มงคลที่ ๒๗ มีความอดทน - ขันติธรรมชำนะกิเลส

ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ของความอดทน ๕ประการ คือ ผู้อดทนย่อมเป็นที่รัก เป็นที่ชอบใจของคนเป็นอันมาก เป็นผู้ไม่มากด้วยเวร เป็นผู้ไม่มากด้วยโทษ เป็นผู้ไม่หลงกระทำกาละ และเมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ของความอดทนมี ๕ประการอย่างนี้แล
มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาความสงบสุขในชีวิต จึงพากันแสวงหาสิ่งที่จะเป็นที่พึ่งให้แก่ตนเอง ที่พึ่งที่ระลึกที่จะนำความสุขมาให้นั้น ไม่ได้อยู่นอกตัวเลย มีอยู่ในตัวของเรา คือ พระรัตนตรัย ซึ่งเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด ปราศจากมลทิน คือ กิเลสอาสวะทั้งหลาย เมื่อเข้าถึงพระรัตนตรัยแล้ว จะรู้เรื่องราวของชีวิตได้ เพราะใจบริสุทธิ์ปราศจากนิวรณธรรม เริ่มต้นด้วยการฝึกใจของเราให้หยุดนิ่งอย่างสมบูรณ์ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่๗ หยุดในหยุด ปล่อยจิตให้ดำเนินเข้าไปสู่เส้นทางสายกลางไปเรื่อยๆ จนกระทั่งใจใสบริสุทธิ์เข้าถึงธรรมกาย ก็จะสามารถรู้เห็นสิ่งต่างๆไปตามความเป็นจริง
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน อขันติสูตร ว่า…
ดู ก่อนภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ของความอดทน ๕ประการ คือ ผู้อดทนย่อมเป็นที่รัก เป็นที่ชอบใจของคนเป็นอันมาก เป็นผู้ไม่มากด้วยเวร เป็นผู้ไม่มากด้วยโทษ เป็นผู้ไม่หลงกระทำกาละ และเมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ของความอดทนมี ๕ประการอย่างนี้แล
ความอดทน คือ การรักษาสภาวะของใจให้เป็นปกติ ไม่ว่าจะกระทบกับสิ่งที่พึงปรารถนา หรือไม่พึงปรารถนาก็ตาม งานทุกชิ้นในโลกที่สำเร็จขึ้นได้ จำเป็นต้องอาศัยขันติความอดทนเป็นพื้นฐาน พระพุทธองค์ตรัสยกย่องขันติธรรมว่า ยกเว้นปัญญาแล้ว ขันติเป็นคุณธรรมอย่างยิ่ง
ให้ดูตัวอย่างหญ้าแพรก ซึ่งอดทนต่อทุกสภาพดินฟ้าอากาศ จึงสามารถดำรงอยู่ได้ จะร้อนหรือหนาวก็ทนได้ ไม่เฉาตาย ในวันไหว้ครู จึงนิยมนำหญ้าแพรกมาบูชาครู เพราะเป็นสัญลักษณ์แทนความอดทน ในชีวิตของเราก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าเราจะเป็นผู้มีความรู้น้อย มีกำลังทรัพย์น้อย แต่ถ้ามีความขยันหมั่นเพียร และอาศัยความอดทนแล้ว ก็ย่อมประสบความสำเร็จในชีวิตได้ ความอดทนนี่แหละ จะทำให้เราเป็นยอดคน จะเปลี่ยนจากคนธรรมดากลายมาเป็นพระอริยเจ้าได้
