ยศช้างขุนนางพระ มีเพื่อเชิดชูคนดีและคว่ำบาตรคนชั่ว?
ยศช้างขุนนางพระ สำนวนนี้เมื่อคนยุคใหม่ได้ยินแล้วคงไม่คุ้นหู
หรือเข้าใจถึงความหมายที่ชัดเจน
รวมทั้งที่มาที่ไปว่าเกิดสำนวนนี้มาได้อย่างไร
วันนี้ที่นึกถึงอยากจะนำสำนวนนี้ขึ้นมาพูดคุยถึง
น่าจะเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันนี้มีข่าวเกี่ยวกับการแต่งตั้งสมณศักดิ์สำคัญ
ของวงการคณะสงฆ์ นั่นคือการแต่งตั้งตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช
ยศช้างขุนนางพระ หมายถึง เกียรติยศชื่อเสียงซึ่งผู้รับมิได้รู้สึกว่าเป็นประโยชน์แก่ตน มาจากในสมัยก่อน ช้าง เป็นสัตว์สำคัญ จึงได้รับการยกย่องแต่งตั้งให้มียศ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ช้างเปลี่ยนไป ส่วน พระภิกษุ ซึ่งถือเป็นผู้สืบทอดพระศาสนา จึงมีการถวายสมณศักดิ์ แต่พระภิกษุก็ไม่ได้หวั่นไหว ยังคงยึดมั่นในพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ยศช้างขุนนางพระ จึงถือว่าเป็นยศที่ไม่ได้ทำให้ผู้รับมีอำนาจเหมือนยศทหารหรือขุนนาง
สมณศักดิ์ ว่ากันตามตำรับตำรา (พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕) หมายความว่า ยศพระสงฆ์ที่ได้รับพระราชทานมีหลายชั้น แต่ละชั้นมีพัดยศเป็นเครื่องกำหนด อาจกล่าวได้ว่า สมณศักดิ์ คือบรรดาศักดิ์ หรือยศที่พระมหากษัตริย์พระราชทานแก่พระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ประพฤติชอบให้ดำรงมั่นอยู่ในสมณเพศ เพื่อเป็นกำลังสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา และเพื่อให้การปกครองคณะสงฆ์เป็นไปโดยเรียบร้อย เพราะการที่พระสงฆ์รูปใดได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ ย่อมได้รับมอบหมายภาระหน้าที่ในการปกครองหมู่คณะแห่งสงฆ์ไปพร้อมกันด้วย
เรามาศึกษากันค่ะว่า สมณศักดิ์มีความเป็นมาอย่างไร
ขอพูดถึงตั้งแต่สมัยพุทธกาลเลยแล้วกันนะค่ะ สมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าได้ทรงใช้จิตวิทยาในการปกครองพระสงฆ์สาวก โดยการยกย่องผู้ที่ควรยกย่อง ป้องปรามผู้ที่ควรป้องปราม ดัง จะเห็นได้จากทรงยกย่องพระสารีบุตรและพระมหาโมคคัลลานะเป็นพระอัครสาวก ฝ่ายซ้าย ฝ่ายขวา และทรงตั้งเอตทัคคะ (ผู้เป็นเลิศหรือยอดเยี่ยมในด้านใดด้านหนึ่ง) กล่าวคือ ทรงยกย่องพระสาวกอีกส่วนหนึ่งว่ามีความเป็นเลิศในด้านต่างๆ ด้วยพุทธวิธี อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวยังมิได้ถือว่าเป็นสมณศักดิ์
เมื่อพระพุทธองค์เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้ว เพื่อสามารถสืบทอดเจตนารมณ์ของพระพุทธศาสนา พระประมุขแห่งประเทศต่างๆ ที่นับถือพุทธศาสนา จึงได้มีการพระราชทานสมณศักดิ์แก่พระสงฆ์ โดยปรากฏหลักฐานว่ามีการพระราชทานสมณศักดิ์ และพัดยศพร้อมทั้งเครื่องประกอบสมณศักดิ์อื่นๆ ประเทศต่างๆ ได้รับแบบอย่างมาจากประเทศศรีลังกา
