คิดสักนิด ก่อนเลือกซื้อ Power Supply

Power Supply เป็นอุปกรณ์จ่ายไฟให้กับคอมพิวเตอร์ ติดตั้งอยู่บนเคส (บางคนเรียกกล่องเคสว่า CPU เป็นความเข้าใจผิด) โดย Power Supply มีหน้าที่แปลงไฟ จากกระแสสลับ 220V เป็นกระแสตรง 5V, 12V ให้กับอุปกรณ์ต่างๆ โดยผ่านทางเมนบอร์ดด้วยขั้ว 20 + 4 pin เพื่อเลี้ยงไฟให้กับอุปกรณ์ต่างๆ เช่น VGA Card ซึ่งบางรุ่นต้องการใช้ไฟเลี้ยงเพิ่มเติม Harddisk, Optical Drive [DVD-RW/Blu-ray] และอุปกรณ์ต่างๆ ที่คุณอาจหลงลืมไป ไม่ว่าจะเป็นพัดลมระบายอากาศ ต่างก็ใช้ไฟทั้งนั้น รวมทั้ง USB Port ต่างๆด้วย หลายๆคนก็เคยเจอว่า เสียบ Flash Drive แล้วเครื่องมองไม่เห็น หรือเสียบอุปกรณ์ USB เยอะๆแล้วบางอย่างใช้งานไม่ได้ นี่แหล่ะครับ สาเหตุจากไฟเลี้ยงจาก Power Supply ไม่เพียงพอ บางคนใช้ USB Port ด้านหน้าตัวเครื่อง ซึ่งพบปัญหาไฟไม่พอ จริงๆแล้วพอร์ต USB ที่อยู่หน้าเคส จะพ่วงมาจากขั้ว USB บนเมนบอร์ดอีกที ทางที่ดี แนะนำให้ใช้ USB Port ด้านหลังเครื่องจะดีกว่า ใครที่ชอบใช้สายพ่วงหรือ USB Hub อาจจะเจอปัญหาไฟไม่พอเหมือนกัน นั่นหมายความว่า พาวเวอร์ซัพพลายของคุณ จ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ไม่เพียงพอเสียแล้ว

ดังนั้น การเลือก Power Supply สักตัว คงไม่ใช่การเลือกซื้อ Power Supply ถูกๆ เพราะมันเป็นอุปกรณ์สำคัญที่จะชี้ชะตาอุปกรณ์ต่างๆว่า จะมีไฟเข้ามาเลี้ยงให้กับอุปกรณ์ต่างๆเพียงพอหรือไม่

Power Supply ที่ติดมากับเคส ใช้งานได้ดีในระดับหนึ่ง
Power Supply ที่ติดมากับเคส ใช้งานได้ดีในระดับหนึ่ง



หลายคนยังยึดติดกับ Power Supply ติดเคส โดยเฉพาะเคสราคาในกลุ่ม 1 พันต้นๆ จะมี Power Supply 450W ติดมาด้วย ถามว่าดีไหม ใช้งานได้ในระดับหนึ่ง ถ้าคุณประกอบคอมพิวเตอร์เครื่องแรก ยังไงคุณก็ใช้ปกติ เพราะใช้งานแค่ พิมพ์งาน อินเตอร์เน็ต ดูหนัง ฟังเพลง แค่นั้น ไม่ได้ใช้อะไรมาก แต่เมื่อไรก็ตาม ที่คุณมีพฤติกรรมการใช้งานที่สูงขึ้น อยากจะหาการ์ดจอดีๆมาใส่ อยากจะเพิ่มจำนวน Harddisk เพื่อเก็บหนัง อยากจะหาอุปกรณ์ตกแต่ง พัดลมระบายอากาศเสียงดังกระหึ่ม อุปกรณ์พวกนี้ ต่างก็ต้องการการจ่ายไฟที่ดีและมีเสถียรภาพ รวมไปถึงอุปกรณ์ USB ที่บอกไปข้างต้น ทั้งเม้าส์ คีย์บอร์ด Flash drive, พรินเตอร์ ต่างก็ใช้ไฟกันทั้งนั้น

