มงคลที่ ๑๓ สงเคราะห์ภรรยา(สามี) - ยอดนารีั ศรีภรรยา


มงคลที่ ๑๓

สงเคราะห์ภรรยา(สามี)
ยอดนารีั ศรีภรรยา

พญาราชสีห์สัญจรไปตามราวไพรใกล้เชิงเขา อาศัยอยู่บนบรรพตเขาหลวง แล้วเที่ยวตะครุบจับสัตว์ ๔ เท้าทั้งน้อยใหญ่ทุกชนิด กัดกินเป็นอาหารได้ ฉันใด สตรีผู้มีศรัทธา เป็นอริยสาวิกาในศาสนานี้ ก็ฉันนั้น เมื่อยังอาศัยภัสดาอยู่ ควรประพฤติยำเกรงสามี ฆ่าความโกรธเสีย กำจัดความตระหนี่ได้แล้ว เธอผู้ประพฤติธรรมโดยชอบ จึงจะรื่นเริงบันเทิงใจอยู่บนสวรรค์

อายตนนิพพาน เป็นธรรมธาตุอันบริสุทธิ์ ที่เปี่ยมไปด้วยบรมสุขอันเป็นอมตะ เต็มไปด้วยกายธรรมอรหัตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย ตลอดจนสรรพสัตว์ทั้งปวงที่เกิดมาในแต่ละภพแต่ละชาติ ต่างมีเป้าหมายที่จะเข้าถึงพระนิพพานทั้งนั้น แต่ถูกอวิชชาห่อหุ้ม ดวงจิต ปิดบังธาตุธรรมเห็น จำ คิด รู้ ทำให้ลืมเลือนเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต ผู้ที่มีใจบริสุทธิ์ มีใจหยุดนิ่งได้อย่างสมบูรณ์เท่านั้น จึงจะสามารถรู้เห็นความเป็นจริงของชีวิตได้อย่างลึกซึ้ง ซึ่งเป็นเรื่องราวที่น่าศึกษาค้นคว้า เราจะศึกษาได้ด้วยวิธีเดียวเท่านั้น คือ ต้องฝึกฝนใจให้หยุดนิ่งอย่างถูกวิธีที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เราจะเข้าถึงแหล่งแห่งความรู้ภายในอันบริสุทธิ์กัน ทุกคน

มีธรรมภาษิตใน ลตาวิมาน ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ ว่า

"พญาราชสีห์สัญจรไปตามราวไพรใกล้เชิงเขา อาศัยอยู่บนบรรพตเขาหลวง แล้วเที่ยวตะครุบจับสัตว์ ๔ เท้าทั้งน้อยใหญ่ทุกชนิด กัดกินเป็นอาหารได้ ฉันใด สตรีผู้มีศรัทธา เป็นอริยสาวิกาในศาสนานี้ ก็ฉันนั้น เมื่อยังอาศัยภัสดาอยู่ ควรประพฤติยำเกรงสามี ฆ่าความโกรธเสีย กำจัดความตระหนี่ได้แล้ว เธอผู้ประพฤติธรรมโดยชอบ จึงจะรื่นเริงบันเทิงใจอยู่บนสวรรค์"

การจะใช้ชีวิตคู่ให้ยั่งยืนจนตลอดชีวิตและมีความสุขตามอัตภาพได้นั้น ภรรยาจำเป็นต้องรู้จักวิธีครองใจสามี จะประพฤติตามใจตัวเองไม่ได้ การอยู่ร่วมกันจึงเป็นการปรับตัวให้เข้ากับสังคมใหม่ และเริ่มสร้างครอบครัวใหม่ที่ไม่มีพ่อแม่มาคอยดูแลเราอีกต่อไป เราจะต้องดูแลตนเอง สามี พ่อแม่ของสามี ดูแลลูกๆ และหมู่ญาติรวมถึงบริวารอีกมากมาย เพราะฉะนั้น ภรรยาที่ดีจึงต้องศึกษาธรรมะที่จะช่วยประคับประคอง และทำให้ชีวิตคู่ราบรื่น โดยเริ่มต้นที่ตนเองก่อน

ธรรมะสำหรับคนดีศรีภรรยามีอะไรบ้างนั้น เรามาฟังตัวอย่างของสตรีผู้ประพฤติธรรม ซึ่งเมื่อละโลกแล้ว อานิสงส์นี้ทำให้นางเป็นที่รักของจอมเทพ ทั้งในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาและดาวดึงส์ เรื่องของนางมีอยู่ว่า
*ในสมัยพุทธกาล มีอุบาสิกา ท่านหนึ่งชื่อว่า ลดา นางเป็นผู้มีสติปัญญา ไม่มักโกรธ จึง ทำให้เป็นที่รักของเพื่อนๆ ตามปกติของหญิงสาวทั่วไป มักจะไปเที่ยวเล่นสนุกสนานกับหมู่เพื่อน แต่นางกลับรักในการทำบุญมากกว่า ทั้งยังชักชวนเพื่อนๆ ไปฟังธรรมที่วัดพระเชตวัน หมั่นรักษาศีลและถวายภัตตาหารพระเป็นประจำ

