การจ่ายปันผลเป็นหุ้น
เมื่อบริษัทดำเนินกิจการมีกำไร
บริษัทก็มีทางเลือกในการตอบแทนผู้ถือหุ้นได้หลายรูปแบบ
รูปแบบแรกคือเก็บเงินทั้งหมดไว้ขยายกิจการของตัวเองทั้งหมด
โดยมีเหตุผลว่าการเก็บเงินไว้และไปขยายกิจการจะได้ประโยชน์มากกว่าการ
จ่ายออกไปให้ผู้ถือหุ้นไปจัดการหาทางลงทุนอื่นเอาเอง
บางบริษัทอาจจะเลือกจ่ายเงินกำไรบางส่วนออกมาเป็นเงินสดโดยเก็บไว้อีกส่วน
หนึ่ง
บางบริษัทอาจจะจ่ายเงินจากผลกำไรให้เป็นเงินปันผลเงินสดทั้งหมดโดยไม่เก็บ
ไว้เลย (กรณี้นี้อาจจะเป็นเพราะบริษัทยังไม่มีแนวทางในการขยายงานต่อไป
หรือเป็นเพราะมีสภาพคล่องสูงมาก
มีเครดิตสูงมากสามารถกู้เงินได้มากทันทีโดยไม่ต้องเก็บเงินไว้เอง)
และอีกวิธีหนึ่งสามารถเลือกได้ก็คือการจ่ายปันผลเป็นหุ้นพร้อมกับเงินสดบาง
ส่วน (สองอย่างนี้จะมาคู่กันเสมอ ลองดูต่อไปว่าทำไมนะครับ)
ทำไมจึงจ่ายเป็นหุ้นปันผลพร้อมเงินสด
ถ้า ไม่นับการไม่จ่ายเงินปันผลเลยแล้วล่ะก็ การเลือกจ่ายเป็นหุ้นปันผลพร้อมกับเงินสด (ส่วนมากจะเป็นจำนวนน้อยมาก เดี๋ยวเรามาดูกันว่าทำไม) จะเป็นวิธีที่ทำให้บริษัทยังคงมีเงินสดหลงเหลืออยู่มากที่สุดเพื่อใช้ในการ ดำเนินกิจการต่อไป แต่ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่จะเกิดขึ้นในทางบัญชีตามมาดังนี้
1. บริษัทจะจ่ายหุ้นปันผลให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนของจำนวนหุ้น (ก่อนจ่ายปันผล) ที่ผู้ถือหุ้นถืออยู่
2. หุ้นใหม่ที่จ่ายออกมาจะทำให้บริษัทมีหุ้นทั้งหมดเพิ่มขึ้น จึงต้องจดทะเบียนเพิ่มทุนด้วย
3. หุ้นใหม่ที่จ่ายออกมาจะมีราคาพาร์เท่ากับหุ้นเดิมที่มีอยู่ (ถ้าไม่มีการจดทะเบียน แตกพาร์ ลดพาร์ หรืออื่นๆ)
4. เนื่องจากมีการจ่ายปันผล จึงต้องหักเงินส่วนกำไรออกไป โดยไปเพิ่มที่ทุนจดทะเบียนแทน (เงินสดส่วนนี้ไม่หายไป)
5. บริษัทจะจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดควบคู่กันไปด้วย (จำเป็นต้องจ่าย ไม่ใช่ใจดี เดี๋ยวดูคำอธิบายภายหลัง)
6. เงินได้ของผู้ที่ได้รับหุ้นปันผลและเงินปันผล จะคำนวณจากจำนวนหุ้นปันผลคูณราคาพาร์แล้วบวกด้วยเงินปันผล
7. บริษัทมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายเป็นเงินสดในอัตราร้อยละ 10 โดยคำนวณเงินได้ของผู้ถือหุ้นตามข้อ 6
เอ่อ... เขียนๆ ไปถึงตรงนี้จึงนึกขึ้นได้ว่า มิน่าล่ะเมื่อบริษัทมีการจ่ายปันผลเป็นหุ้นออกมาจึงมักสร้างความงุนงงให้กับ นักลงทุนมือใหม่ทุกครั้งไป (มือเก่าบางทียังมึนเลย แต่ทำเป็นพอเข้าใจกล้อมแกล้มไปบ้าง) เพราะมีสิ่งที่เกิดขึ้นหลายอย่างเท่าที่นับได้นั่นก็ 7 ข้อแล้ว คราวนี้เรามาดูผลที่เกิดขึ้นกับงบดุลหรืองบแสดงสถานะทางการเงินกันดีกว่าว่า เป็นอย่างไรเมื่อบริษัทจ่ายปันผลเป็นหุ้นพร้อมกับเงินสด