สำหรับประเทศไทยนั้นระบบสมณศักดิ์ของพระสงฆ์ เริ่มใช้ตั้งแต่สมัยสุโขทัยรัชสมัยพระมหาธรรมราชลิไทย พระองค์ได้โปรดให้ราชบัณฑิตไปอาราธนาพระมหาสามีสังฆราชมาแต่ลังกา เพื่อให้ประกาศพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ในกรุงสุโขทัย พระมหาสามีสังฆราชคงจะได้ถวายพระพรให้พระมหาธรรมราชาลิไท ทรงตั้งสมณศักดิ์ ถวายแด่พระสงฆ์ ตามราชประเพณีที่ถือปฏิบัติในประเทศลังการะบบสมณศักดิ์ในสมัยสุโขทัยไม่สลับซับซ้อนเพราะมีเพียง ๒ ระดับชั้นเท่านั้น คือ พระสังฆราชและพระครู
ส่วนในสมัยอยุธยาระบบสมณศักดิ์ได้รับการปรับให้มีระดับชั้นเพิ่มขึ้นเป็น ๓ ระดับ คือ สมเด็จพระสังฆราช พระสังฆราชคณะหรือพระราชาคณะและพระครู
ชั้นยศสมณศักดิ์ของพระสงฆ์ไทยได้เพิ่มขึ้นตามกาลสมัย และความจำเป็นในด้านการปกครองคณะสงฆ์ ซึ่งทำเนียบสมณศักดิ์ของพระสงฆ์แห่งราชอาณาจักรไทยในปัจจุบัน ดังนี้
1. สมเด็จพระสังฆราช 1 พระองค์
2. สมเด็จพระราชาคณะ 8 รูป
3. พระราชาคณะเจ้าคณะรอง 23 รูป
4. พระราชาคณะชั้นธรรม 50 รูป
5. พระราชาคณะชั้นเทพ 100 รูป
6. พระราชาคณะชั้นราช 210 รูป
7. พระราชาคณะชั้นสามัญ 510 รูป
8. พระครูสัญญาบัตรชั้นตรี-โท-เอก-พิเศษ(ไม่จำกัดจำนวน)
9. พระครูฐานานุกรม ตั้งได้ตามจำนวนที่ปรากฏในสัญญาบัตรของพระราชาคณะ
10. พระครูประทวนสมณศักดิ์ (พระครูผู้อุปการะการศึกษา)(ไม่จำกัดจำนวน)
11. พระเปรียญ ป.ธ.9 - ป.ธ.8 - ป.ธ.7 - ป.ธ.6 - ป.ธ.5 - ป.ธ.4 - ป.ธ.3
แต่เดิม การพิจารณาแต่งตั้งและเลื่อนสมณศักดิ์แก่พระสงฆ์เป็นพระราชอำนาจและเป็นพระ ราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ เมื่อทรงเห็นหรือทรงทราบด้วยพระเนตรพระกรรณว่า พระภิกษุรูปใดมีความรู้ ความเชี่ยวชาญในพระไตรปิฏก มีศิลาจารวัตรน่าเลื่อมใส มีความสามารถในการปกครองหมู่คณะให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งยังเป็นศูนย์รวมแห่งศรัทธาของประชาชนแล้วก็จะพระราชทานสมณศักดิ์เพื่อเป็นเกียรติและกำลังใจในการจะได้ช่วยกันจรรโลงพระพุทธศาสนาสืบไป (สมณศักดิ์, http://goo.gl/m555M4)
รายนามสมเด็จพระราชาคณะ 8 รูปในปัจจุบัน (เมษายน พ.ศ. 2559)
ในเรื่องการมีสมณศักดิ์ในวงการสงฆ์นั้น
เราปุถุชนอย่ามองว่าเป็นเรื่องเสียหาย
แล้วกล่าววิพากษ์วิจารณ์ว่าพระท่านไม่ละกิเลส ยึดติดตำแหน่ง
แต่เมื่อพิจาณาข้อมูลดังที่กล่าวข้างต้น
นั้นเราจะเห็นได้ชัดเจนถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของตำแหน่ง
หรือสมณศักดิ์พระมหากษัตริย์พระราชทานให้นั้น มีไว้เพื่อให้คณะสงฆ์มีการปกครองเป็นไปโดยเรียบร้อย เป็นการข่มคนที่ควรข่ม ยกย่องคนที่ควรยกย่อง ซึ่ง
การได้ยศของพระไม่ต่างจากช้าง คือแม้ได้มาก็มิได้หลงมัวเมา
ยังทำหน้าที่ตนเองตามปกติ ถึงเวลามีสงครามช้างก็ออกรบด้วยความกล้าหาญ
พระภิกษุสงฆ์เองก็มีเจตนาบริสุทธิ์กับประชาชนในการเผยแผ่และรักษาคำสอนพระ
