มงคลที่ ๓๐ สนทนาธรรมตามกาล - ไขปริศนาธรรม

บุคคลข้าม ห้วงน้ำ คือ กิเลส ได้ด้วยศรัทธา ข้ามมหาสมุทรแห่งทุกข์ ได้ด้วยความไม่ประมาท จะล่วงทุกข์ ได้ด้วยความเพียร และจะบริสุทธิ์ ได้ด้วยปัญญา
พระรัตนตรัยเป็นสรณะอันเกษม ที่เราควรจะยึดไว้ในใจ ให้เป็นหลักชัยของชีวิต เพราะเมื่อเราประสพทุกข์เราก็พึ่งท่านได้ พึ่งแล้วจะมีแต่ความสุข มีสติ มีปัญญา เกิดขึ้น สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้อย่างถูกต้อง และพระรัตนตรัยนั้น ก็เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วภายในตัวของมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นชาติไหน ภาษาไหน หรือมีความเชื่ออย่างไร ขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์แล้ว ล้วนมีพระรัตนตรัยอยู่ในตัวทั้งสิ้น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน อาฬวกสูตร ว่า...
บุคคล ข้ามห้วงน้ำ คือ กิเลส ได้ด้วยศรัทธา ข้ามมหาสมุทรแห่งทุกข์ ได้ด้วยความไม่ประมาท จะล่วงทุกข์ ได้ด้วยความเพียร และจะบริสุทธิ์ ได้ด้วยปัญญา
ความศรัทธาเป็นทางมาแห่งคุณธรรม และทำให้เราเกิดกำลังใจในการสร้างความดี ความศรัทธาที่สำคัญ คือ เชื่อในพระพุทธเจ้าว่าพระองค์เป็นผู้ตรัสรู้แล้วเองโดยชอบ ทรงเป็นพระอรหันต์ผู้ห่างไกลจากกิเลส ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ไม่มีบุคคลใดในภพสามจะมาเปรียบได้ เมื่อเห็นพระคุณอันประเสริฐนี้แล้ว จึงเกิดความเลื่อมใส และเกิดกำลังใจที่จะประพฤติตามคำสอนของพระพุทธองค์ อีกทั้งตั้งใจปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม กิเลสก็จะหลุดร่อนไปตามลำดับ ดังนั้น ความศรัทธาสามารถนำพาให้ข้ามพ้นกิเลสอาสวะได้
กิเลสในใจของคนเรามีหลายระดับ ทั้งหยาบและละเอียด เมื่อมีกิเลสก็บังคับให้สร้างกรรม กรรมนี้เองที่ทำให้เกิดวิบาก คือ มีผลเป็นทุกข์ เมื่อยังมีกิเลสอยู่ ก็ต้องมีทุกข์ร่ำไป ทุกข์ของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน แม้ชาวสวรรค์ รูปพรหม หรืออรูปพรหมก็ยังไม่พ้นจากทุกข์ แตกต่างกันเพียงทุกข์มากหรือทุกข์น้อย ถ้ามีกิเลสเบาบางก็มีทุกข์น้อย แต่ถ้าจะให้ข้ามทุกข์ทั้งหลายไปได้ ต้องไม่ประมาท ใจหยุดเป็นสุดยอดของความไม่ประมาท ต้องหยุดเท่านั้น จึงจะพบหนทางหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะทั้งหลาย
หากเราตั้งใจปฏิบัติธรรมกันจริงๆ ทำความเพียรอย่างกลั่นกล้า ดังที่พระบรมศาสดาทรงตั้งปณิธานว่า “แม้เนื้อเลือดจะแห้งเหือดหายไป เหลือแต่กระดูกหนังก็ตามที หากไม่ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ จะไม่ยอมลุกจากรัตนบัลลังก์เด็ดขาด” ในที่สุดพระองค์ก็หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะได้
พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ (สด จนฺทสโร) ก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่ได้ไม่ยอมลุกจากที่ ท่านได้กล่าวว่า “ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นของจริง คนจริงเท่านั้นจึงจะเข้าถึง ถ้าจริงล่ะ ได้ทุกคน” ครูบาอาจารย์ของเรา ท่านเอาจริงอย่างนี้ ท่านจึงสมปรารถนาในการเข้าถึงธรรมภายใน
นอกจากความไม่ประมาท และความเพียรแล้ว ยังจะต้องมีปัญญาด้วย เพราะความบริสุทธิ์จะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยปัญญา โดยเฉพาะปัญญาที่ทำให้หลุดพ้น เป็นปัญญาที่เกิดจากการเห็นแจ้งภายใน โดยการทำใจให้หยุดนิ่ง เมื่อหยุด จิตก็บริสุทธิ์ เมื่อบริสุทธิ์ก็หลุดพ้น ซึ่งธรรมบทนี้ พระบรมศาสดาได้ทรงตอบปัญหาของ อาฬวกยักษ์ เรื่องมีอยู่ว่า...