ตัวอย่าง การจ่ายปันผลเป็นหุ้นพร้อมเงินสด
ก่อนการจ่ายปันผล:
สมมติ มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 10 บาท, จำนวนหุ้นของบริษัท 100,000 หุ้น, กำไรสะสม 500,000 บาท
สินทรัพย์ = ส่วนของผู้ถือหุ้น + หนี้สิน
1,500,000 (สมมติว่าทรัพย์สินเป็นเงินสดทั้งหมด) = [(10 x 100,000) ทุนเรือนหุ้น + 500,000 กำไรสะสม] (ส่วนของผู้ถือหุ้น) + 0 (หนี้สิน)
ทำการจ่ายปันผลเป็นหุ้นดังนี้:
อัตราส่วน 5:1 นั่นคือมีหุ้นปันผลทั้งหมด 20,000 หุ้น
บริษัทต้องจดทะเบียนเพิ่มทุนเป็น 120,000 หุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 10 บาท
ทุนจดทะเบียนใหม่จะเป็น 120,000 x 10 = 1,200,000 บาท (เงินจำนวน 200,000 บาทที่เพิ่มขึ้นมานี้จะต้องย้ายมาจากส่วนหนึ่งของกำไรสะสม)
เงินได้ของผู้รับปันผลจากส่วนที่เป็นหุ้นปันผลคือ 10 (ราคาพาร์ บาทต่อหุ้น) / 5 = 2 บาทต่อหุ้น
ทำการจ่ายปันผลเป็นเงินสดดังนี้:
บริษัทจะจ่ายปันผลเป็นเงินสดอีกส่วนหนึ่งจำนวน 0.2222 บาทต่อหุ้น
ทำให้ผลประโยชน์โดยรวมของผู้ถือหุ้นเป็น:
ผลประโยชน์จากหุ้นปันผล 2 บาทต่อหุ้น + 0.2222 บาทต่อหุ้น = 2.2222 บาทต่อหุ้น
บริษัทต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายร้อยละ 10 คือ 2.2222 / 10 = 0.2222 บาทต่อหุ้น
นั่นคือ ตามตัวอย่างนี้ เงินสดที่จ่ายออกมาจะถูกหักภาษีหมดไปพอดี
สิ่งที่ผู้ถือหุ้นจะได้รับจริงๆ คือหุ้นปันผลเท่านั้น
หลังการจ่ายปันผล:
มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 10 บาทเท่าเดิม, จำนวนหุ้นของบริษัทเพิ่มเป็น 120,000 หุ้น (มีหุ้นปันผลเพิ่มเข้ามา)
สินทรัพย์ = ส่วนของผู้ถือหุ้น + หนี้สิน
1,477,780 (สมมติว่าทรัพย์สินเป็นเงินสดทั้งหมด) = [(10 x 120,000) ทุนเรือนหุ้น + (500,000 - 200,000 - 22,220) กำไรสะสม] (ส่วนของผู้ถือหุ้น) + 0 (หนี้สิน)
1,477,780 (สมมติว่าทรัพย์สินเป็นเงินสดทั้งหมด) = [(10 x 120,000) ทุนเรือนหุ้น + (277,780) กำไรสะสม] (ส่วนของผู้ถือหุ้น) + 0 (หนี้สิน)
โดยที่
ก) -200,000 บาท เป็นการหักออกจากกำไรสะสมไปเป็นทุนจดทะเบียน
ข) -22,220 บาท เป็นปันผลที่เป็นเงินสดจ่ายออกมาให้กับหุ้นจำนวน 100,000 หุ้น ซึ่งในตัวอย่างนี้จะตั้งใจให้เท่ากับภาษีที่หักไว้ทั้งหมดเพื่อส่งให้กับ สรรพากร ซึ่งถ้าบริษัทไม่จ่ายปันผลเป็นเงินสดควบออกมาด้วย จะทำให้บริษัทไม่รู้จะเอาเงินตรงไหนหักออกไปจ่ายให้กับสรรพากร จึงต้องมีการ จ่ายปันผลเป็นเงินสดควบคู่กันเสมอ (เป็นการอธิบายตามข้อ 5 ด้านบน)
