มงคลที่ ๑๔ ทำงานไม่คั่งค้าง - ทุ่มเทสร้างบารมี


มงคลที่ ๑๔

ทำ่งานไม่คั่งค้าง
ทุ่มเทสร้างบารมี

ท่านทั้งหลายจงเห็นความเกียจคร้าน ว่าเป็นภัย และเห็นการปรารภความเพียร ว่าเป็นความปลอดภัย แล้วปรารภความเพียรกันเถิด นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย

เมื่อบุคคลปรารภจะทำอะไรแล้ว พึงกระทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะสิ่งเหล่านี้จะถ่วงความเจริญก้าวหน้าในชีวิตของเรา เหมือนดินพอกหางหมู ไม่เกิดประโยชน์อันใด ควรที่เราจะเร่งรีบขวนขวายทำงานให้สำเร็จสมบูรณ์ จะได้เป็นอุปนิสัยติดตัวเราไปข้ามภพข้ามชาติ เมื่อตัดสินใจจะทำอะไรต่อไป จะได้ไม่ต้องมาห่วงหน้าพะวงหลัง เพราะเรายังมีงานหลักที่เป็นงานสำคัญกำลังรอเราอยู่ งานหลักที่แท้จริงนั้น คือ การทำใจหยุด ใจนิ่ง เป็นกรณียกิจที่สำคัญ ควรที่เราจะต้องหมั่นทำภาวนา ให้เข้าถึงพระรัตนตรัย ซึ่งเป็นสรณะที่พึ่งที่ระลึกของพวกเราให้ได้

พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ใน ขุททกนิกาย อปทาน ว่า

"โกสชฺชํ ภยโต ทิสฺวา วิริยารมฺภญฺจ เขมโต
อารทฺธวิริยา โหถ เอสา พุทฺธานุสาสนี

ท่านทั้งหลายจงเห็นความเกียจคร้าน ว่าเป็นภัย และเห็นการปรารภความเพียร ว่าเป็นความปลอดภัย แล้วปรารภความเพียรกันเถิด นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ทั้งหลาย"

เราเกิดมาสร้างบารมี ต้องทุ่มเททั้งชีวิตจิตใจ เพื่อสร้างบุญกุศล เพราะการเกิดมาเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก เมื่อเรารู้เป้าหมายของชีวิตแล้ว ควรสลัดความเกียจคร้านออกจากใจ เร่งรีบทำความดีสั่งสมบุญให้เต็มที่ ชีวิตจะได้ปลอดภัย เพราะเวลาในโลกนี้มีน้อย เราต้องใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่ามากที่สุด เพื่อที่เราจะได้บุญบารมีเพิ่มมากขึ้น และบุญนี้จะเป็นปัจจัยให้เราประสบความเจริญรุ่งเรืองต่อไปในภายภาค เบื้องหน้า
*ดังเช่นพระบรมโพธิสัตว์เจ้าของเรา เมื่อครั้งเสวยพระชาติเป็นพระราชา พระนามว่า มหาสีลวราช ในเมืองพาราณสี พระองค์ไม่เคยว่างเว้นจากการทำความดี แม้จะมีอุปสรรคมากเพียงใด ก็ไม่เคยสนใจ มุ่งหน้าทำความดีเรื่อยไป พระองค์ทรงเป็นพระธรรมราชา ได้สร้างโรงทานไว้ ๖ แห่งรอบเมือง ทรงบริจาคทานอยู่เป็นนิตย์ ทรงรักษาศีล รักษาอุโบสถศีลเป็นประจำ

ครั้งนั้น มีอำมาตย์คนหนึ่งได้ทำความผิดไว้ จึงถูกพระราชาขับไล่ออกจากเมือง เขาได้ไปรับราชการอยู่ที่แคว้นโกศล และทูลยุยงพระเจ้าโกศลว่า "ราชสมบัติในกรุงพาราณสี ประดุจ ดังรวงผึ้งที่ไม่มีตัวผึ้ง พระราชาก็อ่อนแอ ควรที่เราจะยึดราชสมบัตินั้นไว้" พระเจ้าโกศลจึงทดลองส่งทหารไปสืบดู โดยแสร้งทำเป็นไปลักขโมยในกรุงพาราณสีถึง ๓ ครั้ง

