มงคลที่ ๒๐ สำรวมจากการดื่มน้ำเมา - ชีวิตและชาติพินาศเพราะสุรา



มงคลที่ ๒๐
สำรวมจากการดื่มน้ำเมา
ชีวิตและชาติพินาศเพราะสุรา
คนใดเป็นนักเลงหญิง นักเลงสุรา และนักเลงการพนัน
ย่อมล้างผลาญทรัพย์ที่ตนได้แล้ว
ข้อนั้นเป็นปากทางแห่งความเสื่อม

ธรรมดาของสรรพสัตว์ และสรรพสิ่งทั้งหลาย ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความเสื่อม แม้แต่ร่างกายของเราก็เสื่อมถอยไปตามลำดับจากวัยทารกไปสู่วัยเด็ก วัยรุ่น วัยหนุ่มสาว วัยกลางคน วัยแก่ชรา นั่นเป็นความเสื่อมที่เรามองเห็นได้ ชีวิตถูกความเสื่อมครอบงำ แล้วนำไปสู่ความตาย คือ ในที่สุดก็ต้องเสื่อมสลายไปหมด เพราะฉะนั้น เราจึงไม่ควรประมาทในการดำเนินชีวิต ควรมองให้เห็นโทษของความเสื่อมนั้น ใจจะได้คลายจากความยึดมั่นถือมั่นในโลกทั้งปวง แล้วมุ่งแสวงหาหนทางแห่งความหลุดพ้น

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ใน ปราภวสูตร ว่า

อิตฺถีธุตฺโต สุราธุตฺโต อกฺขธุตฺโต จ โย นโร
ลทฺธํ ลทฺธํ วินาเสติ ตํ ปราภวโต มุขํ

คนใดเป็นนักเลงหญิง นักเลงสุรา และนักเลงการพนัน
ย่อมล้างผลาญทรัพย์ที่ตนได้แล้ว ข้อนั้นเป็นปากทางแห่งความเสื่อมŽ

ไม้ขีดไฟเพียงก้านเดียว อาจเผาผลาญเมืองทั้งเมืองให้มอดไหม้ไปได้ สุรายาเสพติดแม้เพียงเล็กน้อย อาจทำลาย ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเราลงได้เช่นกัน การเป็นนักเลงหญิง หมายถึง ชอบเที่ยวสำส่อน ไม่สำรวมระวังในกาม ซึ่งเป็นทางมาแห่งความเสียทรัพย์ เสียชื่อเสียง เป็นนักเลงสุรา หมายถึง ดื่มสุราเป็นอาจิณ การดื่มสุราคือทางมาแห่งปัญหา และความทุกข์ที่จะเกิดตามมา เพราะตามปกติตนเองก็มีปัญหาอยู่แล้ว เมื่อดื่มน้ำอุบาทว์นี้เข้าไป ปัญหาก็เพิ่มขึ้นทับทวี โดยเฉพาะคนที่เป็นนักเลงพนัน แสดงว่ากำลังเดินอยู่บนทางแห่งความเสื่อม เสื่อมทั้งชีวิตและทรัพย์สิน เสื่อมทั้งสุขที่จะได้รับในปรโลก เพราะคนที่เป็นนักเลงหญิง นักเลงการพนันและนักเลงสุรา คือผู้ที่กำลังเดินทางสู่อบายภูมิอย่างแท้จริง

*ในอดีตกาล มีนายพรานคนหนึ่งชื่อว่า สุระ เป็นชาวแคว้นกาสี เขาเข้าไปหาของป่าในป่าหิมพานต์ ได้ไปพบต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง มีโพรงขนาดใหญ่เท่าตุ่ม ภายในโพรงมีผลสมอ มะขามป้อม เถาพริกไทย เมล็ดข้าวเปลือก และเมล็ดข้าวสาร ที่หล่นจากต้นไปรวมกันอยู่ในนั้น เมื่อฝนตกก็มีน้ำขัง ครั้นแสงแดดส่องมา จึงเกิดการหมัก สิ่งต่างๆ ที่อยู่ในโพรงกลายเป็นน้ำที่มีรสชาติเปลี่ยนไป และมีสีแดง

นายพรานสุระเห็นสัตว์ต่างๆ มาดื่มกินน้ำในโพรงนั้น แล้วเกิดอาการมึนเมา และม่อยหลับไปสักพักหนึ่งจึงจะลุกขึ้นได้ เขาเห็นแล้วรู้สึกแปลกใจ จึงไปลองดื่มน้ำสีแดงนั้นดูบ้าง ก็เกิดอาการมึนเมาเหมือนกัน ถึงกระนั้น ก็ยังติดใจในรสชาติของน้ำเมานั้น ต่อมาเขานำน้ำเมานั้น ไปถวายดาบสรูปหนึ่ง ดาบสก็ติดใจในรสชาติของมันอีกเช่นกัน ทั้งสองจึงปรึกษากันว่า จะใช้น้ำเมานี้เป็นหนทางทำมาหากิน จึงตักไปถวายพระราชา พระราชาเสวยแล้วทรงมึนเมา และรู้สึกติดอกติดใจ จึงบัญชาให้คนทั้งสองเข้าป่า เพื่อไปนำน้ำเมานั้นมาถวายอีก ทั้งสองจึงจดจำส่วนผสมของน้ำเมาจากโพรงไม้ และนำมาปรุงขายเองในเมือง น้ำเมานั้นจึงได้ชื่อว่า สุราŽ ตามชื่อของนายพราน

