระองค์ยังหนุ่ม เป็นผู้มีพระพละกำลังดี จะเสด็จไปไหนก็สะดวก สำคัญตนว่ามีอำนาจ ไม่มีใครสู้ได้ แต่ปัจจุบันอายุย่างเข้า๘๐ แล้ว ร่างกายทรุดโทรมลงมาก เหมือนไม้ใกล้ฝั่ง จะสู้รบปรบมือกับใครก็ไม่ได้ เพราะความชราเข้ามาเยือน โลกนี้ถูกชรานำไป เช่นนี้แหละ
โลกไม่มีผู้ต้านทาน ไม่เป็นใหญ่เฉพาะตน หมายถึงว่า เมื่อถึงคราวจะตาย แม้จะมีหมู่ญาติแวดล้อมมากมาย ก็ไม่มีใครจะมาช่วยแบ่งเบาทุกขเวทนาที่เกิดขึ้นให้ได้ มาคนเดียวก็จำต้องไปเพียงคนเดียว
โลกไม่มีอะไรเป็นของตน จำต้องทิ้งสิ่งทั้งปวงไป คือ เมื่อก่อนอาจเป็นผู้พรั่งพร้อมด้วยสมบัติมากมาย ครั้นตายไปแล้ว สมบัติก็เอาติดตัวไปไม่ได้ มาตัวเปล่าก็ต้องไปตัวเปล่า
โลกนี้พร่องอยู่เป็นนิตย์ เนื่อง จากมนุษย์มีความปรารถนา ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะกิเลสตัณหาเป็นเครื่องทำให้ใจเกิดความทะยานอยาก การจะให้ได้ทรัพย์มาง่ายๆ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตนั้นเป็นเรื่องยาก ต้องผิดศีล ทำบาปกรรม และเกิดเป็นวิบากอันเผ็ดร้อนในอนาคต
ดูก่อน...มหาบพิตร อาตมภาพรู้เหตุนี้ จึงออกบวช ความเป็นสมณะ เป็นข้อปฏิบัติอันไม่ผิด เป็นคุณประเสริฐแท้"
จากเรื่องนี้ จะเห็นได้ว่า เป้าหมายการบวชที่แท้จริง คือ ทำอาสวกิเลสให้หมดสิ้น เพื่อ จะได้หลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง หากจะถามว่า บวชแล้วได้อะไรบ้าง พรรณนากันในระยะเวลาสั้นๆคงไม่หมด พระโพธิสัตว์ได้สละทรัพย์สมบัติมากมาย ออกบวชมานับภพนับชาติไม่ถ้วน เพราะท่านรู้ว่าการบวชเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากมายต่อชีวิต ตัวของผู้บวชเอง หากบวชแล้ว ได้ครูบาอาจารย์ที่ดีคอยแนะนำพร่ำสอน คอยเป็นยอดกัลยาณมิตรให้ ก็จะได้ประโยชน์มากเกินกว่าที่คาดหวังไว้ กระทั่งได้ประโยชน์อย่างยิ่ง คือ นิพพาน

การบวชเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้สูงขึ้น ทั้งทางกาย วาจา และใจ เพราะศีลจะเป็นกรอบที่คอยควบคุมให้เราไม่ทำอะไรตามใจ หรือหากออกมาใช้ชีวิตทางโลก ย่อมจะสามารถปรับตัวเข้ากับสังคมได้ง่าย เป็นกัลยาณมิตรให้กับตนเองและครอบครัวได้ด้วย คนที่เคยบวชจะไม่ตกอยู่ใต้อำนาจกิเลส แม้จะดำเนินชีวิตเหมือนชาวโลกทั่วไป แต่ก็สามารถยกใจให้อยู่เหนือโลกได้ เพราะได้รู้จักเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิตแล้ว