ธรรมวินัยไว้ให้ยาวนาน หรือสมณศักดิ์เป็นดุจดั่งเกลียวทองที่ร้อยเรียงดอกไม้ที่กระจัดกระจายให้เป็นระเบียบดอกไม้ที่สวยงาม
![]() |
ตำราคชลักษณะ ทีมา: https://goo.gl/6Bx3O3 |
![]() |
ทีมา: https://goo.gl/6Bx3O3 |
สมณศักดิ์ ว่ากันตามตำรับตำรา (พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕) หมายความว่า ยศพระสงฆ์ที่ได้รับพระราชทานมีหลายชั้น แต่ละชั้นมีพัดยศเป็นเครื่องกำหนด อาจกล่าวได้ว่า สมณศักดิ์ คือบรรดาศักดิ์ หรือยศที่พระมหากษัตริย์พระราชทานแก่พระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ประพฤติชอบให้ดำรงมั่นอยู่ในสมณเพศ เพื่อเป็นกำลังสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา และเพื่อให้การปกครองคณะสงฆ์เป็นไปโดยเรียบร้อย เพราะการที่พระสงฆ์รูปใดได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ ย่อมได้รับมอบหมายภาระหน้าที่ในการปกครองหมู่คณะแห่งสงฆ์ไปพร้อมกันด้วย
![]() |
พัดยศ เป็นเครื่องประกอบสมณศักดิ์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระบรมราชานุญาตให้สร้างขึ้น เพื่อถวายแก่พระสังฆาธิการในโอกาสรับพระราชทานสมณศักดิ์ ที่มา: https://goo.gl/dwBOQd |
ขอพูดถึงตั้งแต่สมัยพุทธกาลเลยแล้วกันนะค่ะ สมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าได้ทรงใช้จิตวิทยาในการปกครองพระสงฆ์สาวก โดยการยกย่องผู้ที่ควรยกย่อง ป้องปรามผู้ที่ควรป้องปราม ดัง จะเห็นได้จากทรงยกย่องพระสารีบุตรและพระมหาโมคคัลลานะเป็นพระอัครสาวก ฝ่ายซ้าย ฝ่ายขวา และทรงตั้งเอตทัคคะ (ผู้เป็นเลิศหรือยอดเยี่ยมในด้านใดด้านหนึ่ง) กล่าวคือ ทรงยกย่องพระสาวกอีกส่วนหนึ่งว่ามีความเป็นเลิศในด้านต่างๆ ด้วยพุทธวิธี อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวยังมิได้ถือว่าเป็นสมณศักดิ์
เมื่อพระพุทธองค์เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้ว เพื่อสามารถสืบทอดเจตนารมณ์ของพระพุทธศาสนา พระประมุขแห่งประเทศต่างๆ ที่นับถือพุทธศาสนา จึงได้มีการพระราชทานสมณศักดิ์แก่พระสงฆ์ โดยปรากฏหลักฐานว่ามีการพระราชทานสมณศักดิ์ และพัดยศพร้อมทั้งเครื่องประกอบสมณศักดิ์อื่นๆ ประเทศต่างๆ ได้รับแบบอย่างมาจากประเทศศรีลังกา
![]() |
ที่มา: https://goo.gl/M8lcOh |
สำหรับประเทศไทยนั้นระบบสมณศักดิ์ของพระสงฆ์ เริ่มใช้ตั้งแต่สมัยสุโขทัยรัชสมัยพระมหาธรรมราชลิไทย พระองค์ได้โปรดให้ราชบัณฑิตไปอาราธนาพระมหาสามีสังฆราชมาแต่ลังกา เพื่อให้ประกาศพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ในกรุงสุโขทัย พระมหาสามีสังฆราชคงจะได้ถวายพระพรให้พระมหาธรรมราชาลิไท ทรงตั้งสมณศักดิ์ ถวายแด่พระสงฆ์ ตามราชประเพณีที่ถือปฏิบัติในประเทศลังการะบบสมณศักดิ์ในสมัยสุโขทัยไม่สลับซับซ้อนเพราะมีเพียง ๒ ระดับชั้นเท่านั้น คือ พระสังฆราชและพระครู
