มงคลที่ ๒๕ มีความกตัญญู - พญาเนื้อยอดกตัญู



มงคลที่ ๒๕ มีความกตัญญู
พญาเนื้อยอดกตัญู

เรากินอาหาร กินน้ำ และกินหญ้าของพระราชาแล้ว ข้าแต่พราหมณ์ เราจะไม่พยายามกินอาหารพระราชทานนั้นเปล่าๆ

ความเมตตาปรารถนาดีต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายเป็นทางมาแห่งสันติภาพอันไพบูลย์ หากอยู่ร่วมกันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย มีน้ำใจไมตรีต่อกัน จะทำให้สังคมนั้น เป็นสังคมในอุดมคติที่มีแต่ความสงบสุข ไม่มีการแก่งแย่งรบราฆ่าฟันกัน อย่างที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน ความบริสุทธิ์ที่เกิดขึ้นจากดวงใจของผู้ที่เต็มเปี่ยมด้วยกระแสแห่งเมตตา ธรรมนี้ จะช่วยเชื่อมประสานรอยร้าว ที่เกิดจากความไม่เข้าใจกัน ให้กลับมาสมัครสมานสามัคคี มวลมนุษยชาติก็จะปรองดองกัน หากกระแสแห่งความบริสุทธิ์บังเกิดขึ้นมากเท่าใด สันติภาพของโลกก็จะบังเกิดขึ้นรวดเร็วเท่านั้น การจะทำให้กระแสแห่งความบริสุทธิ์ และความปรารถนาดีขยายออกไปทั่วโลกได้นั้น จะต้องเริ่มจากใจที่ผ่องใสบริสุทธิ์ และหยุดนิ่ง จนความปรารถนาดีที่เต็มเปี่ยมพรั่งพรูออกมา แล้วจะแผ่ขยายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด สันติภาพที่แท้จริงก็จะบังเกิดขึ้นกับโลก

มีวาระพระบาลีใน นันทิยมิคราชชาดก ความว่า

ภุตฺตา มยา นิวาปานิ ราชิโน ปานโภชนํ
ตํ ราชปิณฺฑํ อวโภตฺตุํ นาหํ พฺราหฺมณมุสฺสเห

เรากินอาหาร กินน้ำ และกินหญ้าของพระราชาแล้ว ข้าแต่พราหมณ์ เราจะไม่พยายามกินอาหารพระราชทานนั้นเปล่าๆŽ

ถ้อยคำที่กล่าวนี้ เป็นคาถาบทหนึ่งที่แสดงออกถึงความเป็นผู้ไม่ลืมข้าวแดงแกงร้อนของผู้มี บุญคุณ ถือได้ว่าบุคคลผู้นั้นเป็นบุคคลที่เปี่ยมด้วยความกตัญญูอย่างหาที่ติมิได้ ความกตัญญูเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง แม้แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังให้ ความสำคัญกับความกตัญญูกตเวทีเป็นอย่างมาก ถึงกับตรัสสรรเสริญว่า ใครก็ตามที่มีคุณธรรมอย่างนี้ ย่อมเป็นบุคคลที่หาได้ยากในโลก แม้มนุษย์และเทวดาทั้งหลายก็สรรเสริญ และนับว่าเป็นแบบอย่างที่ดีของมนุษย์ และเทวาไม่ว่าจะดำรงอยู่ในสภาวะใดก็ตามŽ

ผู้ที่มีคุณธรรมเช่นนี้ แม้จะตกอยู่ในสภาพที่ลำบากยากแค้น ก็จะสามารถรอดพ้นจากอันตรายทั้งปวงได้ ด้วยอานุภาพแห่งความกตัญญู เพราะโดยธรรมชาติของผู้ที่มีความกตัญญู ในใจของเขาย่อมจะมีความอ่อนโยน และเปี่ยมล้นด้วยเมตตาธรรม จึงทำให้ปราศจากภยันตรายทั้งปวงได้