เมื่อเขาปรุงสุราขาย คนทั้งเมืองต่างพากันดื่มสุรา เมื่อดื่มแล้วมีแต่ความประมาทมัวเมา ไม่ทำงาน จึงยากจนเข็ญใจไปตามๆ กัน ในที่สุดเมืองนั้นก็ถึงความพินาศย่อยยับ เป็นเหมือน เมืองร้าง ทั้งสองพากันหลบหนีออกจากเมืองนั้น ไปเมืองพาราณสี และเมืองสาเกตตามลำดับ และทำให้ทั้งสองเมืองถึงความพินาศเพราะฤทธิ์สุราเช่นเดียวกัน

ต่อมา ทั้งสองได้เดินทางไปเมืองสาวัตถี และแสดงความ ประสงค์ที่จะปรุงสุราถวายพระราชาอีก โดยขอพระราชทานรากไม้ แป้งข้าวสาลี และตุ่ม ๕๐๐ ใบ เมื่อได้รับพระราชทานแล้ว ก็ต้มสุราและตักใส่ตุ่มทั้ง ๕๐๐ ใบ ขณะกำลังตักใส่ตุ่ม มีสุราบางส่วนไหลออกมาเปื้อนข้างตุ่ม เขาเกรงว่าหนูจะมารบกวน จึงนำแมวมาผูกไว้ข้างๆ ตุ่มสุรา พวกแมวต่างพากันเลียกินสุราที่ไหลออกมาจากตุ่ม จนเกิดอาการมึนเมาหลับไป พวกหนูจึงมาแทะหู แทะจมูก หนวด และหางแมวเล่น

เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาของคนสอดแนมของพระราชา เขาจึงไปกราบทูลพระราชา พระราชาทรงเข้าใจผิดคิดว่าคนทั้งสองกำลังปรุงยาพิษเพื่อปลงพระชนม์ จึงสั่งให้ตัดศีรษะคนทั้งสอง เมื่อประหารชีวิตพวกเขาแล้ว มีพระราชโองการให้ทุบตุ่มทั้ง ๕๐๐ ใบ แต่ยังไม่ทันทุบตุ่มทิ้ง พวกแมวก็สร่างเมา พากันลุกขึ้นมาวิ่งเล่นได้ตามปกติ พระราชาจึงคิดว่า ถ้าน้ำสุรานี้เป็นยาพิษจริง แมวคงตายไปแล้ว จึงนึกอยากจะลองเสวยบ้าง

ด้วยเดชะบุญ ท้าวสักกเทวราชทรงเล็งเห็นว่า พระราชาพระองค์นี้เป็นผู้ที่มีคุณธรรม ทรงบำรุงบิดามารดาเป็นอย่างดีมาตลอด และทรงประพฤติกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริตมาตลอดพระชนม์ชีพ หากพระองค์พลาดพลั้งดื่มสุราเข้าไป จะทรงตกอยู่ในความประมาท สุราจะนำความพินาศมาสู่บ้านเมือง และขยายไปทั่วชมพูทวีป ท้าวสักกเทวราชจึงตั้งใจจะมาห้ามปรามพระราชา โดยแปลงเป็นพราหมณ์ถือหม้อสุราใบหนึ่ง ยืนอยู่บนอากาศต่อหน้าพระราชา พลางตรัสท่ามกลางประชุมชนว่า ท่านทั้งหลาย จงซื้อหม้อใบนี้Ž

พระราชาตรัสถามว่า ท่านเป็นใคร ทำไมจึงยืนอยู่บนอากาศได้ แล้วหม้อใบนั้นใช้ทำอะไรได้บ้างŽ พราหมณ์แปลงจึงกล่าวถึงโทษของสุราว่า
หม้อใบนี้บรรจุ สุรา ดื่มแล้วจะเมามายขาดสติเดินโซเซตกลงไปในบ่อ ในหลุมน้ำครำ หรือหลุมโสโครกก็ได้ จะกล้ากินของที่ไม่ควรกิน จะเที่ยวไปในที่ต่างๆ โดยไม่มีจุดหมาย จะทำตัวเหมือนคนอนาถา กล้าฟ้อนรำขับร้องโดยไม่อายใคร กล้าเปลือยกายเดินตามถนนหนทาง จะมีจิตลุ่มหลง นอนตื่นสาย แม้ไฟไหม้ก็ยังนอนอยู่ได้ จะนอนจมอยู่ในอาเจียนของตนก็ได้ จะนั่งคุยโวพร่ำเพ้อในที่ประชุมชน และมักจะทำสิ่งทุจริตต่างๆ จนถูกจองจำ ถูกฆ่า และเสื่อมจากโภคทรัพย์สมบัติทั้งหลาย
ใครดื่มสุราเข้าไปจะเห็นช้างตัวเท่าหมู จะคิดว่าโลกทั้งโลกเป็นของเขาคนเดียว จึงมักจะก่อการทะเลาะวิวาท และยังส่งผลให้มีผิวพรรณหยาบกร้าน จะเป็นคนหยาบช้า กล้าด่าว่ากระทั่งพ่อแม่ แม้เป็นพ่อสามีก็สามารถจับมือถือแขนลูกสะใภ้ด้วยอำนาจกามราคะ หญิงใดดื่มสุราแล้วจะกลายเป็นคนหยาบคาย ด่าพ่อแม่สามี และสามีตนเอง จะกล้าประพฤติผิดแม้กับทาสหรือคนรับใช้ น้ำสุราจะทำให้ตระกูลล่มสลาย และทรัพย์สินเงินทองก็จะพินาศย่อยยับ