*เหมือนอย่าง พระองคุลิมาลเถระ ก่อนบวชท่านฆ่าคนมามาก เพราะหลงเชื่อถ้อยคำของอาจารย์ที่คิดจะฆ่าท่านทางอ้อม โดยออกอุบายว่า ถ้าอยากเรียนจบหลักสูตรวิชาที่จะทำให้ได้เป็นเจ้าโลก ก็ให้ไปตัดนิ้วมือมนุษย์มา ๑,๐๐๐องคุลี จึงจะสอนวิชาความรู้ให้ องคุลิมาลเป็นคนฉลาดแต่ไม่ได้เฉลียวใจ อาจารย์ว่าอย่างไรก็ว่าตาม จึงเที่ยวออกไปฆ่ามนุษย์แล้วตัดเอานิ้วมือมาร้อยเป็นพวงมาลัยคล้องคอ จากที่เคยชื่อว่า อหิงสกุมาร คือ กุมารผู้ไม่เบียดเบียนใคร ก็ได้ฉายานามใหม่ว่า องคุลิมาล
เมื่อฆ่ามนุษย์หนักเข้า อกุศลจิตเข้าครอบงำ เจอใครเป็นฆ่าหมดเพื่อจะเอานิ้วมือ ทำให้เป็นที่หวาดผวาของคนทั้งเมือง ใครได้ยินชื่อองคุลิมาลเป็นต้องขนลุกชูชันตกอกตกใจ เหมือนมัจจุราชจะมาคร่าเอาชีวิตไปอย่างนั้น เพราะท่านเป็นผู้ที่มีฤทธิ์มีเดชมาก แม้ชายฉกรรจ์รวมกันเป็นสิบคน ยี่สิบคน เพื่อจะฆ่าท่าน ก็สู้ไม่ได้ มีแต่ถูกฆ่าตายจนหมดสิ้น ทำให้ชาวบ้านที่เคยอยู่กันเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ต้องอพยพหลบหนีเข้าไปอาศัยอยู่ในหมู่บ้านใหญ่ๆ
อาศัยมหากรุณาธิคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงเห็นในข่ายพระญาณว่า องคุลิมาลผู้นี้เป็นผู้ที่สั่งสมบุญเก่ามาดี เป็นหนึ่งในอสีติมหาสาวกของพระองค์ แต่เพราะไม่ได้พบกัลยาณมิตร จึงทำให้ชีวิตดำเนินผิดพลาดไปฆ่าคน และ กำลังจะทำมาตุฆาต คือ ฆ่ามารดาของตนเอง อันจะเป็นเหตุให้ไปสู่อเวจีมหานรก ต้องชดใช้กรรมอีกยาวนานนับภพนับชาติไม่ถ้วน จึงประสงค์จะให้ท่านหยุดทำปาณาติบาต เปลี่ยนจากผู้ดุร้ายกลายมาเป็นสมณะผู้สงบ หยุดการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตอีกต่อไป
ในเช้าตรู่ของวันนั้น พระบรมศาสดาทรงถือบาตร เสด็จออกจากพระคันธกุฎีตามลำพัง ทรงปรากฏกายต่อหน้าองคุลิมาล ซึ่งกำลังวิ่งไล่มารดาของตนเอง ผู้หวังจะมาเตือนลูกชายให้หนีไปไกลๆ จะได้ไม่ถูกพระราชาจับไปประหารชีวิต เพราะพระเจ้าปเสนทิโกศลพร้อมด้วยทหารมากมาย กำลังกรีฑาทัพออกจากพระนคร เพื่อจะมาจับองคุลิมาลเพียงคนเดียว เนื่องจาก องคุลิมาลถูกอกุศลเข้าครอบงำเสียแล้ว จึงไม่ได้สนใจว่าผู้ที่อยู่ข้างหน้าเป็นใคร หวังแต่จะตัดเอานิ้วมือไปให้ได้ครบ ๑,๐๐๐ จะได้เรียนวิชาเป็นเจ้าโลก
เมื่อเห็นว่ามีผู้มายืนขวางหน้า องคุลิมาลจึงเปลี่ยนจากที่จะวิ่งไล่ฆ่ามารดาของตนเอง มาเป็นไล่ล่าพระบรมศาสดาแทน องคุลีมาลถือดาบติดตามพระพุทธองค์ไปทางพระปฤษฎางค์ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบันดาลอิทธาภิสังขาร แม้ว่าองคุลิมาลจะวิ่งจนสุดกำลัง ก็ไม่อาจทันพระพุทธองค์ ผู้เสด็จดำเนินไปตามปกติได้
องคุลิมาลคิดว่า น่าอัศจรรย์จริงหนอ ไม่เคยมีเลย เมื่อก่อนแม้ช้างกำลังวิ่ง ม้ากำลังวิ่ง รถกำลังแล่น เราก็ยังวิ่งตามทัน แต่ว่าเดี๋ยวนี้เราวิ่งจนสุดกำลัง ยังไม่อาจทันสมณะผู้ซึ่งเดินไปตามปกติได้ เมื่อเหนื่อยอ่อนจึงหยุดยืนกล่าวกับพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า...