*ดังเรื่องในสมัยพุทธกาล ขณะที่พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร ได้สดับว่า มีพระภิกษุรูปหนึ่ง ได้เลี้ยงคฤหัสถ์ ด้วยอาหารที่ได้มาจากการบิณฑบาต จึงทำให้เป็นที่โจษจันของเหล่าเพื่อนสหธรรมิกทั้งหลาย ครั้นพระพุทธองค์ ทรงทราบดังนั้น จึงเสด็จมาตรัสถามถึงความเป็นมาของเรื่อง จริงหรือภิกษุ ที่ว่าเธอได้เลี้ยงดูคฤหัสถ์Ž เมื่อภิกษุนั้นทูลว่า เป็นความจริงพระเจ้าข้า แต่ผู้ที่ข้าพระองค์รับเลี้ยงนั้นเป็นมารดาบิดาของข้าพระองค์เองŽ เมื่อพระพุทธองค์ทรงทราบดังนั้น ก็มิได้ว่ากล่าวติเตียนอะไร แต่กลับกล่าวสรรเสริญว่า ดีแล้วภิกษุที่เธอทำอย่างนี้ เธอได้ชื่อว่า เป็นผู้รักษาวงศ์ของบัณฑิตทั้งหลาย เพราะเมื่อก่อนนี้ โบราณกบัณฑิตถึงแม้ว่าจะเกิดอยู่ในสภาวะใดก็ตาม ในหัวใจนั้นก็เต็มเปี่ยมด้วยความกตัญญู เธอได้ทำสิ่งที่บัณฑิตทั้งหลายสรรเสริญแล้วŽ เพื่อจะตรัสเรื่องนั้นให้แจ่มแจ้งขึ้น ทรงนำเรื่องราวในอดีตมาตรัสเล่าว่า

ครั้งหนึ่ง พระโพธิสัตว์ได้ถือกำเนิดในกำเนิดเนื้อ เมื่อเติบใหญ่ขึ้นได้นามว่า นันทิยมฤค จิตใจของพญาเนื้อนี้ เป็นจิตใจที่ดีงามถึงพร้อมด้วยศีล อาจาระ และความประพฤติทั้งมวล เป็นสัตว์ที่เปี่ยมไปด้วยความกตัญญูเลี้ยงดูมารดาและบิดาเป็นอย่างดี ในป่าใกล้เมืองสาเกต ซึ่งพระราชาพระนามว่า โกศล ครองราชย์อยู่ พระองค์ทรงโปรดปรานการล่าเนื้อมาก ถึงกับไม่ยอมทำพระราชกรณียกิจอย่างอื่นเลย ได้แต่ทรงให้ข้าราชบริพารตามเสด็จเข้าป่า เพื่อล่าเนื้อทุกวัน เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น ข้าราชบริพารจึงปรึกษากันว่า เราจะทำอย่างไรดี ที่จะทำให้พระราชาไม่ทอดทิ้งพระราชกรณียกิจ และพวกเราเองไม่ต้องเสียการเสียงานด้วย เพราะมัวแต่ตามเสด็จเข้าป่าอย่างนี้Ž จึงลงความเห็นว่า จะช่วยกันต้อนเนื้อในป่าทั้งหมด ให้มารวมกันอยู่ในที่แห่งหนึ่งแล้วกั้นเขตไว้ เพื่อที่พระราชาจะได้ล่าเนื้อได้ทุกวัน ข้าราชบริพารทั้งหลายจะได้ไม่ลำบากใจ และไม่เสียงานด้วย

