ค้นหาบล็อกนี้
การบ้าน 10 ข้อ
การบ้าน 10 ข้อ ที่ควรทำทุกวัน เพื่อการบรรลุเป้าหมายในชีวิตคือการเข้าถึงธรรม
การบ้านวัดพระธรรมกายข้อที่ 1 นำบุญไปฝากคนที่บ้าน
นำ บุญไปฝากคนที่บ้าน หมายถึง การเดินทางกลับบ้านด้วยความสดชื่น
ด้วยจิตใจสดใสมีพลัง เต็มเปี่ยมด้วยความรัก ความเมตตา
และความเข้าใจถึงสภาวะในบ้านของตน คนใกล้ชิด
อย่างพอคาดคะเนได้ว่าในแต่ละวันจะต้องกลับไปพบกับอะไร
ทำให้เกิดภาวะเตรียมตัว เตรียมใจ ห่อหุ้มตนไว้ด้วย สภาวธรรมที่ตนเข้าถึง
หรือด้วยอารมณ์สดใสแช่มชื่นอย่างพร้อมที่จะพบกับทุกสิ่งบนพื้นฐานแห่งเมตตา
ธรรมของตน
การบ้านวัดพระธรรมกายข้อที่ 2 จดบันทึกผลการปฏิบัติธรรม
ทั้ง นี้เพื่อการพัฒนาที่ต่อเนื่องในเรื่องของการปฏิบัติ
การจดบันทึกทำให้เกิดการทบทวน ธรรมะนั้นเป็นสิ่งที่ยิ่งทบทวนยิ่งรู้แจ้ง
ยิ่งเกิดบุญ ครั้นเมื่อกลับมาอ่านในตอนเช้า
หรือวันต่อไปจะทำให้ธรรมะของเราต่อเนื่องและลุ่มลึก
เป็นข้อดีอย่างยิ่งที่จะทำให้เกิดพัฒนาในการปฏิบัติธรรม ทำให้ปรับตนได้
จับอารมณ์ของตัวเองว่าอย่างไรจึงทำให้ธรรมะดี อย่างไรทำให้การปฏิบัติถดถอย หรือละเอียดได้ไม่เท่าเดิม
การบ้านวัดพระธรรมกายข้อที่ 3 ก่อนนอนนึกถึงบุญที่สั่งสมมาทั้งหมด
หมาย ถึง ทุกคืนก่อนล้มตัวลงนอน หรือก่อนเข้านอน
หรือเมื่ออยู่ในช่วงเวลาก่อนนอนให้นึกถึงความดีที่ทำมาตลอดวัน ตลอดสัปดาห์
ตลอดเดือน ตลอดปี
โดยเริ่มต้นที่บุญหรือความดีที่ประทับใจที่สุดเพื่อให้เกิดปีติ
จากนั้นความปีตินั้นก็จะทำหน้าที่ดึงดูดบุญหรือความดีอื่น ๆ โดยอัตโนมัติ
หรือทำให้นึกได้อย่างต่อเนื่องจนเกิดความรู้สึกภูมิใจ ปีติใจ ชื่นใจในตนเอง
การบ้านวัดพระธรรมกายข้อที่ 4 หลับในอู่แห่งทะเลบุญ
หมาย ถึง การฝึกให้หลับอย่างมีสติ หลับไปในห้วงของความสว่าง
ในห้วงของความสงบ
หรือหลับไปในปีติหลังจากที่นึกถึงบุญที่สั่งสมมาทั้งหมดแล้ว
การบ้านวัดพระธรรมกายข้อที่ 5 ตื่นในอู่แห่งทะเลบุญ
หมายความว่าให้ตื่นในความสว่างไสว ตื่นอย่างสดใส ตื่นอย่างอารมณ์ดี ตื่นอย่างมีสติเตือนตนถึงความดีที่ได้ทำมา
เพื่อเช้าวันใหม่ ชีวิตใหม่จะได้ดีกว่าชีวิตเดิมเมื่อวานนี้ เพื่อการทำงาน ทำความดีได้เต็มที่เท่าเดิมหรือมากกว่าเดิม
การบ้านวัดพระธรรมกายข้อที่ 6 เมื่อตื่นแล้วรวมใจเป็นหนึ่งกับองค์พระ 1 นาที
ใน 1 นาทีให้นึกว่าเราโชคดีที่รอดตายมาอีกหนึ่งวันขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายจงมีความสุข อันตัวเรานั้น ตายแน่ ตายแน่
หมายความว่า
ทันทีที่เรารู้สึกตัวตื่นขึ้นในเช้าวันใหม่
สิ่งแรกที่เราต้องฝึกคิดถึงเป็นอันดับแรกคือ องค์พระ สัก 1 นาที และใน 1
นาทีนั้นให้เรานึกว่าเราโชคดีที่รอดตายมาได้อีก 1 วัน
แล้วแผ่เมตตาขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายจงมีความสุข อันตัวเรานั้นตายแน่ ตายแน่
