รุ่นผูกพัทธสีมา




เล่าเรื่องด้วยภาพ ภาพนี้บันทึกเมื่อ พ.ศ.2523 ซึ่งเป็นรุ่นที่เข้าพิธีผูกพัทธสีมา ตอนนั้นวัดเรา เป็นเพียงศูนย์พุทธจักรปฏิบัติธรรม ทางเข้าวัดมีทางเข้าคือ เข้าทาง คลอง สาม เป็นการบวชภาคฤดูร้อน พระที่นำอยู่ข้างหน้า คือหลวงพี่สมบูรณ์ ตอนนั้น ท่านเป็น ผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่จังหวัดหนองคาย พระธรรมทายาทตอนนั้น ต้องออกบิณฑบาต ภายนอกศูนย์ฯ แรกบิณฑบาต ก็จะเจ็บเท้า เพราะถนนจะเต็มไปด้วยกรวด หิน มีคมบ้าง แข็งบ้าง เพราะเต็มไปด้วยหินคลุกบ้าง ดินแดงบ้าง ถ้าบางตอนเจอถนนลาดยาง ทางที่เป็นดินก็ดีหน่อย ก็เดินจึงสำรวม ใจจรดศูนย์กลางกาย ตาก็พิจารณาทางที่เดินไป
ตอนนั้นรอบๆวัดเรา จะเป็นทุ่งนา แถวคลองแอล จะมีโรงแยกขยะที่มาจากสายการบินต่างๆ บางครั้ง บางเวลา ก็จะมีกลิ่นโชย อีกฝั่งถนนก็จะเป็นสวนส้ม ลูกเจ้าของสวนส้มคลองสามก็ชื่อพระสมบูรณ์เหมือนกันซึ่งท่านก็ได้บวชรุ่นนี้ ผู้ที่เป็นองค์นำในการบิณฑบาต ก็คือ หลวงพ่อทัตตชีโว ตลอดระยะทาง ก็จะมี สาธุชนใกล้ และไกล มีรถส่วนตัวมาจากที่ต่างๆ และจะมีรถเข็ญตามมาถ่ายบาตร โดยพระธรรมทายาท ต้องหยิบถ่ายเอง อาหารที่มาจากการถวาย ก็จะรวมที่เรือนไทยหลังวัด เวลาฉันก็ฉันจากบาตร และฉันเพียงมือเดียว ไม่มีการสะสมอาหาร อาหารต่างๆก็จะแบ่งให้ตามโรงเรียน และชุมชน
การบวชตอนนั้น ได้สิ่งต่างๆ ที่เป็นมงคลในการดำเนินชีวิต ถึงปัจจุบัน คือ ศีล สมาธิ บางครั้ง บางช่วง บางเวลา จะมีอุปสรรคในทางโลก ก็ฟันฝ่า สิ่งต่างๆ แบบอัศจรรย์ ผ่านพ้น....เพราะ เราศิษย์มีครู

การอยู่ เป็นแบบธุดงค์ โดยจะอยู่ด้วยกลดแบบกลมๆ มีทั้งแบบแขวน และแบบปัก สุดแท้แต่ตรงที่ปักจะมีสิ่งเอื้ออำนวยแบบใด ของเราเป็นแบบปัก เพราะ ไม่มีกิ่งไม้ หรือสิ่งอื่นใดแขวนได้ การดำรงชีวิต เป็นแบบต้องใช้สติ สมาธิ การเดิน ก็จะเดินเป็นแถว ไม่มีพูดคุย และเสียงฝีเท้า เพราะเส้นทางต้องผ่านกุฎิหลวงพ่อ ตอนนั้นในวัดจะมีสัตว์เลื้อยคลานเจ้าของถิ่น เป็นพวกงู โดยเฉพาะงูแมวแซว งูทางมะพร้าว เจ้าตัวนี้พบเพราะอยู่แถวบันได ศาลาจาตุมหาราชิกา ทางทิศเหนือ เห็นเพื่อนๆธรรมธายาทยืนดู เจ้าตัวนี้กร่างน่าดูมีการฉกขู่ ทั้งๆที่ตัวเค้าไม่มีพิษ
และประสบกับตัวเองคือช่วงบ่ายวันหนึ่ง หลังจากหลวงพ่อให้กลับมาที่กลดเพื่อทำกิจส่วนตัว ระหว่างนั่งที่กลดริมคูวัดติดรั้ว ก็มีงูตัวใหญ่ชนิดโตเต็มวัยเลื้อยจากริมน้ำ ค่อยๆผ่านหน้า ไปที่รูดิน ติดกำแพง ด้วยความที่เคยพบเห็นงูบ่อยๆ งูตัวนี้คืองูเห่า เราก็จดจิตแผ่เมตตาให้เค้าไป ก็มาถึงบางอ้อ เสียงเลื้อยตอนกลางคืน ที่ได้ยินหลังกลับมาจากศาลาจาตุมหาราชิกา ในตอนดึก สงสัยเป็นเสียงจากเจ้าตัวนี้แน่นอน เท่าที่สังเกตุ พวกเราไม่เคยจับหรือตีพวกเค้า ทำให้หวลคิด วัดเราเป็นระเบียบมีความสะอาด พวกหนูและแมลงที่อาศัยเศษอาหารจึงไม่มี ทำให้ตัดวงจรอาหารของงู
การเดินก็เดินถนนตรงไปหลังวัด กลดจะปักเรียงรายไปทางซ้ายและทางขวาโดยต้องข้ามสะพาน ไปฝั่งติดกับรั้วของศูนย์ ที่เป็นรั้วอิฐบล็อค
อีกอย่างกลดที่ปัก เราต้องเก็บทุกวันโดบจะม้วนกับเสา หุ้มผ้าพลาสติกแล้วพันด้วยเชือก โดยพันให้สูงกว่าพื้นให้มากที่สุด และเก็บสถานที่ให้สะอาด ให้เกลี้ยง โดยรอบ เพือนๆพี่ๆน้องๆ ก็ทำกันแบบนี้ ไฟฉายเป็นสิ่งจำเป็นสิ่งหนึ่ง ในสมัยนั้น..เพราะสัตว์เจ้าถิ่นอาศัยอยู่ ร่วมกับพวกเรา ฉายก็เพื่อไม่ไปเหยีบพวกเค้าเวลาเดินกลับกลดในเวลากลางคืน ซึ่งดึกมาก

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