มงคลที่ ๑๖ ประพฤติธรรม - สู่หนทางสวรรค์


มงคลที่ ๑๖

ประพฤติธรรม
สู่หนทางสวรรค์

ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน มวลมนุษยชาติล้วนปรารถนาให้โลกมีสันติสุข แต่ไม่มีใครรู้ว่า สันติสุขที่แท้จริงนั้น อยู่ตรงไหน จะเข้าถึงได้อย่างไร จนกระทั่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงค้นพบว่า สันติสุขที่แท้จริงจะบังเกิดขึ้นได้ ต่อเมื่อมนุษย์ทุกคนทำใจให้หยุดนิ่ง เมื่อนั้นมนุษย์จะเข้าถึงสันติสุขภายใน เข้าถึงพระธรรมกาย ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของความสุขที่แท้จริง และเป็นสิ่งที่มีอยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคนในโลก ไม่ว่าจะมีความแตกต่างกันโดยเชื้อชาติ ศาสนา หรือเผ่าพันธุ์ หากได้ลงมือปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธีแล้ว ย่อมเข้าถึงได้ทุกคน

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ในขุททกนิกาย อปทานว่า
“บุคคลผู้ประพฤติธรรม ย่อมอยู่เป็นสุขทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
บัณฑิตควรประพฤติธรรมให้สุจริต ไม่ควรประพฤติธรรมให้เป็นทุจริต
เพราะบุคคลผู้ประพฤติธรรม ย่อมอยู่เป็นสุขทั้งในโลกนี้และโลกหน้า”
ผู้ประพฤติปฏิบัติธรรม กลั่นกาย วาจา ใจให้สะอาดบริสุทธิ์ผ่องใส ย่อมมีพลังบุญ พลังความดีที่จะสร้างบารมีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป พลังใจที่เกิดจากการปฏิบัติธรรม เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สามารถกลั่นโลกใบนี้ให้เป็นโลกแก้ว เป็นโลกที่น่าอยู่ สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ ต่อเมื่อทุกคนได้เห็นคุณค่าของชีวิต มีเป้าหมายที่ถูกต้องดีงาม เมื่อเราตั้งใจสั่งสมบุญ บุญจะส่งผลให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น เราจะสมบูรณ์พร้อมด้วยมนุษย์สมบัติ ทิพยสมบัติ และนิพพานสมบัติ

โลกมนุษย์เป็นสถานที่สำหรับสร้างบารมี ชีวิตของเราไม่ได้หมดสิ้นเพียงชาตินี้ ยังคงต้องดำเนินต่อไปจนกว่าจะหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะเข้าสู่อายตนนิพพาน การสร้างบารมีจึงเป็นกรณียกิจสำคัญ ซึ่งจะขาดไม่ได้ ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานะใด จะเป็นบรรพชิต หรือคฤหัสถ์ผู้ครองเรือน จะอยู่ในประเทศหรือต่างประเทศก็ตาม เราจะต้องสร้างความดีเรื่อยไป ความดีที่เราทำจะเป็นเหตุนำเราไปสู่สุคติโลกสวรรค์ นักปราชญ์บัณฑิตในสมัยก่อนได้สอนวิธีการที่จะไปสู่สวรรค์ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าศึกษามาก


*สมัยหนึ่ง พระบรมโพธิสัตว์ได้จุติมาบังเกิดเป็นพระเจ้าแผ่นดิน มีพระนามว่า อุทัยภัทร์ ทรงมีพระมเหสีชื่อ อุทัยภัทรา แม้จะทรงอภิเษกสมรสกัน แต่ทั้งสองต่างอยู่ร่วมกันฉันพี่น้อง ต่างตั้งใจประพฤติพรหมจรรย์ วันหนึ่ง พระเจ้าอุภัยภัทร์ได้ตกลงกับพระมเหสีว่า “ถ้าใครสิ้นพระชนม์ก่อน ผู้นั้นต้องกลับมาบอกว่า ได้ไปบังเกิดที่ใด”
เมื่อพระราชาครองราชย์ผ่านไปถึง ๗๐๐ ปี ก็เสด็จสวรรคต และได้ไปบังเกิดเป็นท้าวสักกะบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระนางอุทัยภัทราจึงสำเร็จราชการแทนท้าวสักกะเสวยทิพยสมบัติได้ ๑ สัปดาห์ แต่เวลาบนโลกมนุษย์ผ่านไปนานถึง ๗๐๐ ปี ทรงระลึกถึงคำมั่นสัญญา คืนนั้น พระองค์ได้ถือถาดทองคำบรรจุทองคำจนเต็ม มาปรากฏต่อหน้าพระนางอุทัยภัทราเพื่อขอร่วมอภิรมย์ด้วย ขณะนั้นพระนางกำลังตรึกระลึกถึงศีลของตน จึงตอบไปว่า “ไม่ว่าจะเป็นใคร แม้จะมีอานุภาพมากสักปานใดก็ตาม จะไม่ยอมล่วงละเมิดประพฤติสิ่งนี้เด็ดขาด”