เป้าหมายแรก คือ รู้ว่าเกิดมาแล้วต้องขยันทำมาหากิน ประกอบสัมมาอาชีวะ คบคนดี และสั่งสมบุญไม่ให้ขาด ไม่ทำบาปอกุศล ทำแต่คุณงามความดี อันจะส่งผลให้ได้บรรลุเป้าหมายต่อไป คือ ละโลกแล้วได้ไปบังเกิดในสุคติโลกสวรรค์ จะไม่พลัดไปตกในอบายภูมิ เมื่อหมั่นฝึกฝนใจให้หยุดนิ่งเรื่อยไป ย่อมจะส่งผลให้ได้บรรลุเป้าหมายสูงสุด คือ ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน เพราะฉะนั้น การบวชจึงเป็นทางลัดที่สุดในการฝึกฝนตนเอง และเพิ่มพูนคุณธรรมความดีให้เกิดขึ้นในใจ จะได้บุญที่ตามส่งผลต่อไปในภพหน้า ทั้งแก่ตนเองและบิดามารดาของเรา เป็นการตอบแทนพระคุณท่าน ตามแบบอย่างของนักปราชญ์บัณฑิต
นอกจากการบวชจะเป็นการให้โอกาสแก่ตัวเราเอง ที่จะได้สั่งสมบุญอย่างเต็มที่แล้ว ยังเป็นการตอบแทนพระคุณบิดามารดาผู้ให้กำเนิดเราอีกด้วย มารดาบิดานับเป็นบุคคลที่มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ต่อเรา ท่านได้ให้กำเนิดกายเนื้อ เป็นต้นแบบทั้งทางกายและทางใจ ทำให้เรามีโอกาสสร้างความดี จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องหาโอกาสตอบแทนคุณท่าน เช่นนี้...ย่อมได้ชื่อว่าเป็นลูกยอดกตัญญู
ในอดีต ชาวพุทธถือกันว่า ลูกชายบวชให้พ่อแม่นับเป็นการตอบแทนพระคุณที่ท่านได้เลี้ยงดูเรามาจนเติบ ใหญ่ ให้พ่อแม่ได้เห็นผ้าเหลือง แม้จะบวชได้เพียงไม่กี่วัน ก็นับเป็นความภาคภูมิใจของพ่อแม่ที่รอคอยวันนี้มานาน พ่อแม่บางคนเมื่อรู้ว่า ลูกชายมาขออนุญาตว่า "จะบวชให้พ่อแม่" ก็ปลื้มอกปลื้มใจมาก ถึงขนาดจัดงานบวชใหญ่โต เพราะความภาคภูมิใจที่จะได้เห็นลูกเป็นพระเป็นสามเณรนั่นเอง
ในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน เป็นโอกาสดีที่เยาวชนไทยจะได้ใช้เวลาที่เสียไปกับการเที่ยวเตร่เฮฮาสนุกสนาน ไปวันๆ มาทำชีวิตให้มีคุณค่าขึ้น ด้วยการฝึกฝนอบรมตนเองให้เป็นผู้ที่มีความรู้คู่คุณธรรม มาศึกษาธรรมปฏิบัติเจริญสมาธิภาวนา ด้วยการเข้าร่วมโครงการอบรมธรรมทายาท ภาคฤดูร้อน
หลวงพ่ออยากเชิญชวนเยาวชนทั้งหลาย ให้มาอบรมกัน จะได้ยังความปลื้มปีติให้เกิดขึ้นกับคุณพ่อคุณแม่ที่รักของเรา ส่วนท่านหญิงแม้จะไม่ได้บวช ก็ยังมีการอบรมธรรมทายาทหญิง มาฝึกตนสมาทานศีล๘ ฝึกสมาธิเจริญภาวนา เป็นคนดีที่โลกต้องการ เป็นบัณฑิตนักปราชญ์ผู้มีความรู้คู่คุณธรรมกันทุกคน
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
*มก. รัฐปาลสูตร เล่ม ๒๑ หน้า ๒๔

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