จะ เห็นว่าโดยรวมแล้ว การจ่ายปันผลเป็นหุ้นนั้นจะทำให้เงินสดส่วนใหญ่ยังอยู่ภายในบริษัท (ตามตัวอย่างคือ ลดจาก 1,500,000 เหลือ 1,477,780 บาท) โดยส่วนที่หายไปก็คือเงินภาษีหัก ณ ที่จ่ายที่ต้องส่งให้สรรพากรนั่นเอง ก็หวังว่าจะทำให้เพื่อนๆ นักลงทุนเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับการจ่ายปันผลเป็นหุ้นพร้อมกับเงินสดอีกส่วน หนึ่งนี้นะครับ
ทำไมจึงจ่ายเป็นหุ้นปันผลพร้อมเงินสด
ถ้า ไม่นับการไม่จ่ายเงินปันผลเลยแล้วล่ะก็ การเลือกจ่ายเป็นหุ้นปันผลพร้อมกับเงินสด (ส่วนมากจะเป็นจำนวนน้อยมาก เดี๋ยวเรามาดูกันว่าทำไม) จะเป็นวิธีที่ทำให้บริษัทยังคงมีเงินสดหลงเหลืออยู่มากที่สุดเพื่อใช้ในการ ดำเนินกิจการต่อไป แต่ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่จะเกิดขึ้นในทางบัญชีตามมาดังนี้
1. บริษัทจะจ่ายหุ้นปันผลให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนของจำนวนหุ้น (ก่อนจ่ายปันผล) ที่ผู้ถือหุ้นถืออยู่
2. หุ้นใหม่ที่จ่ายออกมาจะทำให้บริษัทมีหุ้นทั้งหมดเพิ่มขึ้น จึงต้องจดทะเบียนเพิ่มทุนด้วย
3. หุ้นใหม่ที่จ่ายออกมาจะมีราคาพาร์เท่ากับหุ้นเดิมที่มีอยู่ (ถ้าไม่มีการจดทะเบียน แตกพาร์ ลดพาร์ หรืออื่นๆ)
4. เนื่องจากมีการจ่ายปันผล จึงต้องหักเงินส่วนกำไรออกไป โดยไปเพิ่มที่ทุนจดทะเบียนแทน (เงินสดส่วนนี้ไม่หายไป)
5. บริษัทจะจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดควบคู่กันไปด้วย (จำเป็นต้องจ่าย ไม่ใช่ใจดี เดี๋ยวดูคำอธิบายภายหลัง)
6. เงินได้ของผู้ที่ได้รับหุ้นปันผลและเงินปันผล จะคำนวณจากจำนวนหุ้นปันผลคูณราคาพาร์แล้วบวกด้วยเงินปันผล
7. บริษัทมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายเป็นเงินสดในอัตราร้อยละ 10 โดยคำนวณเงินได้ของผู้ถือหุ้นตามข้อ 6
เอ่อ... เขียนๆ ไปถึงตรงนี้จึงนึกขึ้นได้ว่า มิน่าล่ะเมื่อบริษัทมีการจ่ายปันผลเป็นหุ้นออกมาจึงมักสร้างความงุนงงให้กับ นักลงทุนมือใหม่ทุกครั้งไป (มือเก่าบางทียังมึนเลย แต่ทำเป็นพอเข้าใจกล้อมแกล้มไปบ้าง) เพราะมีสิ่งที่เกิดขึ้นหลายอย่างเท่าที่นับได้นั่นก็ 7 ข้อแล้ว คราวนี้เรามาดูผลที่เกิดขึ้นกับงบดุลหรืองบแสดงสถานะทางการเงินกันดีกว่าว่า เป็นอย่างไรเมื่อบริษัทจ่ายปันผลเป็นหุ้นพร้อมกับเงินสด
ตัวอย่าง การจ่ายปันผลเป็นหุ้นพร้อมเงินสด
ก่อนการจ่ายปันผล:
สมมติ มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 10 บาท, จำนวนหุ้นของบริษัท 100,000 หุ้น, กำไรสะสม 500,000 บาท
สินทรัพย์ = ส่วนของผู้ถือหุ้น + หนี้สิน