พวกสายสืบทั้งหมดถูกทหารของพระเจ้ากรุงพาราณสีจับตัวไว้ได้ทุกครั้ง เมื่อถูกส่งตัวเข้าไปในวัง แทนที่พระราชาจะลงโทษ กลับพระราชทานทรัพย์ให้ และปล่อยตัวออกมา พวกสายสืบจึงกลับมารายงานพระเจ้าโกศลว่า กองกำลังของฝ่ายตรงข้ามอ่อนแอจริงๆ ทำให้พระเจ้าโกศลหลงเชื่อสนิท แต่ความเป็นจริง ในกรุงพาราณสีมีอำมาตย์กว่า ๑,๐๐๐ นาย ที่เก่งกล้าสามารถ ถ้าพระราชาทรงปรารถนา พวกเขาสามารถไปยึดราชสมบัติทั่วชมพูทวีปมาถวายพระเจ้าสีลวราชได้โดยไม่ยาก เลย

พระเจ้าโกศลจึงยกกองทัพจะไปยึดเมืองพาราณสี เหล่าอำมาตย์ของพระเจ้าพาราณสีต่างขออาสาจะไปจับพระเจ้าโกศลมาลงโทษ แต่ได้รับการทัดทานจากพระราชา เพราะพระองค์ไม่อยากให้เสียเลือดเนื้อ ทรงยอมที่จะสละราชบัลลังก์เพื่อความผาสุกของพสกนิกร ในที่สุด พระเจ้าโกศลจึงสั่งจับพระเจ้าสีลวราชพร้อมทั้งอำมาตย์ เอาไปฝังที่ป่าช้าผีดิบ ให้โผล่แต่ศีรษะขึ้นมา พระราชาทรงให้โอวาทแก่ทุกคนว่า "อย่าไปผูกพยาบาทใคร ทำใจให้สงบ ให้แผ่เมตตากับศัตรูทุกคน"

ข้าราชบริพารต่างทำตามโอวาทของพระองค์ เพราะเชื่อในคุณธรรมของพระราชาว่า จะไม่มีอันตรายเกิดขึ้นกับพระองค์อย่างแน่นอน
ครั้นตกดึก พวกสุนัขจิ้งจอกออกมาหากินที่ป่าช้า เมื่อพระเจ้าสีลวราชและบริวารเห็น ก็ตะเพิดไล่พร้อมๆ กัน ทำให้พวกสุนัขจิ้งจอกตกใจวิ่งหนีไป แต่เมื่อเหลียวกลับมา มองไม่เห็นใครติดตามมา จึงเข้าไปใหม่ ก็ถูกตะเพิดไล่ออกมาอีก เป็นอย่างนี้ถึง ๓ ครั้ง สุนัขจิ้งจอกจึงรู้ว่า คนเหล่านี้ถูกฝังอยู่ในหลุมขยับเขยื้อนไม่ได้ จึงเข้าไปใหม่อีกครั้ง ตัวจ่าฝูงกระโดดเข้าไปก่อน หมายจะขย้ำพระศอของพระราชา พระองค์ทรงใช้ความว่องไวเอาคางกดที่คอของมันลงกับพื้นดินไว้แน่น มันร้องและดิ้นตะกุยดินเป็นการใหญ่

ฝูงสุนัขจิ้งจอกได้ยินเสียงของจ่าฝูง ก็รู้ว่ามีอันตรายเกิดขึ้น ต่างพากันหนีเอาตัวรอดไปหมด เมื่อดินรอบๆ พระศอของพระราชาหลวมแล้ว พระองค์จึงค่อยปล่อยมันไป และถอนตนเองขึ้นจากหลุมได้ จากนั้นพระองค์รีบช่วยอำมาตย์ทั้งหมดให้ขึ้นจากหลุมด้วย

คืนนั้น มียักษ์ ๒ ตน ทะเลาะกันเรื่องแบ่งซากศพ ต่างตกลงกันไม่ได้ เมื่อเห็นพระเจ้าสีลวราชผู้ทรงทศพิธราชธรรมประทับอยู่ใกล้ๆ จึงพากันไปเข้าเฝ้าพระองค์ และกราบทูลให้ช่วยแบ่งซากศพ พระองค์ตรัสว่า "ตอนนี้ร่างกายของเรายังไม่สะอาด ขอให้เราได้ชำระล้างร่างกายก่อน"

ยักษ์ทั้งสองจึงไปเอาน้ำอบและผ้าสาฎกชุดใหม่มาถวาย จากนั้นพระราชาตรัสว่า ตอนนี้พระองค์กำลังหิว ยักษ์ก็รีบไปนำพระกระยาหารมาถวาย พระราชารับสั่งให้ไปเอาพระขรรค์มาให้ และผ่าศพที่ยักษ์นำมาเป็นสองส่วนแบ่งให้ยักษ์เท่าๆ กัน

