ชาวน่าน "บ่เอา" มัสยิด !
เผยชุมชนพุทธแห่งสุดท้ายที่ยืนหยัดไม่เอามัสยิด
หลังจากรัฐบาลออกกฎหมายควายๆ
ให้สร้างที่ไหนก็ได้
แค่มีสมาชิกไม่กี่คน
อา..กรรมการ มส.
อย่ามัวแต่ห่วงธัมมชโย รีบไปดูด่วน
ว่าดินแดนพุทธภายใต้การปกครองของท่านกำลังถูกรุกคืบจากศาสนาอื่น ที่อ้าง
"กฎหมายควายๆ"
ของพวกนักการเมืองที่ไร้อุดมการณ์ ถามว่า
การต่อต้านมัสยิดของชาวพุทธน่านผิดตรงไหน ? คำตอบก็คือ ถูกต้องตามหลักการ
เพราะการสร้างมัสยิดขึ้นมาในบ้านเมืองที่มีศาสนิกชนศาสนาอื่นอยู่จำนวนมาก
แต่มุสลิมมีเพียงไม่กี่สิบคนนั้น ถือว่าผิดหลักสากล เช่นในสหรัฐอเมริกา
การจะสร้างวัดหรือโบสถ์ขึ้นมานั้น ต้องมีการทำ
"เฮียริ่ง"
คือขออนุญาตจากชุมชนรอบข้าง หากมีผู้ไม่เห็นด้วยแม้แต่คนเดียว
ก็สร้างไม่ได้ ไม่ว่าจะอ้างยังไง มีเงินถุงเงินถังขนาดไหน
นี่คือหลักการในการสร้างอะไรที่กระทบต่อวิถีชีวิตของชาวเมือง
มีก็แต่ประเทศไทยนี่แหละ
ที่ปล่อยให้พวกนักการเมืองออกกฎหมายทำลายศาสนาพวกนี้มาได้
คราวก่อนก็ชุมชน
"เวียงป่าเป้า"
จังหวัดเชียงราย ได้ออกมาต่อต้านการสร้างมิสยิด แต่เรื่องก็เงียบหายไป
เพราะข้าราชการซึ่งเป็นคนต่างถิ่นไปกินตำแหน่ง
คิดจะรักษาหน้าตัวเองอย่างเดียว คราวนี้ หวังว่าชาวน่านคงเอาจริง
ไม่ยอมให้พวกข้าราชการขายชาติมันย่ำยีบ้านเมือง
ชาวเมืองน่านต้องรักเมืองน่าน
เมืองน่านยุคต่อไป
ถ้าปล่อยให้สร้างมัสยิดได้
รักเมืองน่าน ต่อต้านมัสยิด
แพร่/น่าน –
กระแสต่อต้านมุสลิมสร้างมัสยิดที่เมืองน่านส่อบานปลาย
ล่าสุดมีคนเปิดเฟซบุ๊กแฟนเพจนัดรวมตัว “วัดพระธาตุแช่แห้ง”
พรุ่งนี้ (1 มี.ค.)
แสดงพลัง “คนน่าน บ่อเอา มัสยิด” กลัวก่อการร้ายเหมือนชายแดนใต้
แถมโยงแผนอิสลามโดดเดี่ยวอเมริกา-ยุโรป/ยึดไทยผ่านการเมืองภาคใต้
อ้างเฉยหนุนเงินผ่านอิสลามแบงก์ ใช้เอเอสทีวี.ปลุกปั่นคนไทย
วันนี้ (28 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แอดมินเฟซบุ๊กแฟนเพจ “คนน่าน บ่เอา มัสยิด” ที่เพิ่งออนไลน์กันช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีผู้มีติดตามแล้วกว่า 2 พันราย ได้ประกาศบนหน้าเพจว่า “พุทธศาสนาถูกรังแกมามากพอแล้ว ที่มั่นสุดท้ายของพระพุทธศาสนาในประเทศไทยคือ นครน่าน แผ่นดินธรรมของพ่อเฒ่าแม่หม่อนได้ประดิษฐานพระพุทธศาสนาไว้ดีแล้ว ลูกหลานชาวน่านจะต้องรักษาไว้บ่หื้อไผมาย่ำยี 1 มีนาคม 2558 พบกันที่วัดพระธาตุแช่แห้งเพื่อแสดงพลังว่า คนน่านบ่เอามัสยิด”
เป็นความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นหลังชาวมุสลิมในจังหวัดน่าน ที่มีอยู่ราว 60 คน ได้พยายามที่จะตั้งมัสยิดเพื่อประกอบพิธีทางศาสนาขึ้นในจังหวัดน่าน เพราะทุกวันนี้ชาวมุสลิมจังหวัดน่านต้องเดินทางไปละหมาด-ทำพิธีกันที่มัสยิด อ.เด่นชัย จ.แพร่ ที่มีระยะทางไกลถึง 130 กม.