เป็นที่ทราบกันว่า กระแสไฟฟ้าในประเทศไทยเรา มีการจ่ายไฟที่ไม่นิ่ง ไม่มีความเสถียรภาพ ถ้าเป็นอุปกรณ์ทั่วๆไปเช่น พัดลม โทรทัศน์ ก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ในเมื่อใช้งานกับคอมพิวเตอร์ คุณต้องระลึกไว้ว่า อุปกรณ์ที่สำคัญที่สุด คือ Harddisk นั่นเอง ถามว่าทำไมถึงคิดว่าฮาร์ดดิสก์สำคัญ ก็เพราะหากฮาร์ดดิสก์พังเพราะจ่ายไฟพอ ข้อมูลของคุณ หายไปแน่ๆ โดยเฉพาะงาน รายงานต่างๆที่ทำส่งอาจารย์ งานที่เอากลับมาทำที่บ้าน งานต่างๆที่คุณค้นคว้า หรือที่น่ากลัวที่คุณ ใครทีกำลังทำวิจัยหรือ Thesis เก็บข้อมูลมาเป็นแรมปี แต่สุดท้ายเครื่องดับ Power Supply ไหม้ เพราะจ่ายไฟให้ไม่พอ ทำให้ข้อมูลที่เพียรพยายามเก็บมาทั้งหมด รวมทั้งหนังต่างๆ ที่ผู้ชายหวงนักหวงหนา ก็เป็นอันสูญหายไปพร้อมกับฮาร์ดดิสก์ที่ลาโลกไปอย่างไม่มีวันกลับ

ดังนั้น จึงมีคำตอบ สำหรับคำถามว่า

- ทำไมพาวเวอร์แพงๆ มีราคาร่วม 2 - 3 พันบาท แล้วมันต่างยังไงกับพาวเวอร์ตัวละไม่กี่ร้อย

- ทำไมต้องซื้อพาวเวอร์แพงๆด้วย ในเมื่อพาวเวอร์ตัวละไม่กี่ร้อย ก็ใช้งานได้เหมือนๆกัน

สำหรับใครที่ใช้การ์ดจอแรงๆ กลุ่มนี้จะคิดว่า เอ พาวเวอร์ซัพพลายที่ใช้อยู่ จ่ายไฟพอหรือไม่ ก็จะมีการสอบถามในกระทู้เวบบอร์ดต่างๆ ว่าการ์ดจอตัวนี้ พาวเวอร์ตัวนี้เอาอยู่หรือไม่
เช่น ATI 4850 กลุ่มคนพวกนี้จะศึกษาว่า อุปกรณ์ที่จะเพิ่มเติมไปนั้น ใช้ไฟเท่าใด เพราะกลัวจะเล่นเกมไม่ได้นั่นเอง

- จะไม่ตลกไปหน่อยเหรอ ถ้าคุณมีเงินซื้อการ์ดจอตัวละ 1 - 2 หมื่น แต่ดันงกพาวเวอร์ตัวละไม่กี่ร้อย ?????

- ลงทุนไปเลยดีกว่า แพงหน่อย 2 - 3 พันบาท ถ้าคิดว่าเอาแค่พาวเวอร์ซัพพลายถูกๆ แล้วฮาร์ดดิสก์พัง เงินจำนวนนี้ ก็ไม่ต่างจากซื้อฮาร์ดดิสก์ใหม่หรอก ลงทุนครั้งเดียวเพื่อความสบายใจ ว่าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่คุณใช้ ได้รับการจ่ายไฟเลี้ยงเพียงพอ และนิ่งพอที่จะรักษาอายุการใช้งานได้ยาวนาน เพื่อเก็บรักษาข้อมูลให้ยาวนานขึ้นไปอีก

คำถาม

"พาวเวอร์ซัพพลายแพงๆ ต่างจากพาวเวอร์ตัวละ 4 -5 ร้อยบาทอย่างไร"



หากใช้งานทั่วไป คงไม่ต่างอะไรมากเพราะไม่ได้นำประสิทธิภาพอุปกรณ์มาใช้มากนัก
แต่ถ้าเสียบ HDD ตัวที่ 3 หรือ 4 แล้วไฟไม่พอ อาจจะทำให้ HDD เสียได้ (เพราะ HDD เป็นจานแม่เหล็กที่มีความ Sensitive ในเรื่องการจ่ายไฟมาก ถ้าไฟไม่พอ จานก็หมุนบ้าง ไม่หมุนบ้าง นี่คือสาเหตุของจานฮาร์ดดิสก์มีเสียงดัง หรือหมุนไม่นิ่ง) ทำให้การจ่ายไฟมีผลต่อการทำงานของฮาร์ดดิสก์โดยตรง) ลองเปรียบเทียบกับพัดลม ถ้าไฟไม่พอ พัดลมก็หมุนบ้าง ไม่หมุนบ้าง ซ้ำๆกันตลอด คิดว่าอะไรที่ควรจะเสีย ก็คือมอเตอร์พัดลมนั่นเอง ที่นี้ถ้ามอเตอร์หมุนฮาร์ดดิสก์ไม่ทำงาน จะหมุนหัวอ่านฮาร์ดดิสก์ได้อย่างไร ปัญหาคือเรื่องข้อมูลที่อยู่ในฮาร์ดดิสก์ ก็จะหายไปด้วย เพียงเพราะประกอบคอมร่วมหมื่น แต่กลับประหยัดพาวเวอร์ตัวละไม่กี่ร้อยบาท

