มงคลที่ ๓ บูชาบุคคลที่ควรบูชา - สักการะรอยพระพุทธบาท

มงคลที่ ๓

บูชาบุคคลที่ควรบูชา - สักการะรอยพระพุทธบาท

คนเจ้าราคะ พึงมีรอยเท้ากระหย่ง
คนเจ้าโทสะ ย่อมมีรอยเท้าอันส้นบีบ
คนเจ้าโมหะ ย่อมมีรอยเท้าจิกลง
คนมีกิเลสเครื่องมุงบังเปิดแล้ว มีรอยเท้าเช่นนี้

การสร้างบารมี เป็นหน้าที่หลักของมวลมนุษยชาติ ที่เกิดกันมาในแต่ละภพแต่ละชาติก็มีเป้าหมายอย่างนี้ คือเพื่อที่จะสั่งสมบุญ มุ่งกำจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไป แต่เนื่องจากถูกอวิชชา คือ ความไม่รู้ ครอบงำเห็น จำ คิด รู้ บดบังดวงปัญญาทำให้ลืมเลือนเป้าหมายดั้งเดิมของการเกิดมา ดังนั้นเมื่อมาเกิดครั้งหนึ่งก็ต้องเริ่มต้นใหม่ เพราะภพชาติมาปิดกั้นไว้ ทำให้ระลึกถึงเป้าหมายดั้งเดิมไม่ได้ บางคนก็พลาดพลั้งไปทำบาปอกุศล ต้องตกไปในอบายภูมิ ทำให้สูญเสียเวลาที่จะแสวงหาหนทางพระนิพพาน ฉะนั้นการสั่งสมบารมีนี้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง ที่จะต้องตระหนักไว้ในใจเสมอว่า การกระทำทุกๆ อย่างของเรา จะต้องเป็นไปเพื่อการสร้างบารมีเท่านั้น

มีวาระแห่งภาษิตที่ปรากฏอยู่ใน ขุททกนิกาย ธรรมบท ว่า

"รตฺตสฺส หิ อุกฺกุฏิกํ ปทํ ภเว ทุฏฺฐสฺส โหติ สหสานุปีฬิตํ
มุฬฺหสฺส โหติ อวกฑฺฒิตํ ปทํ วิวฏจฺฉทสฺส อิทมีทิสํ ปทํ

คนเจ้าราคะ พึงมีรอยเท้ากระหย่ง คนเจ้าโทสะ ย่อมมีรอยเท้าอันส้นบีบ คนเจ้าโมหะ ย่อมมีรอยเท้าจิกลง คนมีกิเลสเครื่องมุงบังเปิดแล้ว มีรอยเท้าเช่นนี้"
*รอยเท้าของมนุษย์ทุกคนในโลก มีลักษณะที่แตกต่างกัน เป็นสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกถึงอุปนิสัยได้ คาถาข้างต้น เป็นคำกล่าวของนางพราหมณี มารดาของนางมาคันทิยา ขอย้อนเหตุการณ์สักเล็กน้อย ก่อนที่จะนำเรื่องราวอานิสงส์ของการสักการะรอยพระพุทธบาทมาเล่า นางพราหมณีและพราหมณ์ผู้เป็นสามี มีลูกสาวสวยคนหนึ่งชื่อ มาคันทิยา พราหมณ์ได้แสวงหาบุคคลที่เหมาะสมให้กับลูกสาว จนกระทั่งไปพบพระบรมศาสดา

เมื่อเห็นลักษณะมหาบุรุษของพระบรมศาสดา พราหมณ์คิดว่า บุรุษผู้นี้สมควรที่จะเป็นสามีของลูกสาวเรา จึงเข้าไปหาพระบรมศาสดาเพื่อจะยกลูกสาวให้ และกราบทูลขอให้พระพุทธองค์รออยู่สักครู่ เพื่อตนจะไปตามภรรยาผู้รู้นรลักษณ์มาดูลักษณะมหาบุรุษ ด้วยความที่ไม่รู้ว่า พระบรมศาสดาเป็นใคร และด้วยความดีใจ พราหมณ์รีบกระวีกระวาดกลับเข้าไปในบ้าน เพื่อแจ้งข่าวให้พราหมณีผู้เป็นภรรยาว่า "เราทั้งสองแสวงหาลูกเขยมานาน วันนี้เราได้พบบุรุษที่เหมาะสมกับธิดาของเราแล‰ว แม่เจ้าจงแตˆงตัวลูกสาวเร็วๆ เข‰า แล‰วตามเรามาเถิด"