ครั้นเติบโตเป็นสาว พ่อแม่ให้นางแต่งงานกับชายหนุ่มที่มีฐานะเสมอกัน เมื่อต้องไปเริ่มต้นสังคมใหม่กับครอบครัวของสามี นางยิ่งประพฤติตนให้เป็นที่รักของสามีและพ่อแม่ของสามี พูดจาไพเราะอ่อนหวาน อีกทั้งยังฉลาดในการสงเคราะห์บริวาร รวมถึงการดูแลทรัพย์สมบัติในบ้าน นางจัดการได้เป็นอย่างดี นางไม่มักโกรธ ไม่เจ้าอารมณ์ งดงามด้วยกิริยามารยาทและ ให้ทานเป็นประจำมิได้ขาด วันปกตินางรักษาศีล ๕ ทุกวัน ส่วนวันอุโบสถศีลจะสมาทานศีล ๘ การทำเช่นนี้ ทำให้นางเป็นที่รักที่เกรงใจของสามีและทุกคนในครอบครัว

เมื่อละโลก นางได้ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา เป็นธิดาของท้าวเวสสวัณมหาราช ชื่อว่า ลดาเทพธิดา แม้จะเป็นสวรรค์ชั้นที่ ๑ แต่นางเป็นเทพนารีชั้นสูง เป็นที่รู้จักของเหล่าเทพนารี เพราะนางมีรัศมีสว่างไสว รุ่งเรืองกว่าเทพธิดาองค์อื่นๆ
ลดาเทพธิดามีน้องสาว ๔ องค์ คือ สัชชาเทพธิดา ปวราเทพธิดา อัจฉิมุตีเทพธิดา และสุดาเทพธิดา วันหนึ่งขณะที่เทพธิดาทั้งห้ากำลังขับร้องทิพยสังคีต เกิดการถกเถียงกันว่า ใครฟ้อนรำขับร้องได้ไพเราะกว่ากัน เมื่อตกลงกันไม่ได้ จึงพากันไปเฝ้าท้าวเวสสวัณมหาราชและถามว่า "เสด็จพ่อ ในลูกๆ ทั้งห้านี้ ใครฉลาดในการฟ้อนรำขับร้องมากที่สุด"
แม้ท้าวเวสสวัณมหาราชจะรู้ว่าลดาเทพนารีขับร้องได้ไพเราะที่สุด แต่ไม่อยากให้รู้สึกว่า พระองค์ทรงลำเอียง จึงตอบว่า "ลูกเอ๋ย พวกเจ้าจงไปที่ริมสระอโนดาต และฟ้อนรำขับร้องท่ามกลางเทวสมาคมเถิด แล้วพวกเจ้าจะรู้เองว่า ใครขับร้องได้ไพเราะกว่ากัน" เทพธิดาทั้งหมดจึงเหาะไปยังสระอโนดาตทันที

ขณะลดาเทพนารีกำลังฟ้อนรำขับร้อง เทพบุตรต่างชื่นชมยินดี พากันเปล่งเสียงแสดงความพอใจด้วยการปรบมือ ยกผ้าโบกสะบัดไปมา เกิดโกลาหลกันยกใหญ่ ประหนึ่งว่าป่าหิมพานต์เกิดอาการหวั่นไหว ซึ่งต่างกับเทพธิดาทั้งสี่ที่เมื่อขับร้องฟ้อนรำ เหล่าเทพบุตรทั้งหลายต่างมิได้แสดงอาการใดๆ ได้แต่นั่งนิ่ง เหมือนนกดุเหว่าอยู่ในโพรงฉะนั้น

การฟ้อนรำขับร้องในครั้งนี้ทำให้ชื่อเสียงของลดาเทพนารีขจรกระจายไปถึง สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เทพบุตรเทพธิดาต่างแซ่ซ้องต่อๆ กันไป ทำให้ท้าวสักกเทวราชโปรดให้นำเทพธิดา ทั้ง ๕ องค์มาและตั้งเป็นนางสนม โดยให้เป็นเทพธิดานักฟ้อน ลดาเทพธิดาเป็นที่โปรดปรานของจอมเทพมากที่สุด เพราะนางฉลาดในการฟ้อนรำขับร้องกว่าเทพธิดาองค์อื่น