ช่วงแรกมีแนวทางที่จะสร้างมัสยิดที่ริมฝั่งน้ำน่านตรงข้ามโรงพยาบาลน่าน เขตบ้านบุพผาราม ต.ฝายแก้ว อ.เมืองน่าน แต่ปรากฏว่า ชาวบ้านไม่ยอมขายที่ดินให้ เพราะเกรงจะเกิดปัญหาทางการเมืองขึ้นมา หรือจะเป็นจุดเริ่มของการก่อเหตุไม่สงบเหมือนภาคใต้ ทำให้ชาวมุสลิมน่าน หาที่ดินแปลงใหม่ ล่าสุดแผนก่อสร้างขึ้นที่ ต.น้ำแก่น อ.ภูเพียง จ.น่าน แต่ก็เกิดกระแสต่อต้านที่รุนแรงหนักขึ้น
โดยมีการอ้างว่า ชาวมุสลิมกลุ่มนี้จะสร้างศาสนสถานแข่งกับพระธาตุแช่แห้ง และพระธาตุเขาน้อย จนกลายเป็นกระแสของคนน่านต้านมุสลิมบานปลายออกไปแล้ว ภายใต้สโลแกนว่า “คนเมืองน่าน เมืองพุทธ เมืองสงบ”
นอกจากนี้ยังมีข้อความเน้นไปที่การก่อการร้ายสากลและการรุกครอบครองพื้นที่ของชาวมุสลิม เผยแพร่ไปในหมู่ชาวพุทธจังหวัดน่าน ทำนองว่า “อย่ามัวแต่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวแล้ว อ่านหน่อยเถอะแล้วแชร์ ยุโรปอยู่ไม่ได้แล้วหลายประเทศ แผนการยึดครองแผ่นดินไทย ภายใน 10 ปี ของผู้ก่อการ ขจก. ย้ำ ขจก. เอามาเตือนให้คิดกันอีกครั้งว่า มันเกิดขึ้นไปกี่ข้อแล้ว และในต่างประเทศมีกลุ่มหัวรุนแรงเพิ่มขึ้นแล้วเท่าไหร่ ร่วมกันผลักดันกลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรงให้พ้นไปจากประเทศไทย
แผนการ ต้องการโดดเดี่ยวสหรัฐอเมริกาและยุโรป ด้วยการเอาเอเชีย (ไทย ลาว เขมร เวียดนาม พม่า และมาเลเซีย) ร่วมเป็นรัฐอิสลาม หรือเป็นเครือข่ายผนวกอินโนนีเซียเป็นฐานต่อสู้อเมริกา และยุโรป โดยใช้มาเลเซียเป็นรัฐบาลกลาง โดยมุสลิมโลก นำมุสลิมจากซีเรีย ลิเบีย และอาฟกานิสถาน เข้ามาฝึกอาวุธ และการสื่อสารให้มุสลิมในภูมิภาคเอเชียรวมถึงอินโดนิเซีย (ซึ่งมีคนจนมาก) เชื่อมโยงกับฟิลิปปินส์ (ซึ่งมีคริสต์มาก) และมาเลเซียอิสลามแข็งแรงโดยเฉพาะในประเทศไทยเพราะมีพุทธมาก ซึ่งในปัจจุบันให้ ดร.มหาเธร์ แห่งมาเลเซีย เป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชีย แผนการระยะยาวได้เริ่มปฏิบัติการมาราว 40 ปี”
ทั้งยังมีการผูกโยงว่า “ปี 2545 พ.ร.บ.ธนาคารอิสลาม เกิดขึ้นด้วยเงินงบประมาณแผ่นดินมากกว่า 1,000 ล้านบาท การดำเนินงานขาดทุนทุกปี จนในที่สุดต้องยุบเลิกธนาคารชาริอะห์ ของธนาคารกรุงไทย ที่มีกำไร เพราะธนาคารกรุงไทย ดูแลอย่างใกล้ชิด และใช้งบประมาณสนับสนุนจำนวนมาก เพื่อมาควบรวมกับธนาคารอิสลามเหลือเพียงธนาคารอิสลามฯเพียงแห่งเดียวในปัจจุบัน
และอ้างอีกว่า “Time” หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของโลก เปิดโปงแผน Dream State ที่อิสลามหวังยึดครองประเทศไทย โดยรุกทางการเมืองจากภาคใต้ ขยายผลให้มีการเลือกพรรคของตนใน กทม. และภาคตะวันออก โดยสนับสนุนการเงินผ่านธนาคารอิสลาม แล้วใช้ Astv ปลุกปั่นคนไทยให้ฆ่ากันเอง ได้ผลดีกว่าที่คาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระแสดังกล่าวกำลังลุกลามมากขึ้น โดยที่ยังไม่มีใครไปสร้างความเข้าใจ และดูเหมือนจะสุ่มเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบรุนแรงในอนาคตได้เช่นกัน
ข่าว :
ผู้จัดการ
1 มีนาคม 2558
1 มีนาคม 2558