อีกเรื่องที่น่าจะต้องคำนึงคือ จ่ายไฟนิ่งหรือไม่ ไม่ใช่การจ่ายไฟเต็มวัตต์ การจ่ายไฟนิ่ง จะมีผลกับการ Sensitive ของอุปกรณ์อย่าง Harddisk ด้วย ดังนั้นการเลือกพาวเวอร์ดีๆ ราคาแพง เพื่อถนอมและยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์นั่นเอง

บางคน ถามก่อนเลยว่า เต็มวัตต์หรือไม่ วัตต์แท้หรือไม่ ลองมองดูเรื่องการจ่ายไฟนิ่ง - ไม่นิ่งด้วยก็ดี

เคยมีคนบอกว่า พาวเวอร์ซัพพลายติดเคส หรือแบบถูกๆ ประเภทว่า วัตต์ละบาท แบบนี้ใช้ไปสักปีสองปี ตัวอุปกรณ์ข้างใน ซึ่งไม่ได้คุณภาพ อาจจะเสื่อมสภาพ ทำให้จ่ายไฟได้น้อยลง และเสียในที่สุด ลองพิจารณาดูว่า จะซื้อพาวเวอร์ซัพพลายแพงๆไปทีเดียวเลย ส่วนใหญ่ประกันก็ 2 - 3 ปีอยู่แล้ว เทียบกับพาวเวอร์ซัพพลายถูกๆ ใช้ไปสักพัก เพิ่มอุปกรณ์หน่อย ไฟไม่พอก็ต้องซื้อใหม่อยู่ดี เทียบค่าตัวแล้ว ต้องซื้อทั้งพาวเวอร์ถูก กับพาวเวอร์แพงเลยทีเดียว (แบบนี้ไม่จ่ายเยอะกว่าเหรอ)

พาวเวอร์ดีๆ ไม่ใช่ใส่แล้วเปิดเครื่องติด แต่มันหมายถึงความเสถียรในการจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ต่างๆด้วย ไม่ใช่เอาพาวเวอร์ถูกๆแต่ HDD ทำงานเสียงดัง เปิดแล้วเครื่องดับก็เข้าขั้นแย่ว่าฮาร์ดดิสก์จะลาโลกในไม่ช้า เพียงเพราะหวงประหยัดกับพาวเวอร์เกินไป

คอมราคาลงเร็ว ซื้อพาวเวอร์แพงๆไว้ไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะประกัน 3 ปี เปลี่ยนอุปกรณ์ได้เรื่อยๆ ไม่ต้องเปลี่ยนพาวเวอร์อีก

อันนี้ ต้องเปลี่ยนความคิด แบบล้างสมองกันเลย

เพราะบางคนยังคิดว่า พาวเวอร์ติดเคสก็ได้ เคสราคาพันกว่าบาท มีพาวเวอร์มาให้ แต่กับพาวเวอร์ตัวละ 2 - 3 พัน แพงเว่อร์ ไม่มีเงินซื้อ (แต่คุณกลับซื้อการ์ดจอตัวละหมื่น) มันก็เหมือนกับ ทำไมคุณอยากได้แรม 4GB เพราะจะได้ทำงานได้เร็วๆ ถ้า 1GB โปรแกรมมันช้าไป นี่ก็เหมือนกัน ทำนองเดียวกัน แรมน้อย ทำงานช้า คุณก็อึดอัด อยากเพิ่มแรม ทำนองเดียวกัน ถ้าอุปกรณ์ต่างๆ ได้รับการจ่ายไฟที่ไม่ดีพอ มันก็คงอึดอัดเหมือนคุณ ถ้ามันเป็นคน ก็คงร้องบอกว่า เปลี่ยนได้แล้ว เพิ่มไฟได้แล้ว ไม่ใช่ตะบี้ตะบันใช้ไปจนเสีย เพราะหวงเงินซื้อพาวเวอร์