สุดาเทพธิดาสงสัยว่า พี่ลดาทำกรรมอะไรไว้ ถึงเหนือกว่าพวกเราทั้งยศและรัศมี จึงไต่ถามว่า " ข้าแต่พี่ผู้มีดวงตาเหลือง ปนแดง มีร่างประดับด้วยพวงมาลัยอุบล ผิวพรรณก็งดงามเปล่งปลั่งดั่งทองคำ มีอวัยวะงดงามผ่องใส เหมือนท้องฟ้าที่ปราศจากเมฆหมอก เจ้าพี่ทำบุญอะไรไว้ จึงมียศมาก ทั้งเป็นที่รักและโปรดปรานของพระภัสดา ทั้งฉลาดในการฟ้อนรำ ขับร้องเป็นเยี่ยม ขอโปรดบอกหม่อมฉันด้วยเถิด"

ลดาเทพธิดาตอบว่า "เมื่อครั้งที่พี่ยังเป็นมนุษย์ พี่เป็นลูกสะใภ้ในตระกูลมั่งคั่งตระกูลหนึ่ง พี่เป็นคนไม่มักโกรธ เป็นผู้ประพฤติตนอยู่ใต้บังคับบัญชาของสามี ไม่ประมาทในวันอุโบสถ พี่ไม่เคยคิดนอกใจสามี จึงเป็นที่โปรดปรานยิ่งของสามี และเพราะมีน้ำใจงาม จึงเป็นที่โปรดปรานของสามีรวมทั้งบิดามารดาของสามี ตลอดจนหมู่ญาติและคนรับใช้ชายหญิง พี่จึงมีบริวารและยศมาก เพราะกุศลกรรมนั้น จึงเป็นผู้พิเศษกว่านางฟ้าพวกอื่น ในที่ ๔ สถาน คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ได้เสวยความชื่นชมยินดีอย่างยิ่งเช่นนี้"
สุดาเทพธิดาฟังดังนี้แล้ว จึงหันไปพูดกับพี่สาวทั้งสามว่า "ข้าแต่เจ้าพี่ทั้งสาม เจ้าพี่ลดาได้แถลงถ้อยคำอันน่าสดับยิ่งนัก เจ้าพี่ลดาเป็นแบบอย่างอันดีเยี่ยมสำหรับเราทั้งสี่และนารีทั้งหลาย นารีทั้งหลายพึงประพฤติธรรมต่อสามี เหมือนพญาราชสีห์ตัวสัญจรไปตามราวไพรใกล้เชิงเขา อาศัยอยู่บนบรรพตเขาหลวง เที่ยวตะครุบจับสัตว์ ๔ เท้าใหญ่น้อยทุกๆ ชนิด กัดกินเป็นอาหารได้ ฉันใด สตรีที่มีศรัทธาเป็นอริยสาวิกาในศาสนานี้ ก็ฉันนั้น เมื่อยังอาศัยภัสดาอยู่ ควรประพฤติยำเกรงในสามี ฆ่าความโกรธ กำจัดความตระหนี่ เขาผู้ประพฤติธรรมโดยชอบ จึงรื่นเริงบันเทิงใจอยู่บนสวรรค์"

จากเรื่องนี้ เราจะเห็นได้ว่า การเป็นภรรยาที่ดีนั้น ไม่ใช่เพียงส่งผลดีเฉพาะในปัจจุบันชาตินี้เท่านั้น แต่มีผลถึงปรโลกด้วย เพราะการกระทำของเราในปัจจุบัน ล้วนมีผลต่อตัวเราในอนาคต ทั้งสิ้น สิ่งที่เราทำไม่ได้สูญหายไปไหน ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้และโลกหน้า ต่างเป็นเหตุเป็นผลกันเสมอ เมื่อประกอบเหตุที่ดีในชาตินี้ ย่อมจะส่งผลดีในภพชาติต่อๆ ไป เพราะฉะนั้นสำหรับ ท่านที่มีครอบครัวแล้ว ต้องทำหน้าที่ของตนให้ดี ท่านหญิงขอให้เป็นศรีภรรยา ตั้งแต่จัดการงานในบ้านให้เรียบร้อย อย่าให้ขาดตกบกพร่อง สงเคราะห์คนข้างเคียงของสามีให้ดี ไม่ประพฤติ นอกใจสามี รักษาทรัพย์ที่สามีหามาได้ อย่าได้เกียจคร้านในการงาน และต้องทำหน้าที่ผู้นำบุญยอดกัลยาณมิตร ชักชวนทั้งสามีและทุกคนในครอบครัวให้เข้าวัดปฏิบัติธรรม ทั้งให้ทาน รักษาศีลและเจริญภาวนา ให้เป็นสัมมาทิฏฐิกันทุกคน จะได้เป็นครอบครัวแก้ว ครอบครัวธรรมกาย ครอบครัวตัวอย่างของชาวโลก เมื่อละโลก ย่อมจะมีสุคติโลกสวรรค์เป็นที่ไปกันทุกคน
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
*มก. ลตาวิมาน เล่ม ๔๘ หน้า ๒๓๖

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