เล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับการ Defragment ที่คุณๆ ควรรู้ไว้บ้าง
เครื่องคอมฯ ของคุณๆทุกวันนี้เต็มไปด้วยไฟล์มากมาย และคุณๆ ก็ใช้มันอย่างสนุกสนาน ทั้งลบทั้งบันทึกลงฮาร์ดดิสก์ไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งคอมฯ ของก็มีอาการอืดอาด อ่านเขียนช้า นั้นเป็นอาการที่จะบอกให้คุณทราบว่า คุณควรจัดการชำระล้างพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ด้วยการ Disk Cleanup และทำการ Defragment
แต่เชื่อได้เลยว่ามีคนไม่อีกคนที่จะนึกถึงการ Defragment หรืออดทนรอให้วินโดว์ส ทำการ Defragment จนจบ ซึ่งความจริงแล้วการ Defragment นั้นจะช่วยเพิ่มความสามารถในการบูตเครื่องได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ และยังช่วยลดเวลาในการเรียกหรือโหลดโปรแกรมต่างๆ อีกด้วย สำหรับวินโดว์สทุกเวอร์ชั่นจะมีเครื่องมือสำหรับการ Defragment มาอยู่แล้วโดยไปตามเมนูนี้
Start > All Programs > Accessories > System Tools > Disk Defragmenter
ในการทำงานของ Disk Defragment มันจะทำการเรียงข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ให้แต่ละไฟล์มีการต่อเนื่องกัน แต่บางครั้งจะมีโปรแกรมต่างๆ ที่รันอยู่ส่งผลให้โปรแกรมเกิดการสับสนในการทำงาน และเมื่อการสับสนมีมากพอ Disk Defragment จะวนการทำงานกลับไปยังจุดเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง นั้นเป็นสาเหตุว่าเมื่อคุณๆ ทำ Defragment แล้วยังวนอยู่ที่ 5 เปอร์เ็ซ็นต์บ้าง 10 เปอร์เซ็นต์บ้าง วนอยู่เป็นชั่วโมงไม่ไปไหนสักที
วิธีแก้ไข คือ คุณต้องปิดโปรแกรมที่มีอยู่ในเครื่องทั้งหมด รวมไปถึง System Background ที่ทำงานอยู่เบื้องหลังด้วย ถ้าปิดโปรแกรมธรรมดาทั่วไป ผู้ใช้คอมฯ ทั่วๆไปก็สามารถทำได้ แต่นี้ปิดเป็นระบบ System จะทำอย่างไรดีหล่ะ จะปิดตัวไหนบ้างหล่ะและวิธีปิดจะปิดอย่างไร วิธีปิดเครื่องอย่างถูกวิธีเพื่อการ Defragment ก็คือ การเข้าสู่ Safe Mode แล้วจึงค่อยทำการ Defragment
ขั้นตอนในการเข้า Saft Mode ไม่ยากครับ สำหรับ Windows XP
1.รีบูตเครื่องคอมฯ
2.ในขณะที่เครื่องกำลังบูตผ่านหน้าจอ Bios ที่แสดงการทำงานของหน่วยความจำ ให้คุณกดปุ่ม
3.ที่หน้าจอ Windows Advance Option Menu ให้เลือกการบู๊ตแบบ Saft Mode
4.เมื่อเข้าสู่วินโดว์สแล้ว ให้คลิกเมนู Start > All Programs > Accessories > System Tools > Disk Defragmenter หรือคุณจะเปิด My Computer แล้วคลิกขวาที่ไดรว์ที่คุณต้องการ Defragment แล้วไปที่ Properties เลือกที่ Tools แล้วไปที่ Defragmentation แล้วคลิกที่ Defragment New
5.ที่นี่ก็ปล่อยให้เครื่องทำงานไป จนกว่าจะเสร็จ ต้องใช้เวลาหน่อยนะครับ เพราะขนาดของฮาร์ดดิสก์มีผลต่อระยะเวลาทำงานด้วย แต่ถ้าคุณทำ Defragment บ่อยครั้งๆ ต่อๆไปจะใช้เวลาน้อยลง (ปกติผมจะทำ Defragment อย่างน้อยเดือนละครั้ง ขึ้นอยู่กับการใช้โปรแกรมต่างๆด้วย)
การเข้าสู่ Saft Mode ในระบบ Windows 98/ME วิธีการก็เหมื่อนๆ กัน แต่หน้าตาจะไม่เหมื่อนกัน แต่การเลือกก็ให้เลือกหัวข้อ Safe Mode เหมื่อนกัน
หาก คุณไม่ต้องการที่จะบู๊ตวินโดว์ส เข้า Safe Mode หรือพยายามแล้วก็กดปุ่ม
การบู๊ตแบบธรรมดาไม่เข้า Safe Mode
สำหรับ Windows XP
1. คลิกที่ Start > Run แล้วพิมพ์คำว่า msconfig คลิก OK
2.เมื่อหน้าต่าง System Configuration Utility แล้วไปที่แท็บ General เลือกติ๊กที่ Selective Startup จากนั้นติ๊กเอาเครื่องถูกจาก Process SYSTEM.INI File ,Process WIN.INI File และ Load Startup Items ออก
3. จากนั้นไปที่แท็บ Service ให้ติ๊กเครื่องหมายถูกที่ Hide All Microsoft Services แล้วคลิกที่ Disable All
4.คลิก OK เสร็จแล้วก็บู๊ตเครื่องใหม่ได้
เมื่อบู๊ตวินโดว์สขึ้นมาอีกครั้งคุณก็สามารถ Defragment ได้เลย เมื่อทำเสร็จ ให้คุณเข้าไปที่ msconfig อีกครั้ง ไปที่แท็บ General ให้ติ๊กที่ Normal Startup คลิกปุ่ม OK แล้วบู๊ตเครื่องอีกครั้ง
การบู๊ตเข้า Safe Mode
ในส่วนนี้จะเป็นการบู๊ตเข้า Safe Mode โดยตรงไม่ต้องกด
สำหรับ Windows XP
1.ปิดทุกโปรแกรมให้หมด
2.คลิกที่ Start > Run พิมพ์คำว่า msconfig คลิก OK
3.เมื่อเปิด System Configuration Utility แล้ว ให้ไปที่แท็บ BOOT.INI ติ๊กทำเครื่องหมายถูกที่ /SAFEBOOT คลิก Apply
4.คลิก OK บู๊ตเครื่องใหม่
เครื่องจะเข้า Safe Mode ทันทีไม่ต้องกด
สำหรับ Windows 98/ME
1.ปิดทุกโปรแกรมให้หมด
2.คลิกที่ Start > Run พิมพ์คำว่า msconfig คลิก OK
3.ไปที่แท็บ General คลิกที่ Advanced
4.ที่หน้าต่าง Advance Troubleshooting Setting ให้เลือกที่ Enable Startup Menu แล้วคลิก OK เพื่อบังคับให้วินโดว์สแสดงเมนูบู๊ตเพื่อเข้า Safe Mode
เมื่อทำการ Defragment เสร็จแล้ว ก็แก้การบู๊ตกลับคืน ก็ให้ทำตามข้อ 1-4 อีกครั้ง แต่ขั้นตอนที่ 4 ให้เอาเครื่องถูกที่ Enable Startup Menu ออก