เมื่อมีความเห็นกันอย่างนั้น ก็พากันล้อมสวนปƒาอัญชัน สร้างประตู ขุดสระโบกขรณี ปลูกต้นไม้ไว้อย่างสวยสดงดงาม เมื่อสถานที่พร้อมแล้ว ก็พารวมพลกันเดินฟาดตามพุ่มไม้ต่างๆ เพื่อต้อนฝูงเนื้อให้ไปรวมอยู่ในคอก ในขณะที่เสียงอึกทึกครึกโครมดังก้องทั่วป่านั้น พระโพธิสัตว์ก็ได้พามารดา และบิดาไปนอนพักอยู่ที่ดอนแห่งหนึ่ง เมื่อเห็นเนื้อฝูงใหญ่ถูกคนมากมายกำลังต้อนอยู่นั้น และใกล้จะเดินทางมาถึงที่ที่ตนเอง และมารดาบิดาอยู่ ก็ฉุกใจคิดว่า ผู้คนมากมายมีอาวุธครบมือได้เที่ยวไล่ต้อนเนื้ออยู่ และใกล้จะมาถึงพวกเราแล้ว หากเราไม่ทำอะไรสักอย่าง อันตรายก็คงถึงกับพ่อ และแม่แน่ๆ เอาเถิด วันนี้เราจะสละชีวิตทดแทนพระคุณของท่านทั้งสอง
เมื่อคิดอย่างนี้ก็ไม่รอช้า ลุกขึ้นทำความเคารพและขอขมาท่านทั้งสองพร้อมกับกล่าวว่า ข้าแต่พ่อและแม่ ถ้าคนเหล่านี้เห็นพวกเราทั้งหมดก็คงไม่มีใครรอด ลูกจะกระทำกลอุบาย หากลูกออกไปตัวเดียว พวกเขาก็คงไม่สงสัย การที่ท่านทั้งสองมีชีวิตรอด นั้นแหละ เป็นสิ่งที่ประเสริฐสุดสำหรับลูก ลูกจะทำให้พ่อกับแม่มีชีวิตรอด ไม่ต้องเป็นห่วงลูกหรอกนะ เมื่อลูกออกไปแล้วจะหาทางกลับมาอีกŽ ขณะที่คนเหล่านั้นต่างพากันฟาดพุ่มไม้นั้น พระโพธิสัตว์ก็ได้กระโจนออกมา แล้วได้วิ่งเข้าไปหาฝูงเนื้อทั้งหลาย เมื่อคนเห็นอย่างนั้น ก็คิดว่า คงไม่มีเนื้อตัวอื่นแล้ว จึงดาหน้าฟาดพุ่มไม้อื่นต้อนเนื้อจนหมด

เมื่อการต้อนเนื้อเสร็จสิ้นลง ก็ได้พากันไปกราบทูล เรื่องนั้นทั้งหมดให้พระเจ้าโกศลทรงทราบ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา เมื่อพระราชาต้องการล่าเนื้อ พระองค์จะมุ่งตรงมายังสถานที่นั้น เพื่อล่าเนื้อเอง แต่หากวันใดที่พระองค์ไม่สามารถเสด็จมาเองได้ ก็จะส่งอำมาตยŒคนหนึ่งมายิงเนื้อเอาไปปรุงอาหารให้พระองค์ ครั้นเหตุการณ์เป็นอย่างนั้นฝูงเนื้อทั้งหลายก็เลยพากันจัดลำดับกันขึ้น หมายถึงว่า พากันจัดลำดับของตนเอง และพวกพ้องว่า วันนี้เป็นลำดับของใคร ผู้นั้นก็ต้องสละชีพออกไปให้พระราชา หรือผู้ที่มาล่ายิงแทนหมู่คณะทั้งหมด เมื่อพวกเนื้อตกลงกันอย่างนี้ ทุกๆ วันก็จะมีตัวแทนออกไปสละชีวิตให้พระราชาหรือผู้ที่รับสั่งให้มายิง จนกระทั่งวันเวลาได้ผ่านล่วงเลยนานเข้า

มารดาและบิดาของพระโพธิสัตว์รู้สึกห่วงใยพระโพธิสัตว์มาก คอยติดตามข่าวคราวตลอดมา ท่านทั้งสองรู้ดีว่ากำลังของลูกตนนั้นสามารถที่จะกระโดดข้ามรั้วออกมาได้ อย่างสบาย

วันหนึ่ง ทั้งสองได้ไปยืนอยู่ข้างทาง เห็นพราหมณ์คนหนึ่ง กำลังเดินทางผ่านมา และกำลังจะเดินทางไปยังสาเกตนคร จึงฝากข่าวคราวไปถึงนันทิยะลูกตนเองว่า ตอนนี้พ่อและแม่อยากจะพบลูกเหลือเกิน ให้ส่งข่าวมาด้วยŽ เมื่อพระโพธิสัตว์ทราบข่าวจากพราหมณ์นั้นแล้วก็บอกให้พราหมณ์นั้นทราบว่า ข้าแต่พราหมณ์ การที่ข้าพเจ้ามาอาศัยอยู่ท่ามกลางฝูงเนื้อทั้งหลาย ได้กินหญ้ากินน้ำของพระราชา หากยังไม่ได้ช่วยเหลือ เพื่อนๆ ให้พ้นทุกข์นี้ และยังไม่ตอบแทนพระราชาให้พระองค์ดำรงตนอยู่ในความถูกต้องได้แล้วหนีไปนั้น ไม่สมควร เราจำเป็นต้องตอบแทนคุณของพระราชาให้ได้ก่อนแล้วจึงค่อยไปŽ เมื่อพราหมณ์ได้ฟังอย่างนั้นก็หลีกไป