ลองมองหาพาวเวอร์ซัพพลายที่จ่ายไฟได้เยอะๆ จ่ายไฟดีๆ นิ่งๆ แพงหน่อย แต่สบายใจไปอีกนาน ไม่ใช่ซื้อตัวละไม่กี่ร้อย สุดท้ายเสียหรือจ่ายไฟไม่พอ เงินที่คุณซื้อฮาร์ดดิสก์ใหม่ หรือเอาไปเคลม ค่าซ่อมคอม ค่ายกคอมไปที่ร้าน ก็แพงพอๆกันแหล่ะครับ

วัตต์เต็ม วัตต์ไม่เต็ม

Power Supply ก็มีเหมือนกับแอร์แหล่ะครับ ใครซื้อแอร์ เมื่อก่อนอาจจะเคยเห็นสติกเกอร์แปะ "เต็ม BTU" ถ้าเป็นแอร์ที่ไม่เต็ม BTU แล้วคุณใช้ในห้องที่กว้างเกินไป (ไม่ใช่สิ ไม่ใช่ห้องกว้างเกินไป แต่มันไม่เต็ม BTU จึงให้ความเย็ฯได้น้อย ส่งผลให้เครื่องทำงานหนักขึ้น) ดังนั้น BTU จริงๆที่แอร์ทำงานได้ ก็รองรับได้ไม่เพียงพอกับขนาดห้องของคุณ แอร์ก็ทำงานหนัก ส่งผลให้ค่าไฟแพง เมื่อแอร์ทำงานหนักมากก็น็อคไป

อันนี้ก็เหมือนกัน วัตต์แท้ ราคาค่อนข้างสูง ถามว่าดีไหม ดีแน่นอนกับอุปกรณ์ต่างๆ ที่ได้รับการจ่ายไฟให้คงที่และนิ่ง จะใส่ Harddisk 4 ลูก การ์ดจอแรงๆ ATI 4850 ก็ใส่ไปเลย แต่ถ้าวัตต์ไม่เต็ม แน่นอนอย่างหนึ่งอยู่ที่งบที่คุณมีด้วย มีงบพันเดียว ก็อาจจะได้พาวเวอร์ซัพพลายในระดับหนึ่ง ที่ว่า โอเค รองรับการจ่ายไฟได้ดีในระดับหนึ่ง แค่ VGA ทั่วๆไป ไม่แรงมาก ฮาร์ดดิสก์ 1 - 2 ลูก ก็ยังไหว

ผมอยากให้เทียบกับแอร์บ้าน เพราะแอร์บ้านราคาหมื่นกว่าบาทก็มี ถามว่าเต็ม BTU ไหม ไม่เต็ม ค่าแอร์ถูก แต่ค่าไฟแพง (เพราะมันทำงานหนักขึ้น เนื่องจากไม่เต็ม BTU)
กับอีกทางเลือก แอร์เต็ม BTU ตัวละ 4 หมื่น แต่ให้ความเย็นเต็ม BTU ตามขนาดห้องของคุณ เย็นเร็วด้วย และประหยัดไฟด้วย ค่าไฟก็นิดเดียวเอง

Q: ใช้ Harddisk 500GB ไฟพอไหม
A: ไม่ว่าจะเป็น Harddisk ความจุสูง ขนาดใหญ่แค่ไหน ยังไงก็กินไฟพอๆกัน ไม่ใช่ว่า 750GB แล้วจะมีจานใหญ่กว่าปกติ มอเตอร์ใหญ่กว่า กินไฟมากกว่า แต่อยู่ที่กำลังไฟที่จ่ายให้ฮาร์ดดิสก์ เพียงพอหรือไม่ มากกว่า

ถ้าคุณยังติดกับภาพพาวเวอร์ติดเคสถูกๆ ไม่ยอมเจียดเงินมาซื้อพาวเวอร์ดีๆสักตัว แต่กับการ์ดจอ ลงทุนเป็นหมื่น เพื่อให้เล่นเกมลื่นสมใจ สุดท้าย เครื่องดับ พาวเวอร์ไหม้ เพราะจ่ายไฟให้กับฮาร์ดดิกส์และการ์ดจอได้ไม่เพียงพอ ข้อมูลในฮาร์ดดิกส์ก็เสียดาย แถมต้องเสียเงินซื้อพาวเวอร์ซัพพลายใหม่อีก เพราะไม่รู้ว่า เคลมแล้วจะจ่ายไฟได้ดีหรือเปล่า แบบนี้ลองมองหาพาวเวอร์ซัพพลาย ที่จ่ายไฟได้เหมาะสมกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของคุณดีกว่า