ผู้ดื่มสุราจะกล้าประหารสมณพราหมณ์ กล้าประพฤติทุจริตทั้งกาย วาจา ใจ กล้าโกหกเพื่อแลกกับทรัพย์สินเงินทอง จะหมดความละอาย แม้เป็นคนที่มีปัญญา ก็ยังอดพูดมากไม่ได้ ฤทธิ์สุราจะทำให้ไม่กินข้าวไม่กินน้ำ จะนอนคอพับเหมือนโคที่มีหม้อน้ำผูกถ่วงคอไว้ หรือนอนกลิ้งเกลือกบนพื้นดินดุจลูกสุกร หมดสง่าราศรี และมีแต่จะถูกครหานินทาŽ

ครั้นพระราชาได้สดับฟังโทษของสุราแล้ว เกิดความสลดใจ และสำนึกในบุญคุณของพราหมณ์ที่มาเตือน จึงพระราชทานทรัพย์สินมากมายให้แก่พราหมณ์ แต่พราหมณ์ไม่รับ และได้แสดงตัวเป็นท้าวสักกะ พระองค์ประทานโอวาทให้พระราชาทรงงดเว้นการดื่มสุรา และบำเพ็ญสุจริตธรรมต่อไป จากนั้นจึงเสด็จกลับทิพยวิมาน เมื่อพระราชาเห็นทุกข์เห็นโทษของสุราแล้ว ทรงรับสั่งให้ทำลายตุ่มสุราทิ้งทั้งหมด ทรงสมาทานศีล บริจาคทานตลอดพระชนมายุ ครั้นละจากโลกก็ไปบังเกิดในสวรรค์

เพราะฉะนั้นการดื่มสุราหรือของมึนเมานั้นไม่ดีเลย สามารถทำให้อาณาจักรถึงกับล่มสลายได้ และนำความวิบัติมาให้แก่ผู้ดื่ม ทั้งในโลกนี้ และโลกหน้า วิบัติในโลกนี้คือ สุราจะผลาญทุกสิ่งทุกอย่างของเรา ตั้งแต่ผลาญทรัพย์สินเงินทอง ผลาญมิตรไมตรี ผลาญเกียรติยศศักดิ์ศรี ผลาญสติปัญญา และผลาญชีวิต วิบัติในโลกหน้าคือ เมื่อละจากโลกนี้ไปแล้ว คนที่ดื่มสุรายาเสพติดจะต้องไปรับทุกข์ทรมานอยู่ในนรก ไม่มีเวลาว่างเว้นจากความทุกข์ทรมานเลย

พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ท่านเคยกล่าวไว้ว่า การ ดื่มสุรา ไม่ใช่ของพอดีพอร้าย สุราเกิดขึ้นในประเทศใด ประเทศนั้นก็ย่อยยับ สุราติดอยู่กับคนใด คนนั้นก็อับจน เพราะเมื่อดื่มสุราเข้าไปแล้ว คนดีๆ ก็กลายเป็นคนเสีย คนที่มีสติดีก็กลายเป็นคนสติเสีย อย่างนี้เรียกว่า ฆ่าตนเองทั้งเป็น

ดังนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสไว้ในมงคลสูตรว่า การสำรวมจากการดื่มน้ำเมาเป็นมงคลอันสูงสุด ซึ่งการที่เราจะเว้นขาดจากการดื่มน้ำเมา หรือเสพสิ่งเสพติดทั้งหลาย จะต้องเห็นโทษเห็นภัยในสิ่งเหล่านั้น และรีบละ เลิกด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง เอาชนะใจตนเองให้ได้ ซึ่งวิธีที่ดีที่สุด คือ จะต้องปฏิบัติธรรม ทำใจให้หยุดนิ่งทุกๆ วัน ใจจะได้มีพลังที่จะเอาชนะความชั่ว หากทำได้เช่นนี้ชีวิตของเราจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เราจะเกิดความรู้สึกว่า อยากจะทำแต่ความดี รังเกียจบาปอกุศล ทำให้ชีวิตเรามีความสุข และความบริสุทธิ์เพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้น ต้องหมั่นปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงธรรมกายให้ได้กันทุกคน
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
*มก. กุมภชาดก เลˆ่ม ๖๑ หน้‰า ๓๑๙

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