จนกระทั่งวาระมาถึงพระโพธิสัตว์ วันนั้นพระราชาเสด็จมาด้วยพระองค์เอง ขณะที่ทรงโก่งธนูนั้น พระโพธิสัตว์มิได้มีอาการสะทกสะท้านหวาดกลัวต่อมรณภัยเช่นกับเนื้อชนิดอื่นๆ ยังคงยืนสงบนิ่งพร้อมกับตั้งกระแสจิตที่เปี่ยมด้วยความเมตตาต่อพระราชา ด้วย อานุภาพแห่งเมตตาของพระโพธิสัตว์ผู้เปี่ยมด้วยความกตัญญูนั้น ทำให้พระราชาไม่สามารถปล่อยลูกศรได้ จึงทำให้พระองค์ทรงเกิดความเลื่อมใสในพระโพธิสัตว์ ทรงทิ้งธนูแล้วเสด็จเข้าไปหา เมื่อพระโพธิสัตว์เห็นดังนั้นก็ถือโอกาสทูล ขออภัยโทษให้กับสัตว์ทั้งหลาย แล้วได้แสดงทศพิธราชธรรมกับพระราชาว่า ข้าแต่มหาบพิตร ขอพระองค์ทรงตรวจดูกุศลธรรมเหล่านี้ของพระองค์ คือ ทาน ศีล การบริจาค ความซื่อตรง ความอ่อนโยน ความเคร่งครัด ความไม่พิโรธ การไม่เบียดเบียน ความอดทน และความไม่ผิดพลาดเถิด แล้วพระองค์จะครองราชย์อย่างเป็นสุขŽ

เมื่อพระราชาสดับอย่างนั้น ก็ยิ่งทรงเกิดความเลื่อมใส ได้พระราชทานอภัยให้กับสัตว์ทั้งหลาย และทรงดำรงอยู่ในธรรม ที่พระโพธิสัตว์แสดงตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ส่งผลให้อาณาประชาราษฎร์อยู่เย็นเป็นสุข เมื่อพระโพธิสัตว์ยังพระราชาให้ดำรงอยู่ในธรรมแล้ว ก็เดินทางกลับไปหามารดาบิดา แล้วได้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขจนสิ้นอายุขัย เมื่อพระบรมศาสดาแสดงธรรมจบลง ภิกษุผู้เลี้ยงมารดาบิดาได้ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล

จากเรื่องนี้ จะเห็นได้ว่า ความเป็นผู้กตัญญูรู้คุณนั้น นอกจากจะทำให้ตนเองรอดพ้นจากภัยอันตรายได้แล้ว ยังเอื้อประโยชน์สุขให้กับส่วนรวมได้อีกด้วย ผู้ใดที่มีความกตัญญูอยู่ในหัวใจ ผู้นั้นมีแต่จะก่อให้เกิดสิ่งที่ดีงาม และพบความสุขที่แท้จริง โดยเฉพาะการที่เราหมั่นเป็นผู้กตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณทั้งหลาย ด้วยการเป็นกัลยาณมิตรชักชวนให้ท่านเหล่านั้น ได้มีโอกาสประพฤติธรรม ให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา โดยถ้วนหน้า เมื่อเราทำอย่างนี้ โลกของเราจะเป็นโลกแห่งสันติภาพ อย่างแท้จริง ดังนั้นอย่าลืม ชักชวนผู้มีพระคุณของเราให้เข้ามาสู่เส้นทางแห่งความดีนี้
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
*มก. นันทิยมิคราชชาดก เล่ม ๕๙ หน้า ๑๐๔

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