พับมันแล้วเก็บลงในกล่องรองเท้า พวกเราจะฝังกลบให้เรียบร้อย

ย้อนเวลากลับไปในช่วงปี 1950 ที่เมืองโบเชอร์ รัฐลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา เมเดลีนเรียกลูกสาวบอนนี่วัยแปดขวบและน้องสาววัยหกขวบของบอนนี่ออกมาที่ลาน หลังบ้าน "หยิบกระดาษกับดินสอมาด้วยนะลูก" เธอบอก

เธอนั่งอยู่บนสนามหญ้า ข้างกายมีกล่องรองเท้ากับพลั่วเล็กๆ และสองสาวน้อยก็นั่งลงข้างแม่

"ขุดหลุมสิจ๊ะ" เด็กสาวทั้งสองช่วยกันขุดหลุมขนาดใหญ่ตามที่แม่บอก เพื่อจะใส่กล่องรองเท้าใบนั้นลงไป

"เอาละ" ให้เขียนคำว่า "ไม่ได้" ลงบนกระดาษที่ลูกถือออกมา พับมันแล้วเก็บลงในกล่องรองเท้า พวกเราจะฝังกลบให้เรียบร้อย

"คราวนี้ ลูกก็จะไม่สามารถพูดคำว่า...ไม่ได้...อีกต่อไปแล้วนะ" นั่นกลายเป็นประกาศิตที่บอนนี่ถือมาตลอดตั้งแต่นั้น เธอไม่เคยพูดว่า "ไม่ได้" อีกเลยในชีวิต

ปัจจุบัน Bonnie Mcelveen-Hunter เป็นเจ้าของและทำหน้าที่บริหารบริษัทผลิตสื่อโฆษณาที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจขนาดใหญ่เพียงไม่กี่รายที่มีเจ้าของเป็นผู้หญิง อีกทั้งเธอยังเป็น เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศฟินแลนด์ด้วย และเธอยังเป็นประธานสภากาชาดอเมริกัน แถมยังเป็นคนจัดการประชุมสุดยอดผู้บริหารหญิงนานาชาติอีกด้วย

คำว่า "ไม่ได้" มันเป็นการปิดกั้นการเรียนรู้ของสมองโดยสิ้นเชิง
คำว่า "ไม่ได้" มันไม่มีจริงหรอกครับ มันเป็นเพียงแค่ข้ออ้างให้สิ่งที่คุณไม่ได้ให้ความสนใจกับมันเท่านั้นเอง

หากในอดีต สองพี่น้องตระกูลไรท์ ปักใจเชื่อว่ามนุษย์ยังไงก็บินไม่ได้ ปัจจุบันนี้เราคงไม่มีเครื่องบินใช้

หากในอดีต โทมัส อัลวา แอนเดอร์สัน เชื่อว่ายังไงเขาเป็นได้แค่ ไข่เน่าของชั้นเรียน ชายหูหนวกผู้ไม่ได้มีอะไรดีในชีวิต ณ ปัจจุบันนี้ เราอาจจะยังไม่มีหลอดไฟใช้มากมายขนาดนี้

เห็นมั้ยครับว่า ทุกการเปลี่ยนแปลง เริ่มจากการที่เราตัดสินใจตัดคำว่า"ไม่ได้"ออกจากชีวิตไป และมุ่งมั่นสร้างผลลัพธ์ในแบบที่เราต้องการให้เกิดขึ้นเป็นความจริง

ทุกวันนี้เราใช้คำว่า "ไม่ได้" มากเกินไปหรือเปล่า ?

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