อย่ามาถามว่า พาวเวอร์ตัวไหน ดีที่สุด ตราบใดที่คุณไม่ยื่นสเปคที่ใช้งาน เพื่อให้วิเคราะห์อุปกรณ์ที่ใช้ในเคส ว่าใช้ไฟเท่าไหร กี่วัตต์ ตราบใดที่คุณมองหาแต่พาวเวอร์ดีที่สุด เจ๋งที่สุด แต่อุปกรณ์ในเครื่องไม่ได้มีอะไรเลย ตราบใดที่ คุณไม่มองว่า อุปกรณ์ในเครื่องที่ใช้อยู่ หรือจะเปลี่ยนใหม่ พาวเวอร์จ่ายไฟได้พอหรือไม่ มันก็เหมือนกับ คุณซื้อโน๊ตบุคราคาเหยียบแสน แต่ดันไม่มีเงินซื้อกระเป๋าโน๊ตบุค เข้าทำนองเดียวกันเลย

ประหยัดไม่เข้าเรื่อง พาวเวอร์ตัวละไม่กี่พัน คอมทั้งชุดปาเข้าไปสี่หมื่น สุดท้ายน้ำตาตกใน เพราะฮาร์ดดิสก์พัง ข้อมูลหาย

ว่าด้วยเทคโนโลยี Active PFC

PFC คือตัว Power Factor Correction นั่นคือการตรวจสอบค่าความผิดปกติของการจ่ายไฟ โดยจะมี 2 แบบคือ Passive กับ Active โดยปกติ Power Supply ทั่วๆไป จะเป็นแบบ Passive ราคาไม่สูงนัก แต่สำหรับ Power Supply ที่มีเทคโนโลยี Active PFC จะมีข้อดีคือ

ตามปกติแล้ว เมื่อไฟบ้านเข้าสู่ Power Supply ก็จะแปลงกระแสไฟจากกระแสสลับ เป็นกระแสตรง และแน่นอนว่ามันจะมีการสูญเสียกำลังไฟในขณะที่แปลงไฟ แต่จะดีกว่าไหม ที่เทคโนโลยี Active PFC ให้การแปลงไฟ ลดค่าความสูญเสียลง ดังนั้น กระแสไฟที่คุณจะได้จ่ายให้อุปกรณ์ต่างๆ ก็จะมากขึ้นด้วย ส่งผลให้อุปกรณ์ต่างๆได้รับการจ่ายไฟที่ดีและมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น บางคนอาจจะเปิดคอมพิวเตอร์ไว้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีปิดเลย ถ้าได้พาวเวอร์ซัพลายที่มีเทคโนโลยี Active PFC รับรองไม่ต้องห่วงเรื่องไฟ เรื่องแฮ้งค์เลย

จากที่อ่านมาทั้งหมด หลายๆคนคงจะอยากลองเปิดดูในเคส ว่าพาวเวอร์ซัพพลายของเรา จ่ายไฟได้ดีหรือไม่ เพราะรู้สึกหวงแหนอุปกรณ์ในตัวเคสแล้วล่ะสิครับ

ใครที่เคยติดตั้งไดร์ว DVD-RW หลายๆตัว หรือมีทั้ง DVD-ROM, DVD-RW, CD-RW แล้ใช้ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง วินโดวส์เจอไดร์วบ้าง ไม่เจอบ้าง ก็คงถึงบางอ้อกันแล้วใช่ไหมครับว่า เป็นเพราะพาวเวอร์ซัพพลายจ่ายไฟไม่พอนั่นเอง

เตือนไว้กันลืม เวลาที่เราเปลี่ยนพาวเวอร์ซัพพลาย จะต้องปิดเครื่อง ถอดปลั๊ก และกราวน์ตัวเองจากไฟฟ้าสถิตย์ด้วยนะครับ

ข้อมูลที่บอกมาทั้งหมด เป็นทั้งประสบการณ์ส่วนตัว ในการศึกษาคอมพิวเตอร์มาร่วมสิบปีและหาข้อมูลจากเวบบอร์ด Overclockzone, UnlimitPC ใครสงสัยก็ลองสอบถามในเวบบอร์ดดูนะครับ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