“สมณะหยุด สมณะหยุดก่อน”
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า “เราหยุดแล้ว แต่ท่านยังไม่หยุด”
องคุลิมาลได้ ฟังแล้วก็สงสัย จึงทูลว่า “ดูก่อนสมณะ ท่านกำลังเดินอยู่กล่าวว่า หยุดแล้ว ซ้ำยังบอกข้าพเจ้าผู้หยุดแล้วว่าไม่หยุด ดูก่อนสมณะ ท่านหยุดแล้วเป็นอย่างไร ข้าพเจ้ายังไม่หยุดเป็นอย่างไร”
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า “ดู ก่อนองคุลิมาล เราวางอาชญาในสรรพสัตว์ จึงชื่อว่าหยุดแล้ว ส่วนท่านไม่สำรวมในสัตว์ทั้งหลาย เพราะฉะนั้นเราจึงชื่อว่าหยุดแล้ว ส่วนท่านยังไม่หยุด”
องคุลิมาลเป็นคนมีปัญญา ได้ฟังนัยอันลึกซึ้งเช่นนั้นก็กลับได้สติขึ้นมา จึงทิ้งดาบลงไปในเหวลึก แล้วทูลว่า “ข้าแต่สมณะ ท่านมาถึงป่าใหญ่เพื่อจะสงเคราะห์ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจักละบาป และฟังถ้อยคำของท่าน” แล้วจึงทูลขอบรรพชากับพระพุทธองค์
นับแต่ท่านบวชแล้ว เศษกรรมยังตามมารังควานท่าน ทั้งกายและใจอยู่ตลอดเวลา เวลานั่งสมาธิก็มีภาพของเจ้ากรรมนายเวรตามมารังควาน ทำให้ใจไม่สงบ เวลาออกบิณฑบาตในยามเช้า มหาชนผู้ที่สูญเสียญาติอันเป็นที่รัก เพราะถูกองคุลิมาลฆ่า วันแรกๆ จากที่ได้ยินว่า พระองคุลิมาลออกมาบิณฑบาต ก็พากันวิ่งหลบหนีเข้าบ้าน เพราะกลัวจะถูกฆ่า ท่านจึงได้แต่อุ้มบาตรเปล่ากลับวัดไป ภายหลังมหาชนเปลี่ยนจากกลัวมาเป็นเกลียด จึงพากันขว้างปาก้อนหินใส่ท่าน บาตรแตกบ้าง หัวแตกบ้าง จีวรเปื้อนเลือด เดินโซกลับวัดพระเชตวัน ช่างน่าเวทนายิ่งนัก
พระผู้มีพระภาคเจ้าทอดพระเนตรเห็นท่านองคุลิมาลเดินมาแต่ไกล ได้ตรัสให้กำลังใจว่า “เธอจงอดทนเถอะ ผลกรรมที่ได้รับในชาตินี้ ไม่ได้เพียงเศษเสี้ยวที่จะต้องไปรับในมหานรก ซึ่งเผ็ดร้อนกว่านี้มากมายหลายเท่านัก”
พระองคุลิมาลอาศัยความอดทนมีขันติธรรมเป็นเลิศ หมั่นฝึกฝนใจให้หยุดนิ่งเรื่อยไป ในที่สุด...ท่านสมปรารถนาได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ไม่ต้องเวียนว่ายในสังสารวัฏอีกต่อไป
จากเรื่องนี้จะเห็นได้ว่า อาศัยความอดทนเพียงอย่างเดียว สามารถเปลี่ยนจากปุถุชนคนธรรมดา ให้กลายมาเป็นพระอริยเจ้าได้ การจะสร้างบารมีอะไรสักอย่าง ก็ต้องอาศัยความอดทนทั้งนั้น โดยเฉพาะการสร้างบารมีเป็นทีม เพื่อไปให้ถึงที่สุดแห่งธรรมนั้น ต้องอาศัยกำลังใจที่สูงส่ง ต้องใช้ความอดทนเป็นตบะธรรมอันสูงสุด
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสรรเสริญว่า ขันติ คือ ความอดทน เป็นตบะอย่างยิ่ง อุปสรรค แม้สูงตระหง่านเทียมฟ้า ก็สามารถพังทลายลงมาให้ราบเป็นหน้ากลองได้ เพราะอาศัยความอดทนนี่แหละ กิเลสอาสวะต่างๆที่ห่อหุ้มนอนเนื่องอยู่ในจิตใจ มานับภพนับชาติไม่ถ้วน จะถูกขจัดออกไปได้ ความอดทนเป็นตบะที่จะแผดเผาให้กิเลสเร่าร้อน เมื่อกิเลสเร่าร้อนก็หลุดร่อนออกจากใจของเรา
ดังนั้น ให้ทุกท่านหมั่นฝึกฝนอบรมตนเอง ให้เป็นผู้มีความอดทนเป็นเลิศ มีความอดทนเป็นธรรมาวุธที่จะเอาชนะกิเลสอาสวะทั้งปวง และก็ให้หมั่นนั่งธรรมะ กลั่นกาย วาจา ใจ ให้ใสสะอาดบริสุทธิ์ หยุดนิ่งเป็นประจำสม่ำเสมอ ทำกันไปจนกว่าจะเข้าถึงพระธรรมกายกันทุกคน
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
*มก. อังคุลิมาลสูตร เล่ม ๒๑ หน้า ๑๔๑

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