*สมัย หนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเห็นอาฬวกยักษ์เข้ามาในข่ายพระญาณ ทรงรู้ว่ายักษ์ตนนี้มีบุญมาก แม้เป็นยักษ์ที่โหดร้าย แต่ก็สามารถที่จะบรรลุธรรมได้ จึงทรงตั้งพระทัยที่จะเสด็จไปโปรดยักษ์ โดยจะทรมานยักษ์ให้คลายจากทิฐิมานะเสียก่อน
รุ่งเช้า พระองค์ได้เสด็จไปยังที่อยู่ของยักษ์เพียงลำพัง อาฬวกยักษ์เห็นพระพุทธองค์เข้ามายังที่อยู่ และประทับนั่งบนบัลลังก์ของตน แทนที่จะเกิดความเลื่อมใส กลับรู้สึกโกรธเคือง ไม่พอใจจึงพูดข่มขู่พระพุทธองค์ แล้วขับไล่ให้ออกไป แต่พระพุทธองค์ทรงประทับนิ่งเฉย เมื่อยักษ์เห็นพระพุทธองค์ไม่ยอมเสด็จออกไป จึงบันดาลให้เกิดลมพายุใหญ่ เพื่อให้พัดพระพุทธองค์ไปที่อื่น แต่ลมนั้นก็ทำอันตรายพระองค์ไม่ได้
ยักษ์จึงบันดาลให้เกิดฝนถ่านเพลิงที่ร้อนแรง ฝนแผ่นหิน ฝนทราย ฝนเปือกตม ฝนเครื่องประหารทุกชนิด ซึ่งมีอานุภาพมาก สามารถทำลายได้แม้กระทั่งภูเขาสิเนรุให้พังพินาศย่อยยับไปในพริบตา แต่ฝนเหล่านั้นกลับไม่สามารถทำอันตรายพระพุทธองค์ได้แม้แต่น้อย
ยักษ์ยังไม่ละความพยายาม ได้ใช้ทุสสาวุธ ซึ่งเป็นอาวุธประจำตัวที่มีฤทธานุภาพมาก ขว้างใส่พระพุทธองค์ ตามปกติแล้วอาวุธนี้สามารถปลิดชีวิตได้ทันที แต่ก็ไม่สามารถทำอันตรายพระองค์ได้ อานุภาพของอาวุธนั้นเสื่อมลงทันที แล้วตกลงแทบพระบาทของพระพุทธองค์
เมื่ออาฬวกยักษ์ทำอันตรายพระพุทธองค์ไม่ได้ จึงลดทิฐิมานะลง ได้คลายความยึดมั่นถือมั่น ความถือตัวว่ามีฤทธิ์มีเดชลงทันที เนื่องจากเห็นชัดแล้วว่าพระพุทธองค์เป็นผู้มีอานุภาพมากกว่า แต่ครั้นจะยอมแพ้ทันทีก็กลัวเสียเชิง จึงได้ถามปัญหาที่ยังไม่เคยมีใครตอบได้ว่า “สมณะ เราจะถามปัญหาท่าน ถ้าท่านตอบเราไม่ได้ เราจะฉีกหัวใจของท่าน แล้วจะจับเท้าของท่านเหวี่ยงข้ามแม่น้ำคงคาไป”
พระพุทธองค์ตรัสว่า “ดูก่อน อาฬวกยักษ์ เราไม่เห็นใครเลยในโลก พร้อมทั้งเทวโลกและพรหมโลก ที่จะทำจิตของเราให้หวั่นไหวได้ หรือฉีกหัวใจของเรา หรือจับเราเหวี่ยงข้ามแม่น้ำคงคาได้ แต่เอาเถอะ เชิญท่านถามปัญหาเถิด”
ยักษ์ทูลถามว่า “อะไรเป็นทรัพย์เครื่องปลื้มใจอันประเสริฐของคนในโลกนี้ อะไรที่บุคคลประพฤติดีแล้วนำความสุขมาให้ อะไรเป็นรสอันล้ำเลิศกว่ารสทั้งหลาย นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวชีวิตของผู้ที่เป็นอยู่อย่างไรว่าประเสริฐสุด”
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า “ศรัทธาเป็นทรัพย์อันประเสริฐของคนในโลก ธรรมที่บุคคลประพฤติดีแล้วนำความสุขมาให้ รสแห่งธรรมเป็นรสอันล้ำเลิศกว่ารสทั้งหลาย นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวชีวิตของผู้ที่เป็นอยู่ด้วยปัญญาว่าประเสริฐสุด”
ยักษ์ฟังแล้วเริ่มเกิดศรัทธาจึงทูลถามต่อไปว่า “คนข้ามห้วงน้ำ คือ กิเลส ได้อย่างไร ข้ามมหาสมุทรแห่งทุกข์ ได้อย่างไร แล้วจะล่วงทุกข์ ได้อย่างไร จะบริสุทธิ์ ได้อย่างไร”
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า “คนข้ามห้วงน้ำ คือ กิเลส ได้ด้วยศรัทธา ข้ามมหาสมุทรแห่งทุกข์ ได้ด้วยความไม่ประมาท จะล่วงทุกข์ ได้ด้วยความเพียร และจะบริสุทธิ์ ได้ด้วยปัญญา”
เมื่ออาฬวกยักษ์ได้ฟังคำตอบแล้ว เกิดความปีติยิ่งนักที่พระพุทธองค์ช่วยไขปริศนาที่ค้างคาใจมายาวนาน ประดุจบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด จุดประทีปในที่มืด และบอกทางแก่คนหลงทาง จึงทูลถามต่อไปอีกว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ทำอย่างไรจึงจะได้ปัญญา ทำอย่างไรจึงจะหาทรัพย์ได้ ทำอย่างไรจึงจะเป็นผู้มีชื่อเสียง ทำอย่างไรจึงจะผูกมิตรไว้ได้ และคนละโลกนี้ไปสู่โลกหน้า ทำอย่างไรจึงจะไม่เศร้าโศก พระเจ้าข้า”
พระพุทธองค์ผู้รู้แจ้งโลก ตรัสตอบว่า “บุคคลเชื่อธรรมของพระอรหันต์ผู้บรรลุนิพพาน ฟังอยู่ด้วยดีย่อมได้ปัญญา บุคคลเป็นผู้ไม่ประมาท เป็นผู้ฉลาด เป็นผู้ทำอะไรเหมาะสม ไม่ทอดธุระ ขยันหมั่นเพียร ย่อมหาทรัพย์ได้ คนย่อมได้ชื่อเสียงเพราะความสัตย์ ผู้ให้ย่อมผูกมิตรไว้ได้ บุคคลใดประกอบด้วยศรัทธา มีธรรม ๔ประการนี้ คือ สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ บุคคลนั้น ละโลกนี้ไปแล้ว ย่อมไม่เศร้าโศก”
เมื่อยักษ์ตรองตามคำตอบของพระพุทธองค์ ได้น้อมใจไปตามพระสุรเสียงอันไพเราะของพระผู้มีพระภาคเจ้า ในที่สุดใจก็หยุดนิ่งและได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน เป็นผู้มีพระรัตนตรัยเป็นสรณะตลอดชีวิต เลิกเบียดเบียนชีวิตสัตว์ทั้งหลาย ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
เราจะเห็นว่า แม้แต่ยักษ์หากไม่ประมาทในธรรม ตั้งใจฟังธรรม แล้วประพฤติธรรม ก็สามารถบรรลุธรรมได้ โดยอาศัยความรู้ ความเข้าใจทางด้านปริยัติ แล้วลงมือปฏิบัติ จนได้รับปฏิเวธ คือ ผลของการปฏิบัตินั้น พวกเราทุกคนโชคดีกว่ายักษ์ เพราะเราได้อัตภาพเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นรูปกายที่เหมาะสมต่อการสร้างบารมีมากที่สุด โอกาสที่จะทำความดีของเราก็มีมาก ถ้าหากเรารู้จักแสวงหา และใช้โอกาสที่ดีนี้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เพื่อสั่งสมบุญบารมี และประพฤติปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน
พวกเราเป็นผู้ที่เปี่ยมล้นด้วยศรัทธาอยู่แล้ว บรรพบุรุษของเรา ท่านมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง พวกเราก็เช่นเดียวกัน จะต้องตั้งใจปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระรัตนตรัย อันเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดนี้ให้ได้ อย่าประมาท อย่าเกียจคร้านในการปฏิบัติธรรม ให้ใช้ปัญญาพิจารณาว่า ทำอย่างไรธรรมะของเราจะก้าวหน้า ทำอย่างไรใจจึงจะหยุดนิ่ง แล้วตั้งใจฝึกฝนอบรมใจของเราให้ยิ่งๆขึ้นไป
ถ้าคิดและทำอย่างนี้ทุกๆวัน พร้อมกับหมั่นปฏิบัติธรรมทุกวัน ไม่ช้าเราจะเข้าถึงพระธรรมกาย ได้เข้าถึงความสุขที่แท้จริงอย่างแน่นอน
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
*มก. อาฬวกสูตร เล่ม ๒๕ หน้า ๔๒๓

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