1,500,000 (สมมติว่าทรัพย์สินเป็นเงินสดทั้งหมด) = [(10 x 100,000) ทุนเรือนหุ้น + 500,000 กำไรสะสม] (ส่วนของผู้ถือหุ้น) + 0 (หนี้สิน)
ทำการจ่ายปันผลเป็นหุ้นดังนี้:
อัตราส่วน 5:1 นั่นคือมีหุ้นปันผลทั้งหมด 20,000 หุ้น
บริษัทต้องจดทะเบียนเพิ่มทุนเป็น 120,000 หุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 10 บาท
ทุนจดทะเบียนใหม่จะเป็น 120,000 x 10 = 1,200,000 บาท (เงินจำนวน 200,000 บาทที่เพิ่มขึ้นมานี้จะต้องย้ายมาจากส่วนหนึ่งของกำไรสะสม)
เงินได้ของผู้รับปันผลจากส่วนที่เป็นหุ้นปันผลคือ 10 (ราคาพาร์ บาทต่อหุ้น) / 5 = 2 บาทต่อหุ้น
ทำการจ่ายปันผลเป็นเงินสดดังนี้:
บริษัทจะจ่ายปันผลเป็นเงินสดอีกส่วนหนึ่งจำนวน 0.2222 บาทต่อหุ้น
ทำให้ผลประโยชน์โดยรวมของผู้ถือหุ้นเป็น:
ผลประโยชน์จากหุ้นปันผล 2 บาทต่อหุ้น + 0.2222 บาทต่อหุ้น = 2.2222 บาทต่อหุ้น
บริษัทต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายร้อยละ 10 คือ 2.2222 / 10 = 0.2222 บาทต่อหุ้น
นั่นคือ ตามตัวอย่างนี้ เงินสดที่จ่ายออกมาจะถูกหักภาษีหมดไปพอดี
สิ่งที่ผู้ถือหุ้นจะได้รับจริงๆ คือหุ้นปันผลเท่านั้น
หลังการจ่ายปันผล:
มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 10 บาทเท่าเดิม, จำนวนหุ้นของบริษัทเพิ่มเป็น 120,000 หุ้น (มีหุ้นปันผลเพิ่มเข้ามา)
สินทรัพย์ = ส่วนของผู้ถือหุ้น + หนี้สิน
1,477,780 (สมมติว่าทรัพย์สินเป็นเงินสดทั้งหมด) = [(10 x 120,000) ทุนเรือนหุ้น + (500,000 - 200,000 - 22,220) กำไรสะสม] (ส่วนของผู้ถือหุ้น) + 0 (หนี้สิน)
1,477,780 (สมมติว่าทรัพย์สินเป็นเงินสดทั้งหมด) = [(10 x 120,000) ทุนเรือนหุ้น + (277,780) กำไรสะสม] (ส่วนของผู้ถือหุ้น) + 0 (หนี้สิน)
โดยที่
ก) -200,000 บาท เป็นการหักออกจากกำไรสะสมไปเป็นทุนจดทะเบียน
ข) -22,220 บาท เป็นปันผลที่เป็นเงินสดจ่ายออกมาให้กับหุ้นจำนวน 100,000 หุ้น ซึ่งในตัวอย่างนี้จะตั้งใจให้เท่ากับภาษีที่หักไว้ทั้งหมดเพื่อส่งให้กับ สรรพากร ซึ่งถ้าบริษัทไม่จ่ายปันผลเป็นเงินสดควบออกมาด้วย จะทำให้บริษัทไม่รู้จะเอาเงินตรงไหนหักออกไปจ่ายให้กับสรรพากร จึงต้องมีการ จ่ายปันผลเป็นเงินสดควบคู่กันเสมอ (เป็นการอธิบายตามข้อ 5 ด้านบน)
จะ เห็นว่าโดยรวมแล้ว การจ่ายปันผลเป็นหุ้นนั้นจะทำให้เงินสดส่วนใหญ่ยังอยู่ภายในบริษัท (ตามตัวอย่างคือ ลดจาก 1,500,000 เหลือ 1,477,780 บาท) โดยส่วนที่หายไปก็คือเงินภาษีหัก ณ ที่จ่ายที่ต้องส่งให้สรรพากรนั่นเอง ก็หวังว่าจะทำให้เพื่อนๆ นักลงทุนเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับการจ่ายปันผลเป็นหุ้นพร้อมกับเงินสดอีกส่วน หนึ่งนี้นะครับ