เมื่อยักษ์กินอิ่มแล้ว ก็ทูลถามว่าจะให้ช่วยอะไรพระองค์ได้บ้าง พระราชาจึงรับสั่งให้ยักษ์พาพระองค์ไปที่ห้องบรรทมของพระเจ้าโกศล และให้พาหมู่อำมาตย์ทั้งหมดกลับบ้าน ซึ่งยักษ์ทั้งสองทำตามทุกอย่าง เมื่อพระเจ้าสีลวราชเสด็จเข้าไปในห้องบรรทมของพระเจ้าโกศล เอาปลายพระขรรค์วางแนบพระอุทรของพระเจ้าโกศล ซึ่งกำลังบรรทมหลับ พระองค์รู้สึกตัวตื่นขึ้นด้วยความตกพระทัยกลัวตาย ทูลอ้อนวอนให้พระเจ้าสีลวราชไว้ชีวิตด้วย

พระเจ้าสีลวราชทรงเป็นพระธรรมราชา มีพระหฤทัยประกอบด้วยความเมตตา ได้ตรัสเล่าความจริงทั้งหมด ทรงไว้ชีวิตพระเจ้าโกศล และให้อภัยทุกอย่าง พระเจ้าโกศลทรงรำพึงว่า " แม้แต่ยักษ์ที่กินเลือดเนื้อมนุษย์ ยังรู้ถึงคุณของพระองค์ แต่หม่อมฉันเป็นมนุษย์แท้ๆ ยังไม่รู้ซึ้งถึงคุณของพระองค์ผู้สมบูรณ์ด้วยศีลเลย ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หม่อมฉันจะไม่ประทุษร้ายพระองค์อีก" ทรงทำสัตย์ปฏิญาณ และกราบทูลขอขมากับ พระเจ้าสีลวราช

รุ่งเช้า พระเจ้าโกศลให้บรรดาเสนามาตย์ พราหมณ์ คฤหบดีทุกหมู่เหล่า มาประชุมกัน และประกาศสรรเสริญคุณของพระเจ้าสีลวราชท่ามกลางบริษัทนั้นอีกครั้ง จากนั้นพระองค์ทรงลงอาญาอำมาตย์ผู้ยุยงให้พระองค์ต้องมาเข่นฆ่าผู้อื่น แล้วเสด็จกลับแคว้นโกศล

เราจะเห็นว่า หากมีศีลบริสุทธิ์ คือ มีความบริสุทธิ์ทั้งกาย วาจา ใจ แม้ในภาวะวิกฤติ ก็สามารถเปลี่ยนเป็นโอกาสได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีความเมตตาปรารถนาดีต่อบุคคลอื่นด้วยความบริสุทธิ์ใจ แม้อมนุษย์ยังคุ้มครองรักษา เหมือนพระบรมโพธิสัตว์ ท่านพ้นภัยพาลทั้งหลายมาได้ ด้วยอาศัยความบริสุทธิ์ และ บุญบารมีของตัวท่าน ความบริสุทธิ์จะยั้งหยุดสิ่งที่ไม่ดี หรือ คนไม่ดีที่จะมาประทุษร้ายเรา จะช่วยเปลี่ยนจากดำให้เป็นขาว จากความมืดเป็นความสว่าง ถ้าใจเราบริสุทธิ์จริงๆ

เพราะฉะนั้น เราต้องมีหัวใจดุจเดียวกับพระโพธิสัตว์ เมื่อคิดจะทำอะไรที่ดีงาม จะต้องทำให้สำเร็จให้ได้ มีกำลังเรี่ยวแรง มีสติปัญญา มีความเพียรเท่าไร ก็ทุ่มเทให้เต็มที่ อย่าไปมัวมองดูปัญหา หรืออุปสรรคที่ทำให้กำลังใจถดถอย แต่จงมองดูอานิสงส์ใหญ่ที่จะเกิดขึ้น กำลังใจของเราจะได้สูงส่งตลอดเวลา และทุ่มให้สุดตัว ผังแห่งการทำจริง ก็จะติดตัวเราไปตลอด
เราจะพบแต่คำว่า สำเร็จ คำว่าไม่สำเร็จ ไม่ได้ จะไม่มีในใจของพวกเรานักสร้างบารมี โดยเฉพาะการฝึกฝนใจให้หยุดนิ่งเพื่อให้เข้าถึงพระธรรมกาย เป็นสิ่งที่ต้องเพียรพยายามเรื่อยไป เพราะธรรมกายเป็นเป้าหมายของชีวิตที่แท้จริง ขอให้พวกเราตั้งใจปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกายให้ได้กันทุกคน

พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)

*มก. มหาสีลวชาดก เล่ม ๕๖ หน้า ๖๐

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