มงคลที่ ๒๗ มีความอดทน - อดใจเมื่อมีอุปสรรค



มงคลที่ ๒๗ มีความอดทน
อดใจเมื่อมีอุปสรรค

ผู้มีขันติและเมตตา ย่อมเป็นผู้มีลาภ มียศ และมีความสุขเสมอ ผู้มีขันติธรรมย่อมเป็นที่รักที่ชอบใจของเทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย

การสร้างบารมีเป็นงานที่แท้จริงของมวลมนุษยชาติ เราเกิดมาก็เพื่อสร้างบารมี ดำเนินตามรอยบาทพระบรมศาสดา มุ่งแสวงหาสาระอันแท้จริงของชีวิต เพื่อให้ไปถึงจุดหมายปลายทาง คือ ที่สุดแห่งธรรม ในระหว่างการสร้างบารมีเป็นธรรมดาที่จะต้องเจออุปสรรค อุปสรรคเป็นเพียงเครื่องทดสอบกำลังใจเท่านั้น

หากเราใช้สติและปัญญา ปัญหาทั้งหลายก็จะหมดไป เหมือนการเอาคบเพลิงจุ่มลงไปในน้ำ เมื่อทำใจหยุดได้ ก็จะเกิดปัญญาสามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้ การฝึกฝนใจให้หยุดนิ่ง จึงเป็นหน้าที่หลักของมนุษย์ทุกคน

มีธรรมภาษิตที่พระโบราณจารย์กล่าวไว้ในหนังสือ สวดมนต์ฉบับหลวงว่า

ขนฺติโก เมตฺตวา ลาภี ยสสฺสี สุขสีลวา
ปิโย เทวมนุสฺสานํ มนาโป โหติ ขนฺติโก

ผู้มีขันติ และเมตตา ย่อมเป็นผู้มีลาภ มียศ และมีความสุขเสมอ ผู้มีขันติธรรมย่อมเป็นที่รักที่ชอบใจของเทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย

พระท่านสอนเราให้รู้จักอดทน คือ อดใจ เวลามีความโลภหรืออภิชฌาเกิดขึ้น อยากจะได้สมบัติของคนอื่น เราก็ต้องรู้ เท่าทันว่านี่คือกิเลสตัวโลภะ แล้วรีบหยุดความอยากนั้นด้วยการ อดใจ ทำใจหยุดนิ่งเฉย ไม่นานความโลภก็จะดับไป

เมื่อมีความโกรธคิดประทุษร้ายเกิดขึ้น ก็เอาใจหยุดนิ่ง ตอนแรกๆ ความโกรธอาจจะพลุ่งพล่านอยู่ในใจ แต่ก็ไม่ถึงกับหลุดออกมาข้างนอกให้คนอื่นได้ยิน พอเราหยุดนิ่งสักพักหนึ่ง ความโกรธ ความอาฆาตพยาบาทนั้นก็จะหายไป

ถ้า มีความเห็นผิดเกิดขึ้น ดวงจิตพร่ามัว ทำอะไรก็ผิดพลาดไปหมด ก็ให้หยุดใจนิ่งๆ ไว้ ไม่ช้าแสงสว่างแห่งปัญญาก็จะเกิดขึ้น ทำให้เราเห็นถูกต้องตรงไปตามความเป็นจริง

ถ้าหยุดใจได้เพียงอย่างเดียว จะสามารถเอาชนะกิเลสในใจของเราได้ อุปสรรคภายนอกทั้งหมดก็เป็นเรื่องเล็กน้อย เราจะเอาชนะอุปสรรคภายนอกได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์ยากลำบาก คำพูดให้ร้ายต่างๆ ก็อย่าปล่อยให้เข้ามาอยู่ในใจของเรา สิ่งที่ควรจะอยู่ในใจของเรา คือบุญกุศล ความดีงามที่เราได้ทำไว้ และพระรัตนตรัยในตัว หากเราทำได้เช่นนี้ ก็จะเป็นที่ยกย่องของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย

*มีแม่ศรีเรือนคนหนึ่ง ชื่อ เวเทหิกา นางเป็นคนสงบเสงี่ยมเรียบร้อย จิตใจเยือกเย็น ชาวบ้านทั้งหลายในละแวกนั้น ต่างก็ร่ำลือกัน ถึงกิริยามารยาท ที่เรียบร้อยอ่อนน้อมของแม่บ้านคนนี้ นางได้จ้างหญิงคนหนึ่ง ชื่อ กาลี มีหน้าที่รับใช้ ปัดกวาดเช็ดถูภายในบ้าน นางกาลีก็ตั้งใจทำงานด้วยความขยันขันแข็ง กินอยู่หลับนอนในบ้านหลังนี้เสร็จสรรพ

อยู่มาวันหนึ่ง นางกาลีเกิดมีความคิดขึ้นว่า นายหญิงของเราไม่เคยแสดงความโกรธ ความเครียดขรึมออกมาเลย อาจเป็นเพราะว่านางไม่มีความโกรธอยู่ในใจ หรือจะเป็นเพราะว่า นางไม่เคยพบกับเรื่องหงุดหงิดขัดเคืองใจ เนื่องจากเราเองก็จัดแจงดูแลการงาน ด้วยความเรียบร้อยทุกอย่าง เห็นทีเราจะต้องทดสอบนายหญิงของเราดูว่า นางมีความอดทนจริงหรือเปล่า

วันรุ่งขึ้น นางกาลีก็เริ่มดำเนินการตามแผนที่คิดไว้ โดยแกล้งนอนตื่นสาย ข้าวปลาอาหารก็ไม่ได้หุงต้ม พาเอาคนในบ้านต้องอดอาหารไปตามๆ กัน นายหญิงจึงเข้ามาเรียก พอดีเห็นนางกาลีเพิ่งตื่น ก็เลยต่อว่าต่อขานไปว่า "เจ้ากาลี วันนี้ทำไมเจ้าขี้เกียจ นอนจนกระทั่งสายป่านนี้"
นางกาลีจึงพูดยั่วโมโหตามแผนว่า "ฉันตื่นสายแค่นี้จะเป็นอะไรไป"
เจ้านายก็ตวาดว่า "นางชั่วร้าย เมื่อเจ้าไม่เป็นอะไร จะมามัวนอนอยู่ทำไม รีบไปทำงานบ้านเดี๋ยวนี้" นายหญิงพูดด้วยความโกรธขัดเคือง หน้านิ่วคิ้วขมวด

วันที่สอง นางกาลียังคงดำเนินการทดสอบความอดทนของเจ้านายด้วยการนอนตื่นสายกว่าเดิมอีก คราวนี้เจ้านายยิ่งขุ่นมัวกว่าเดิม แผดเสียงด่าดังลั่นบ้าน หน้าตาบึ้งตึงไปทั้งวัน

ครั้นวันที่สาม เจ้าของบ้านโกรธจัดที่เห็นนางนอนตื่นสาย ปากก็ร้องด่าพร้อมกับคว้าลิ่มตอกประตูบ้านขว้างใส่นาง ลิ่มประตูโดนเข้าที่ศีรษะของนางกาลีอย่างจัง ศีรษะแตกเลือดไหล นางจึงเดินเอามือกุมแผลไว้ เที่ยวโพนทนากับชาวบ้านว่า "พวกท่านจงมาดูนายหญิงของฉัน คนที่สงบเสงี่ยมเรียบร้อย แต่ทำไมจึงทำร้ายฉันจนหัวร้างข้างแตกอย่างนี้"

ตั้งแต่นั้นมา ผู้คนในหมู่บ้านก็พากันร่ำลือไปทั่ว ถึงหญิงแม่บ้านเวเทหิกาว่า เป็นคนหุนหันพลันแล่น ไม่สงบเสงี่ยมจริง เป็นคนดุร้าย เพราะทำร้ายหญิงรับใช้จนศีรษะแตก