ส่วนในสมัยอยุธยาระบบสมณศักดิ์ได้รับการปรับให้มีระดับชั้นเพิ่มขึ้นเป็น ๓ ระดับ คือ สมเด็จพระสังฆราช พระสังฆราชคณะหรือพระราชาคณะและพระครู
ชั้นยศสมณศักดิ์ของพระสงฆ์ไทยได้เพิ่มขึ้นตามกาลสมัย และความจำเป็นในด้านการปกครองคณะสงฆ์ ซึ่งทำเนียบสมณศักดิ์ของพระสงฆ์แห่งราชอาณาจักรไทยในปัจจุบัน ดังนี้
1. สมเด็จพระสังฆราช 1 พระองค์
2. สมเด็จพระราชาคณะ 8 รูป
3. พระราชาคณะเจ้าคณะรอง 23 รูป
4. พระราชาคณะชั้นธรรม 50 รูป
5. พระราชาคณะชั้นเทพ 100 รูป
6. พระราชาคณะชั้นราช 210 รูป
7. พระราชาคณะชั้นสามัญ 510 รูป
8. พระครูสัญญาบัตรชั้นตรี-โท-เอก-พิเศษ(ไม่จำกัดจำนวน)
9. พระครูฐานานุกรม ตั้งได้ตามจำนวนที่ปรากฏในสัญญาบัตรของพระราชาคณะ
10. พระครูประทวนสมณศักดิ์ (พระครูผู้อุปการะการศึกษา)(ไม่จำกัดจำนวน)
11. พระเปรียญ ป.ธ.9 - ป.ธ.8 - ป.ธ.7 - ป.ธ.6 - ป.ธ.5 - ป.ธ.4 - ป.ธ.3
แต่เดิม การพิจารณาแต่งตั้งและเลื่อนสมณศักดิ์แก่พระสงฆ์เป็นพระราชอำนาจและเป็นพระ ราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ เมื่อทรงเห็นหรือทรงทราบด้วยพระเนตรพระกรรณว่า พระภิกษุรูปใดมีความรู้ ความเชี่ยวชาญในพระไตรปิฏก มีศิลาจารวัตรน่าเลื่อมใส มีความสามารถในการปกครองหมู่คณะให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งยังเป็นศูนย์รวมแห่งศรัทธาของประชาชนแล้วก็จะพระราชทานสมณศักดิ์เพื่อเป็นเกียรติและกำลังใจในการจะได้ช่วยกันจรรโลงพระพุทธศาสนาสืบไป (สมณศักดิ์, http://goo.gl/m555M4)
![]() |
สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ (มหานิกาย) |
![]() |
สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มานิต ถาวโร)
กรรมการมหาเถรสมาคม
เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม วรวิหาร กรุงเทพมหานคร (ธรรมยุติ) |
สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (อัมพร อมฺพโร) รองแม่กองงานพระธรรมทูต รูปที่ 1 กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร (ธรรมยุติ) |
![]() |
สมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร (ธรรมยุติ) |
![]() |
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (วีระ ภทฺทจารี) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร (มหานิกาย) |
![]() |
สมเด็จพระธีรญาณมุนี (สมชาย วรชาโย) รองแม่กองธรรมสนามหลวง รูปที่ 1 ฝ่ายนักธรรม เจ้าคณะภาค 1-2-3-12 และ 13 กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส ราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร (ธรรมยุต) |
![]() |
สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการามวรวิหาร กรุงเทพมหานคร (มหานิกาย) |
![]() |
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) ประธาน ศตภ. หัวหน้าพระธรรมทูต สายที่ 5 เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร กรุงเทพมหานคร (มหานิกาย) |