เขารีบนำทางภรรยาและลูกสาวมาจนถึงสถานที่ประทับยืนของพระบรมศาสดา ครั้นไปถึงกลับไม่พบพระพุทธองค์แล้ว แต่เห็นเพียงรอยพระบาท จึงชี้ให้ภรรยาดูว่า "ดูก่อนพราหมณี รอยเท้านี้เป็นรอยเท้าของบุรุษนั้น"

นางพราหมณีพูดขึ้นทันทีว่า "พราหมณ์เอ๋ย เจ้าหาคนผิดแล้ว รอยเท้าอย่างนี้ เป็นรอยเท้าของผู้ที่หมดกิเลสแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะชวนให้ท่านกลับมาสู่ฆราวาสวิสัย" แม้กระนั้น พราหมณ์ก็ยังคงมีความหวัง ครั้นมองไปรอบๆ เห็นพระบรมศาสดาประทับอยู่ในที่ไม่ไกล จึงชวนกันเข้าไปหา พลางกราบทูลความประสงค์ของตน พระบรมศาสดาทรงปฏิเสธ และตรัสเล่าเหตุการณ์ที่พระองค์ผจญกับธิดามารทั้งสาม ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาสวยงามกว่าลูกสาวของพราหมณ์เป็นร้อยเท่า พันทวี แต่ก็ไม่อาจทำให้พระองค์หวั่นไหวได้ จากนั้นพระองค์ทรงแสดงธรรมโปรดพราหมณ์ เมื่อจบพระธรรมเทศนา พราหมณ์สามีภรรยาก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอนาคามี

ที่ต้อง เล่าเรื่องย้อนหลัง เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับรอยพระพุทธบาท รอยพระพุทธบาทนี้มีเหตุน่าอัศจรรย์อย่างหนึ่ง คือ เมื่อพระพุทธเจ้าทรงประทับรอยพระบาทไว้ ไม่ใช่ว่าจะเห็นกันได้ง่ายๆ ทรงปรารถนาที่จะให้ผู้ใดเห็น ก็จะเห็นเฉพาะผู้นั้น ถึงแม้จะมีสัตว์ใหญ่มาเหยียบย่ำ ฝนจะตก กระหน่ำซํ้าแล้วซํ้าอีก หรือมีลมพายุพัดทำลาย ก็ไม่อาจจะลบรอยพระพุทธบาทให้หายไปได้ นี่เป็นความอัศจรรย์อย่างหนึ่งของรอยพระพุทธบาท

สิ่งใดก็ตามที่เกี่ยวเนื่องกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หากเรามีจิตใจที่เลื่อมใสหนักแน่นไม่คลอนแคลน เราก็สามารถที่จะเข้าถึงอานิสงส์ อันจะบังเกิดขึ้นจากการบูชาสักการะรอยพระพุทธบาทได้ เพราะมีเรื่องราวในอดีตที่นักสร้างบารมีสมัยก่อน เพียงมีความเลื่อมใสอย่างตั้งมั่นในรอยพระพุทธบาท โดยแสดงความเคารพสักการะด้วยใจที่น้อมนึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ได้อานิสงส์ใหญ่ที่เกินควรเกินคาด เรื่องมีอยู่ว่า

*ในสมัยของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า ติสสะ มีมาณพหนุ่มคนหนึ่งบังเกิดในตระกูลที่มีศรัทธา ตระกูลนี้ได้ปวารณาตนเป็นพุทธมามกะทั้งตระกูล จึงเป็นตระกูลที่มีความศรัทธาเลื่อมใสในพระรัตนตรัยอันไม่คลอนแคลน เมื่อผู้ใหญ่มีความเลื่อมใสในพระศาสนาอย่างนี้ ก็ได้ปลูกฝังความคิดที่ดีให้กับบุตรหลาน ได้นำไปทำบุญฟังธรรมเป็นประจำที่วิหารตั้งแต่ยังเล็ก ทำให้พวกเขาเติบโตมาในท่ามกลางบุคคลที่เป็นสัมมาทิฏฐิ ทุกครั้งที่มองเห็นพระบรมศาสดาทรงแสดงธรรม อุบาสกทˆานนี้ก็บังเกิดความรัก ความเคารพเลื่อมใสในพระบรมศาสดาอย่างยิ่ง ยากที่จะหาผู้ใดเสมอเหมือน พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบความเลื่อมใสที่ไม่มีประมาณของอุบาสกนั้น ก่อนที่จะเสด็จ จาริกไปประกาศพระสัทธรรมในแว่นแคว้นอื่น ทรงปรารถนาที่จะอนุเคราะห์อุบาสกผู้มีความศรัทธาอย่างแรงกล้า จึงแสดงรอยพระบาทด้วยการอธิษฐานว่า "ขออุบาสกนี้ จงมองเห็น รอยบาทของเรา" แล้วเสด็จจาริกไป