มีคนบางคนในโลกที่มีความเคารพเพียงช่วงเวลาที่ยัง ไม่ได้กระทบกับถ้อยคำ หรือเหตุการณ์อันไม่เป็นที่พอใจ แต่จะโกรธเคืองขุ่นมัว ต่อถ้อยคำขัดหูหรือการกระทำที่ขัดตา เช่นกับหญิงแม่บ้านเวเทหิกาคนนี้ ที่เป็นคนอดทนไม่จริง

พระบรมศาสดาจึงตรัสสอนให้พวกเรามีใจหนักแน่นมั่นคงเหมือนกับแผ่นดิน แผ่นดินที่แม้จะมีใครเอาสิ่งปฏิกูลมา เททิ้งลงไป หรือเอาของเหม็นมาราดรด ก็ยังคงทำหน้าที่รองรับด้วยอาการสงบนิ่ง ไม่มีอาการหวั่นไหว หรือเดือดร้อนใดๆ พวกเราก็เช่นเดียวกัน หากมีใครมาว่าร้ายให้โทษเรา ด้วยคำพูด ไม่จริง หยาบคาย ก็ให้มีใจหนักแน่นไม่หวั่นไหว ไม่โกรธตอบ และให้มีเมตตาจิตไปยังบุคคลนั้น อย่าเป็นผู้มีเวรมีภัยกับใคร

นอกจากนี้ พระพุทธองค์ท่านยังตรัสสอนให้มีความอดทน ถึงขนาดอุปมาว่า ถ้ามีพวกโจรใจบาปหยาบช้า นำเลื่อยขนาดใหญ่ มาตัดอวัยวะน้อยใหญ่ของเรา หากเรามีใจคิดร้ายต่อพวกโจรแม้แต่น้อย ก็ไม่ชื่อว่าประพฤติตามคำสอนของพระพุทธองค์ เพราะว่าไม่มีความอดทนอดกลั้นต่อความโกรธ

ความอดทนเป็นบันไดไปสู่นิพพาน พระบรมโพธิสัตว์ ถ้าปราศจากความอดทนแล้ว จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ เพราะว่ากว่าที่จะมาเป็นพระพุทธเจ้าไม่ใช่ของง่าย ต้องอดทนต่อทุกสิ่งทุกอย่าง ต้องสละทั้งทรัพย์ อวัยวะและชีวิต ฟันฝ่าอุปสรรคมานับภพนับชาติไม่ถ้วน เพื่อจะสั่งสมบุญบารมี ให้ได้บรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ แม้ว่าท่านจะเจออุปสรรคมากมายเพียงไรก็ไม่ย่อท้อ อุปมาว่า บนหนทางที่มีกองไฟกองมหึมาลุกโพลงแล้วให้ท่านก้าวเดินฝ่ากองไฟไปยังจุดหมาย ปลายทางอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งฝั่งนั้นจะทำให้ท่านได้บรรลุเป้าหมายอันสูงสุด ท่านก็จะเดินฝ่าเปลวเพลิงนั้นไป โดยไม่กลัวต่อมรณภัย และอุปสรรคใดๆ ทั้งสิ้น

การสร้างบารมีของพวกเราก็เช่นเดียวกัน จะต้องมีใจหนักแน่น และเข้มแข็ง ดุจเดียวกับพระบรมโพธิสัตว์ เพราะชาวโลก และสรรพสัตว์ทั้งหลาย กำลังรอคอยความช่วยเหลือจากเราอยู่ เขาอยากรู้วิธีที่จะเข้าถึงความสุขที่แท้จริง ได้เข้าถึงความเต็มเปี่ยมของชีวิต ได้บรรลุจุดหมายปลายทางอย่างถูกต้องปลอดภัย และมีชัยชนะ ดังนั้นเราจึงต้องทำหน้าที่ยอดกัลยาณมิตรผู้นำบุญ นำพาทุกชีวิตให้ไปสู่ความสำเร็จสมปรารถนา ด้วยการช่วยกันสถาปนาบ้านกัลยาณมิตร ชักชวนกันมาทำความดี มาให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา บุญกุศลก็จะติดตัวเราไปทุกภพทุกชาติ จนกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)

*มก. กกจูปมสูตร เล่ม ๑๘ หน้า ๒๕๗

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