การบ้านวัดพระธรรมกายข้อที่ 7
ทั้งวันให้ทำความรู้สึกว่าตัวเราอยู่ในองค์พระ องค์พระอยู่ในตัวเรา
ตัวเราเป็นองค์พระ องค์พระเป็นตัวเรา
หมายความถึง การทำใจให้ผูกพันอยู่กับองค์พระ
ใจเรากับใจพระจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อชีวิตจะอยู่ในความปลอดภัย
ร่างกายจะได้แข็งแรง เพราะการที่ใจอยู่กับพระ
กระแสของพระก็จะเข้ามาหล่อเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา
การบ้านวัดพระธรรมกายข้อที่ 8 ทุก 1 ชั่วโมง ขอ 1 นาที เพื่อหยุดใจ นึกถึงดวง องค์พระ หรือทำใจนิ่งๆ ว่างๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7
หมายความว่า วันทั้งวันที่ไม่ใช่เวลานอนเราจะได้ใกล้ชิดกับพระจริง ๆ
ใกล้ชิดกับธรรมะเราเข้าถึงจริง ๆ เพราะในข้อที่ 7 นั้น
เป็นการทำได้โดยโครงสร้าง
เหมือนการวางตัวไว้ในกรอบเพื่อความไม่ประมาทแต่สำหรับข้อที่ 8 นี้
ถือเป็นการทำให้ละเอียดลงไปอีกขั้นตอนหนึ่ง
การบ้านวัดพระธรรมกายข้อที่ 9 ทุก กิจกรรมตั้งแต่ตื่นนอน
ไม่ว่าจะเป็นการล้างหน้า อาบน้ำ แต่งตัว รับประทานอาหาร ล้างจาน กวาดบ้าน
ออกกำลังกาย ขับรถ ทำงาน ให้นึกถึงดวง หรือองค์พระไปด้วย
หมายถึงการทำใจให้จดจ่ออยู่กับธรรมะ อยู่กับศูนย์กลางกาย
โดยไม่ต้องเลือกเวลา กิจกรรม หรือสถานที่ ซึ่งบางทีอาจนึกถึงดวง
บางครั้งเป็นองค์พระ สลับไปมาก็ไม่เป็นไร
จุดมุ่งหมายเพื่อให้ใจจดจ่ออยู่กับธรรมะ กับศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ของตน
การทำการบ้านข้อนี้จะมีผลทำให้ไม่ไป
วุ่นวายกับเรื่องที่ไม่ใช่ธุระของตน ทำให้ลดการเกิดวิบาก
ลดการกระทำที่อาจทำให้เกิดบาปขึ้นได้ ตรงกันข้ามกลับทำให้บุญไหลมาเทมา
ธรรมะสุกใสไปกับวันเวลาและภารกิจการงาน
การบ้านวัดพระธรรมกายข้อที่ 10 สร้างบรรยากาศให้ดี สดชื่น ด้วยรอยยิ้ม และปิยวาจา
หมายความถึงการสร้างสรรค์อารมณ์ที่ดี อารมณ์งดงาม ความสุนทรีให้เกิดในชีวิตและในบรรยากาศโดยรอบ
“รอย ยิ้ม” เคยเป็นเอกลักษณ์ของชนชาติไทยมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล เรียกว่า
ยิ้มสยาม แต่นับวันรอยยิ้มของคนไทยเริ่มจางหายไปทุกที
ทั้งนี้อาจเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจ
และสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปอีกทั้งสภาวะมลพิษทำให้คนไทยเกิดความเครียดในชีวิต
หน้าที่การงาน ครอบครัว
ทำให้ไม่มีอารมณ์ยิ้มเหมือนแต่ก่อน เมื่อยิ้มยากขึ้น
คำพูดที่ออกมาก็กระด้าง ไม่ไพเราะ หรืออาจจะหยาบคาย
ส่งผลให้บรรยากาศโดยรอบยิ่งตึงเครียด และเกิดการกระทบกระทั่งกัน
ดังนั้นจึงต้องฝึกสร้างบรรยากาศด้วยรอยยิ้มและปิยวาจาโดยเริ่มที่ตัวเรา
เมื่อเราส่งรอยยิ้มและปิยวาจาออกไป
คนอื่นก็จะรู้สึกดีและส่งตอบกลับมาผลก็คือเกิดบรรยากาศที่ดีทำให้ใจเราดี
ยิ่งขึ้น นุ่มนวลยิ่งขึ้น