เหตุใดน้ำมันจึงต้องผ่านกรรมวิธี


ใน การทำขนมอบหรือเบเกอรี่ เป็นที่ทราบกันดีว่า หากคุณใช้น้ำมันแข็ง 1 ถ้วย ผสมกับแป้ง 2 ถ้วย และน้ำตาล 1 ถ้วย คุณจะได้ส่วนผสมที่ เมื่ออบออกมาเป็นคุกกี้แล้วแลดูสวยงาม แต่ถ้าคุณใช้น้ำมันเหลว 1 ถ้วยแทนน้ำมันแข็ง คุณจะได้คุกกี้ที่มีรูปร่างแบนๆเยิ้มๆออกมาแทน พวกที่ทำเบเกอรี่จะทราบกันดีว่า น้ำมันที่ใช้นั้นต้องเป็นน้ำมันที่มีความแข็งในระดับหนึ่ง
 
ทางบริษัทผลิตน้ำมัน จึงนำน้ำมันที่ทำจากเมล็ดพืชซึ่งส่วนมากมีความเหลวและใส ไปผ่านกรรมวิธีทำให้แข็งตัว เพื่อนำมาใช้ในการทำเบเกอรี่ ผลที่ได้ออกมาคือน้ำมันแข็งชนิดที่เรียกกันว่า ชอร์ตเทนนิ่ง
 
น้ำมันไม่สามารถนำไปทาหน้าขนมปัง จึงมีการนำน้ำมันไปผ่านกรรมวิธีให้แข็งตัวเพื่อจะได้ทาหน้าขนมปังได้เรียกว่า มาการีน ส่วน น้ำมันที่ใช้สำหรับทอดแบบใช้น้ำมันมาก หรือการทอดแบบท่วมน้ำมัน ไม่ต้องการน้ำมันที่แข็งตัว แต่ต้องการน้ำมันที่ทอดแล้วอาหารมีความกรอบ และต้องไม่ดูเยิ้มไปด้วยน้ำมัน อีกทั้งเพื่อป้องกันปัญหาไม่พึงประสงค์บางประการเช่น การทำปฏิกิริยากับออกซิเจน(การเกิดออกซิเดชั่น), การเกิดสารเหนียว(การเกิดโพลิเมอร์), หรือการเสียหายจากความร้อน จึงมีการนำน้ำมันไปผ่านกรรมวิธี ผลของการผ่านกรรมวิธีได้สิ่งที่เรียกว่า ชอร์ตเทนนิ่งเหลว หรือน้ำมันผ่านกรรมวิธี (RBD) ที่เราเห็นกันอยู่จนชินตา
 
ทั้ง ชอร์ตเทนนิ่ง, ชอร์ตเทนนิ่งเหลว, และมาการีน คือน้ำมันไม่อิ่มตัวธรรมชาติที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นน้ำมันที่มี โครงสร้างแบบ ไขมันทรานส์

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