ท้าวสักกะสดับแล้ว ก็อันตรธานหายไป รุ่งขึ้น พระองค์เสด็จมาอีก พร้อมถือถาดที่เต็มไปด้วยเงิน เพื่อแลกเปลี่ยนกับการได้ร่วมอภิรมย์กับพระนาง พระนางดำริว่า “ถ้าหากสนทนาปราศรัยกับบุคคลผู้นี้ เขาคงจะมาหาอีก” จึงไม่ตรัสสิ่งใดทั้งสิ้น

คืนต่อมา ท้าวสักกะเสด็จมาอีก แต่ครั้งนี้ท่านเปลี่ยนเป็นถือถาดโลหะที่เต็มไปด้วยเหรียญกษาปณ์ พระเทวีเห็นแล้ว ก็สงสัยจึงตรัสถามว่า “ธรรมดา ชายที่หมายปองหญิง หากจะให้หญิงตกลงปลงใจด้วยทรัพย์สมบัติ ก็ต้องเพิ่มทรัพย์สมบัติให้มากขึ้น จนกว่าฝ่ายหญิงจะพอใจ แต่ท่านกลับลดทรัพย์ลงทุกวัน นั่นหมายความว่าอย่างไร”

ท้าวสักกะตอบว่า “พระนางผู้เจริญ หม่อมฉันเป็นพ่อค้า จะทำอะไรก็ต้องให้ได้กำไรและไม่ยอมเสียประโยชน์ ถ้าหากพระนางจะมีอายุยืนยาว หรือมีฉวีวรรณที่งดงามยิ่งกว่าเดิม หม่อมฉันจะนำบรรณาการมาถวายเพิ่ม แต่พระนางมีแต่จะชราลงทุกวัน หม่อมฉันจึงลดบรรณาการลง อีกทั้งวันนี้ พระนางก็ชราภาพกว่าวันก่อนๆ แม้ขณะที่หม่อมฉันกำลังจ้องมองอยู่นี้ พระฉวีวรรณของพระนางก็เสื่อมลงไปทุกขณะ ฉะนั้น พระนางอย่าได้ปล่อยวันคืนให้ล่วงไปโดยเปล่าประโยชน์ ขอพระนางจงประพฤติพรหมจรรย์ตั้งแต่วันนี้เถิด”
พระนางทรงชื่นชมโสมนัสเป็นอย่างยิ่ง ด้วยรู้ว่าวาจาของบุรุษผู้นี้ เป็นวาจาของนักปราชญ์บัณฑิต จึงตรัสว่า “ท่านพูดราวกับว่า เทวดาไม่มีการแก่เหมือนมนุษย์หรืออย่างไร”
ท้าวสักกะตรัสว่า “พวก เทวดาไม่แก่ชราเหมือนมนุษย์ เส้นเอ็น ปุ่มปมในร่างกายก็ไม่มี ฉวีวรรณของชาวสวรรค์ผุดผ่องยิ่งนักและทิพยสมบัติก็ไพบูลย์ ขอให้พระนางจงเสด็จออกผนวชเถิด จะได้ไปสู่เทวโลก ไปเป็นสหายแห่งชาวสวรรค์ทั้งหลาย”

