พบการปลอมพระลิขิตเพื่อหวังผลประโยชน์และอำนาจ แต่สุดท้ายพลาดจึงถูกดำเนินคดียกแก๊งค์
พบการปลอมพระลิขิตเพื่อหวังผลประโยชน์และอำนาจ
แต่สุดท้ายพลาดจึงถูกดำเนินคดียกแก๊งค์
............................
กรณีการปลอมลายเซ็นหรือพระลิขิตนั้นไม่ใช่พึ่งเกิดขึ้น ในยุคนี้แต่ได้เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งเช่นกรณีของพระครูสมุห์สมศักดิ์ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นเลขานุการสมเด็จพระพุฒาจารย์(อาจ อาสโภ)ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชฯในยุคนั้น(2530)ก็มีปรากฏเรื่อง นี้ขึ้น
ในขณะที่สมเด็จฯอาพาธไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้นั้น
พระครูฯกับพวกคิดการใหญ่ได้ทำการปลอมแปลงลายพระหัตถ์เพื่อออกและขาย ใบ“สมณศักดิ์”ให้แก่พระหรือเจ้าอาวาสวัดต่างๆที่ต้องการจะเลื่อนสมณศักดิ์ เป็น"พระครู"จนเกิดเป็นข่าวเกรียวกราวตามสื่อต่างๆหลังจากมีการตรวจสอบพบว่า เป็นของปลอม
ต่อมาเจ้าหน้าที่บ้านเมืองได้เข้าไปตรวจสอบพบความจริงจึงได้มีการจับกุม ดำเนินคดีและจับสึกไปหลายรายโดยเฉพาะนายสมศักดิ์ พรรัตนสมบูรณ์อดีตพระเลขาฯก็ถูกจับสึกด้วย
............................
เหตุการณ์ครั้งนั้นคล้ายในปัจจุบันแต่ต่างกันที่เป้าหมาย
นั่นคืออาศัยพระลิขิตปลอมนี้เพื่อมุ่งทำลายพระสงฆ์และองค์กรสงฆ์
ดังจะเห็นว่าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาDSIแทนที่จะตรวจสอบเอาผิดผู้ปลอมพระ ลิขิตแต่กลับส่งเรื่องไปยังปปช.เอาผิดมส.ในมาตรา157(ละเว้นหน้าที่)
บทสรุปจะเป็นอย่างไรคงต้องติดตามกันต่อไปแต่เชื่อแน่ว่าจุดจบคงคล้ายๆกันแต่ อาจจะหนักกว่ามากเพราะมีผลกระทบต่อสงฆ์หมู่ใหญ่ทั่วสังฆมณฑล
แต่สุดท้ายพลาดจึงถูกดำเนินคดียกแก๊งค์
............................
กรณีการปลอมลายเซ็นหรือพระลิขิตนั้นไม่ใช่พึ่งเกิดขึ้น ในยุคนี้แต่ได้เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งเช่นกรณีของพระครูสมุห์สมศักดิ์ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นเลขานุการสมเด็จพระพุฒาจารย์(อาจ อาสโภ)ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชฯในยุคนั้น(2530)ก็มีปรากฏเรื่อง นี้ขึ้น
ในขณะที่สมเด็จฯอาพาธไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้นั้น
พระครูฯกับพวกคิดการใหญ่ได้ทำการปลอมแปลงลายพระหัตถ์เพื่อออกและขาย ใบ“สมณศักดิ์”ให้แก่พระหรือเจ้าอาวาสวัดต่างๆที่ต้องการจะเลื่อนสมณศักดิ์ เป็น"พระครู"จนเกิดเป็นข่าวเกรียวกราวตามสื่อต่างๆหลังจากมีการตรวจสอบพบว่า เป็นของปลอม
ต่อมาเจ้าหน้าที่บ้านเมืองได้เข้าไปตรวจสอบพบความจริงจึงได้มีการจับกุม ดำเนินคดีและจับสึกไปหลายรายโดยเฉพาะนายสมศักดิ์ พรรัตนสมบูรณ์อดีตพระเลขาฯก็ถูกจับสึกด้วย
............................
เหตุการณ์ครั้งนั้นคล้ายในปัจจุบันแต่ต่างกันที่เป้าหมาย
นั่นคืออาศัยพระลิขิตปลอมนี้เพื่อมุ่งทำลายพระสงฆ์และองค์กรสงฆ์
ดังจะเห็นว่าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาDSIแทนที่จะตรวจสอบเอาผิดผู้ปลอมพระ ลิขิตแต่กลับส่งเรื่องไปยังปปช.เอาผิดมส.ในมาตรา157(ละเว้นหน้าที่)
บทสรุปจะเป็นอย่างไรคงต้องติดตามกันต่อไปแต่เชื่อแน่ว่าจุดจบคงคล้ายๆกันแต่ อาจจะหนักกว่ามากเพราะมีผลกระทบต่อสงฆ์หมู่ใหญ่ทั่วสังฆมณฑล