หลังจากที่พระบรมศาสดาเสด็จไปแล้ว อุบาสกนั้นก็ มองเห็นพระเจดีย์ คือรอยพระบาทที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงเอาไว้เพื่อหวังอนุเคราะห์ ท่านบังเกิดมหาปีติขนลุกชูชัน ตั้งแต่นั้นมา ท่านกระทำการนับถือด้วยความศรัทธา มีการไหว้และการบูชา ทุกๆ ครั้งที่กราบไหว้บูชาสักการะรอยพระพุทธบาท หัวใจจะน้อมรำลึก สรรเสริญคุณของพระพุทธเจ้า มีพระพุทธเจ้า เป็นอารมณ์ ท่านได้สักการะรอยพระพุทธบาทนี้จนตลอดอายุขัย

ด้วยบุญกรรมที่ตนทำความดี ด้วยการสักการะรอยพระพุทธบาท ครั้นจุติจากอัตภาพนั้นแล้ว ได้ไปบังเกิดในสวรรค์ เสวยทิพยสุขในสวรรค์ยาวนาน เมื่อกลับลงมาเกิดเป็นมนุษย์ ท่านได้เสวยมนุษย์สมบัติที่ละเอียดประณีต ชีวิตไม่เคยตกต่ำใน กัปที่ ๙๒ และในกัปที่ ๗ แต่กัปนี้ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิจอมกษัตริย์พระนามว่า สุเมธะ ทรงสมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ มีพละมาก นี้เป็นผลบุญแห่งการสักการะรอยพระพุทธบาท

ท่านเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสุคติภูมิ จนมาถึงสมัยพุทธกาล บุญส่งผลให้มาบังเกิดในเรือนที่สมบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติและ มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ครั้นเจริญวัยก็ออกบวช ในพระพุทธศาสนา เมื่อบวชไม่นานนัก ท่านก็บรรลุธรรมเป็น พระอรหันต์ ปรากฏนามตามบุญที่ท่านทำไว้ในกาลก่อนว่า ปทสัญญกเถระ วันหนึ่งพระเถระได้ย้อนอดีตดูบุพกรรมของตน เห็นเรื่องราวการสร้างบารมี และความอัศจรรย์แห่งบุญที่เกิดขึ้น เพราะการสักการะรอยพระพุทธบาท ท่านเกิดความโสมนัส พลางเปล่งอุทานว่า

"ผลแห่งบุญ นี้ น่าอัศจรรย์เหลือเกิน เราได้เห็นรอยพระบาทที่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า ติสสะ ทรงประทับรอยไว้ เป็นผู้มีใจร่าเริงโสมนัส ยังจิตให้เลื่อมใสในรอยพระบาท ในกัปที่ ๙๒ แต่กัปนี้ เราไม่เคยไปสู่สุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการสักการะรอยพระพุทธบาท ในภพชาติสุดท้าย เราได้ทำให้แจ้งปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ นี้เป็นผลบุญที่เกิดขึ้นด้วยอานุภาพแห่งการสักการะรอยพระพุทธบาท"

เราจะเห็นว่า การแสดงความเคารพสักการบูชารอยพระพุทธบาทนั้น เป็นบุญใหญ่ เพราะเป็นคุณเครื่องที่จะทำให้เราได้ระลึกนึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อสักการบูชาบ่อยๆ เราย่อมมีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ เพราะรอยพระบาทของพระพุทธองค์ เป็นสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกับพระองค์ เวลาเราบูชา ก็หมายความว่า เรามีใจที่
ผูกพันกับพระพุทธองค์ ใจอยู่ในบุญ อยู่กับความบริสุทธิ์ การทำอย่างนี้มีอานิสงส์ใหญ่ไม่มีประมาณ ดังนั้น ให้ทุกท่านหมั่นตรึกระลึกนึกถึงพระพุทธองค์เสมอๆ กาย วาจา ใจของเราจะได้สะอาดบริสุทธิ์ขึ้นทุกๆ วัน
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
*มก. ประวัตินางมาคันทิยา เล่ม ๔๐ หน้า ๒๖๙

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