ท้าวสักกเทวราชทรงแนะหนทางไปสู่เทวโลกอีกว่า “ผู้ มีกาย วาจา ใจที่สะอาด ไม่ทำบาปอกุศล เป็นผู้มีศรัทธา ชอบทำทาน ชอบสงเคราะห์ มีวาจาสุภาษิต อ่อนหวาน และหมั่นประพฤติกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการ มีความเชื่อมั่นในบุญ เชื่อมั่นในผลของบุญ หมั่นให้ทานอยู่เป็นนิตย์กับเนื้อนาบุญอันเยี่ยม สงเคราะห์ญาติด้วยสังคหวัตถุ ๔ บุคคลผู้ยึดมั่นในคุณธรรมเหล่านี้ จึงจะสามารถไปสู่สุคติโลกสวรรค์ได้”

จากนั้นพระอินทร์ได้บอกความจริงว่า ตัวท่านคืออดีตพระเจ้าอุทัยภัทร์ ซึ่งบัดนี้ได้ไปบังเกิดเป็นพระอินทร์ ที่มานี้เพื่อมาเตือนสติตามคำมั่นสัญญา ไม่ใช่มาด้วยอำนาจกิเลส พระองค์ได้ตรัสย้ำว่า “วัน เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ความยั่งยืนของหมู่สัตว์ย่อมไม่มี เมื่อเกิดมาแล้วต่างต้องตายกันหมด มารดาบิดา พี่น้องหรือสามี รวมทั้งทรัพย์สมบัติทั้งหลาย เราจำต้องทิ้งไป นั่นคือ เมื่อละโลกไปแล้ว ไม่มีใครเอาอะไรไปได้ สุคติและทุคติในสังสารวัฏเป็นที่พักพิงชั่วคราวเท่านั้น ขอให้พระนางจงประพฤติธรรมเถิด อย่าได้ประมาทเลย”
โอวาทของท้าวสักกะทำให้พระนางอุทัยภัทราตัดสินใจออกผนวชประพฤติพรหมจรรย์และ ได้บำเพ็ญเพียรเจริญสมาธิภาวนานานถึงหมื่นปี ครั้นละโลก พระนางได้ไปบังเกิดในสุคติโลกสวรรค์

ชีวิตของมนุษย์ในสมัยก่อนนั้นยาวนานมาก แม้กระนั้นผู้มีบุญก็ไม่ประมาทในชีวิต เพราะมองเห็นทุกข์ เห็นโทษของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย แต่ปัจจุบันอายุของมนุษย์โดยเฉลี่ยเพียง ๗๕ ปีเท่านั้น ชีวิตจึงเป็นของน้อย เราไม่ควรประมาท เพราะความตายอาจพรากชีวิตเราได้ทุกขณะ เพียงแค่หายใจเข้าไม่หายใจออก หรือหายใจออกไม่หายใจเข้าก็ตายแล้ว เมื่อเกิดมาต่างต้องบ่ายหน้าสู่ความเสื่อมสลาย หากมีโอกาสทำความดี ต้องรีบตักตวงบุญกันให้เต็มที่ อย่าได้ละเลยในการสั่งสมบุญ เพราะการสั่งสมบุญนำสุขมาให้

ขอให้เราขวนขวายสร้างบุญกุศล เสมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต โดยเฉพาะการปฏิบัติธรรม ฝึกฝนใจให้หยุดนิ่ง เป็นบุญที่เราจะขาดไม่ได้ เสมือนหนึ่งลมหายใจ เราควรหาโอกาสนั่งธรรมะ ยิ่งนั่งพร้อมกันทั้งครอบครัวได้ก็ยิ่งดี จะได้เป็นครอบครัวธรรมกาย ที่สมาชิกทุกคนมีธรรมะเป็นอาภรณ์ เพียงเราสถาปนาบ้านกัลยาณมิตรและชักชวนหมู่ญาติของเรา หรือบุคคลที่เรารู้จักให้มาประพฤติปฏิบัติธรรมร่วมกัน ให้เขาได้เข้าถึงความสุขที่เสรี ขอให้พวกเราใช้วันเวลาที่เหลืออยู่อย่างจำกัดนี้ ช่วยกันสถาปนาบ้านกัลยาณมิตร เพื่อรังสรรค์โลกนี้ให้เป็นโลกแก้ว เป็นโลกแห่งพระรัตนตรัยอย่างแท้จริง
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
*(มก.อุทัยชาดก เล่ม ๖๐ หน้า ๓๑)

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